27 ส.ค. 2019 เวลา 13:33 • ปรัชญา
จากลูกชาวนาที่มีฐานะยากจนสู่นักแสดง
สตั๊นท์แมน ปัจจุบันคือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
มีที่ดินกว่า 600 ไร่ เพราะอะไรที่ทำให้เขามีได้อย่างทุกวันนี้
แอดเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้ดี
ใช่ไหมล่ะคะ เจ้าของวลี "จน เครียด กินเหล้า"
"เลิกเหล้า เลิกเครียด เลิกจน" นักแสดงโฆษณารณรงค์สื่อสารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ที่ออกฉายเมื่อปี 2548 ในโครงการเลิกเหล้า
เลิกจน เริ่มต้นเข้าพรรษา
โฆษณาที่แอดเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแต่กลับจำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบ 15 ปีแล้ว
มาทำความรู้จักกับเขากันดีกว่าค่ะ
ว่าเขาเป็นใครและทำอย่างไรถึงสามารถพลิกชีวิตตัวเองให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า " สายเชีย วงศ์วิโรจน์ "
เป็นนักแสดง นักร้องและสตั้นแมนชาวไทย
ซึ่งเป็นที่รู้จักจากโฆษณาชุด "จน เครียด กินเหล้า" โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ โฆษณาโทรทัศน์ รวมถึงผลงานในการเป็นนักแสดงตัวประกอบในภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ต่างประเทศ
ถึงแม้จะไม่ได้เล่นบทเด่นมากแต่ สายเชีย
เป็นนักแสดงชาวไทยที่แสดงหนังต่างประเทศมากที่สุดในประเทศไทย
หู้วววว จาพนมก็ไม่สู้น้าแกนะคะ 😁
มากจนแกลืมนับเลยล่ะค่ะว่าเล่นมากี่เรื่องแล้ว
ชีวิตของ "สายเชีย" นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมีชีวิตที่ดี สุขสบายแบบทุกวันนี้ ต้องผ่านความยากลำบาก ขุดส้วมแลกค่าเทอม เพราะอยากจะได้เรียน แล้วชีวิตของเขาก็พลิกผัน เมื่อได้มาเป็นสตันท์แมน ที่มีชื่อเสียงแถมได้โกอินเตอร์และเล่นหนังฮอลลีวูดประกบดาราชื่อดังระดับโลก ชีวิตการเป็นสตันท์แมน เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากต่อชีวิต เพราะผูกไว้เสี่ยงกับความตาย จนตอนนี้ก็ทำอาชีพอีกอย่างหนึ่งก็คือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
สายเชีย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2518ที่จังหวัดเชียงราย ก่อนที่จะอพยพไปอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร
โดยชื่อ "สายเชีย" นั้น มาจากถนนสายเอเชีย ที่พ่อเป็นผู้ตั้งให้ อันเนื่องจากเกิดตรงกับปีที่ตัดถนน
.......ที่มาของชื่อนี่อย่างเท่อะ😁😁😁......
ฐานะทางบ้านยากจนมาก โดยเป็นครอบครัวเกษตรกร จบแค่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ทำให้สายเชียต้องหาเลี้ยงชีพต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก
ในปี พ.ศ. 2528 จึงได้เดินทางตามเพื่อนเข้ากรุงเทพมหานคร งานแรกที่สายเชียได้ทำคือเป็นคนดูแลคนพิการที่มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ที่บางปู ต่อมาเริ่มประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป
ทั้งกรรมกรใช้แรงงาน รวมถึงชกมวย ได้ค่าแรงวันละ 80-100 บาท
จนกระทั่งได้เจอประกาศในหนังสือพิมพ์รับสมัคร
สตั้นแมนและตัวประกอบภาพยนตร์เรื่อง
Rambo III ที่ให้ค่าแรงถึง 800-1,200 บาท
จึงได้ไปสมัคร โดยบทแรกที่ได้รับ คือ ทหารยามเฝ้าหน้าพระราชวัง ในละครโทรทัศน์แนวจักร ๆ วงศ์ ๆ ค่าแรง 150 บาท
สายเชียมีผลงานเป็นนักแสดงตัวประกอบจากภาพยนตร์มากมาย ทั้งภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้แก่ A Moment of Romance, City of Ghosts, Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life, Batman Begins, Into the Sun, Typhoon, Rescue Dawn, Rambo IV, Ninja: Shadow of a Tear, The Burma Conspiracy, The Lady, Lost in Thailand, Only God Forgives นั่นหมายถึงการมีโอกาสได้ร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดหลายๆ คนโดยเฉพาะแองเจลีนา ในขณะที่ผลงานในประเทศไทย เช่น
องค์บาก, เกิดมาลุย, โกยเถอะเกย์, คู่แรด, อรหันต์ซัมเมอร์, เทวดาท่าจะเท่ง, ฮะเก๋า (ภาพยนตร์), 5 หัวใจฮีโร่, บุปผาราตรี 3.1, บุปผาราตรี 3.2, บางกอกกังฟู, เสือสั่งฟ้า, เมนูของพ่อ, เพชฌฆาต (ภาพยนตร์ไทย), เพื่อนขีดเส้นใต้, วานรคู่ฟัด เป็นต้น
โดยผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด คือ โฆษณาชุด จน เครียด กินเหล้า โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สายเชียพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ กันหลายครั้งจนกลายเป็นเอกลักษณ์
ซึ่งต่อมาทำให้สายเชียได้ร้องเพลงลูกทุ่งชื่อเดียวกันนี้ด้วย
หลังจากนั้นก็มีโฆษณา เลิกเหล้า เลิกจน
ผ่านมานานแค่ไหนดูได้จากวีดีโอที่ไม่มีความ HD เลย. 😁😁😁
👉ซึ่งผลงานแสดงทุกเรื่องต้องผ่านการแคสติ้งทั้งนั้น
อย่างโฆษณาที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จัก
อย่าง "จน เครียด กินเหล้า"
โฆษณาตัวนี้ผ่านการแคสติ้งได้ยังไง เขาตอบว่า
"เขาก็ให้ทำท่าเครียด เรียกมาทีละคน. แล้วก็ทำให้เขาดู สรุปว่าผมได้คงเพราะเราเครียดที่สุด
ความจริงชีวิตมันเครียดมาอยู่แล้วล่ะ
ถ้าไม่มีชีวิตแบบนั้นมามันทำไม่ได้หรอกครับ
......ถามว่าช่วงนั้นมีเรื่องเครียดพอดีเหรอ
อ๋อ! เครียดมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ
ความจริงเล่นหนังมาก่อนหน้านั้นแล้วเป็น 10 เรื่อง เป็นสตั้นแมนมาก่อน "
กว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยชีวิตเขาต้องผ่านอะไรมามากมาย
ส่วนเริ่มต้นการไปเป็นนักแสดงที่ต่างประเทศ เพราะรู้จักคนที่เป็นแคสติ้งอยู่แล้วเนื่องจากอยู่วงการเดียวกัน เขารู้จักฝีมือเลยเรียกไปแคสงาน
และด้วยฝีมือของเขา ทำให้เขากลายเป็นสตั้นแมนที่มีผลงานในภาพยนตร์ต่างประเทศมากมาย
👉ถามว่าทำไม่ถึงได้มีฝีมือแสดงเก่งขนาดนี้
ไปเรียนมาจากไหน "สายเชีย" ตอบว่า
"พื้นฐานเราไม่มีหรอกครับเรื่องการแสดง
แต่เรารู้จักธรรมะ ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
ิธรรมชาติของคนเวลาหิวก็อยากกิน
เวลาคิดถึงก็อาลัยอาวร.
เวลาโกรธก็ต้องไม่พอใจชักสีหน้าใส่กัน
ในสิ่งที่เป็นธรรมชาติเหล่านี้แหละคือคุณครูการแสดงที่ดีของผม. แล้วก็ละเมียดลงไปถึงวิธีคิดของเราในตอนนั้นด้วย. เฮ้ยเวลาเราโมโหจริงๆเราโมโหยังไง เฮ้ยคนโมโหมันแบบไหนมันต้องเป็นจริงๆก็เลยกลายเป็นการแสดงที่ไม่ใช่การแสดงคือทำจริงๆแต่ในความเป็นจริงมันคือการแสดง"
👉ชีวิตของ "สายเชีย" จบลำบากศาสตร์มา........
"ด้วยชีวิตเราโตมาจากผนังก่อสร้างตอนเย็นมาเขาคนงานก็จะกินเหล้ากัน ก็จะเป็นลักษณะที่จนเครียดกินเหล้า ผมเข้ามาก่อสร้างเมื่อก่อนก็มีเงินเหลือพันนึงผมก็ส่งกลับบ้าน
เพราะเราถูกสอนให้เราให้เป็นคนกตัญญูรักพ่อแม่พอเราส่งให้พ่อให้แม่เรารู้สึกมีความสุขรู้สึกดี
แล้วเราก็รู้สึกว่าตัวเราเองเอาตัวรอดได้ "
👉ไม่เลือกงานไม่ยากจน
คือผมไม่เลือกงานบางทีเป็นบล็อกอัพก็เป็น
อยู่ในสัตว์ตัวนั้นตัวนี้ ก็เป็นยุง เป็นเหา เป็นมด
เป็นแมลงสาบ เป็นช้าง เป็นลิงมีหลายๆสัตว์มาก
ที่ผมแสดง ซึ่งมันก็ยากนะ งานมันก็จะหนักหน่อย
เขาจะเรียกเราเพราะว่าเรามีความอดทนสูง
มันต้องมีความอดทนค่อนข้างจะสูงต้อง. คืออยู่ในตัวบล็อกอัพมันจะร้อนมากพักทีก็ต้องมีออกซิเจนสอดก็ไปแล้วหายใจ
ไม่ง่ายเลยนะคะ การอยู่ในบล็อกอัพต้องใช้ความอดทนสูงมาก
👉จนอะไรก็ได้แต่อย่าจนปัญญา
1
เงินไม่มี. ถ้าเรามีปัญญาเราก็หาได้
เรามีกำลัง. เรามีสมอง บางทีเราไม่มีอะไรไปแลก.
เราสามารถเอากำลังไปแลกเงินได้ถ้าเราไม่ขี้เกียจ
1
👉ประเด็นสำคัญที่ทำให้เราจน คือ
1. ขี้เกียจ
2. กลัว
3. อาย
อายจน บางคนก็อายจน ก็ยิ่งจนหนักกว่าเก่านะ
จนคือจนไม่มีก็คือไม่มี
อันนี้มันอยู่ในศีล 5 ที่เขาสอนมาดีอยู่แล้ว
ถ้าทำได้ตามนั้นมันก็จะดำเนินไปโดยไม่เบียดเบียนใคร
1
🌟ถ้าจะสรุปแบบสั้นๆว่าสิ่งที่ทำให้ สายเชียมีทุกอย่างในทุกวันนี้ ก็คือ
🌟ขยัน. อดทน สู้ชีวิตไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้ไม่ได้มีความรู้จากในห้องเรียน แต่เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่รอบๆตัว มีความกตัญญู
จนอะไรก็ได้แต่อย่าจนปัญญา🌟
💡ไหนๆช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงเข้าพรรษานะคะ
และโฆษณาที่ทำให้ สายเชียเป็นที่รู้จักก็สร้างขึ้นมาเพื่อช่วงนี้โดยเฉพาะ. แอดเลยเอาบทสัมภาษณ์ที่ให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากให้อ่านกัน
ในบทสัมภาษณ์. สายเชีย บอกว่า
โฆษณานี้มันมีอยู่2ช่วง ช่วงแรกก็จะเป็น
"จน เครียด กินเหล้า" ส่วนช่วงที่ 2 ก็จะเป็น
"จน เครียด เลิกเหล้า"
มันเป็นธรรมะไง มันเป็นสัจธรรม จนเราก็ต้องเครียด เพราะไม่มี
เพราะคนเรามันมีหน้าที่
👉พอมีภรรยาเราก็มีหน้าที่เป็นสามีของภรรยา
👉พอเรามีลูกเราก็มีหน้าที่ของความเป็นพ่อของลูก
👉มีเพื่อนเราก็มีหน้าที่ของความเป็นเพื่อน
👉มีพ่อแม่เราก็มีหน้าที่เป็นลูกของพ่อแม
✔่เพราะฉะนั้น มันต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
😥พอทำหน้าที่ของตัวเองไม่สมบูรณ์มันก็เครียด
ก็พยายามจะคิดหาทางออกเลยการดื่มเหล้า
มันก็จะจนอีก
เขาก็เลยพยายามจะให้มีโฆษณาอะไรแบบนี้มาสอนคน แต่ส่วนมากแล้วมาเจอมันก็ชวนเรากินเหล้าอยู่เป็นประจำแหละ และเราก็พยายามจะบอกว่า
👉"เฮ้ย! ที่กูโฆษณาน่ะ. กูจะบอกว่าอย่ากินเหล้านะไม่ใช่ชวนพวกแกกินเหล้า "👈
ส่วนอันนี้เป็นบทสัมภาษณ์เมื่อหลายปีมาแล้วตั้งแต่ช่วง เลิกเหล้า เลิกจน
หากจะพูดถึงประสบการณ์เกี่ยวกับน้ำเมาของ
สายเชีย เรียกได้ว่ามีประสบการณ์ตรงและหนัก เพราะคุณพ่อ ก็เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับ
แม่ก็ดื่ม ภรรยาก็ดื่ม จนเกือบจะถึงขั้นต้องเลิกรากันไป แต่จากประสบการณ์เลวร้ายหลายๆอย่างรวมกัน และสติที่เริ่มกลับมาคิดได้ว่า หากยังเดินหน้าบนเส้นทางน้ำเมา ครอบครัวก็คงไปไม่รอด ทำให้คนในครอบครัวเลิกเหล้าและกลับมามีความสุขร่วมกันได้อีกครั้ง
"ศาสนา เป็นสิ่งที่สอนให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คำสอนเหล่านั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่เริ่มจากตัวเอง เช่นเดียวกับคำว่า จน เครียด กินเหล้า ที่เมื่อเลิกแล้วก็จากยุ่นหลุดพ้นความจน ความเครียด คำเหล่านี้จึงล้วนเป็นสัจธรรมที่คนเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้"
สายเชียเริ่มต้นในการบอกเล่าเรื่องราวการ
กลับมารับหน้าที่นี้อีกครั้ง คงเหมือนกับอีกหลายครอบครัวที่ประสบปัญหาจากน้ำเมา เพียงแค่ครอบครัว"วงศ์วิโรจน์"ดูเหมือนจะโชคดีที่กลับมาได้ทัน ส่วนหนึ่ง
สายเชียอธิบายว่า น่าจะเกิดจากสติเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเวลาคนเราได้รับเรื่องราวร้ายๆ หลายๆอย่าง เมื่อถึงจุดหนึ่งก็คิดขึ้นมาได้เองว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งก็ต้องอาศัยคนรอบข้างมาช่วยกันด้วย
การบังคับให้เลิก สายเชีย เชื่อว่าไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ใครเปลี่ยนใจได้ แต่ก็ต้องมีจุดเรื่องราวที่ทำให้ได้ฉุกคิด เช่น แคมเปญรณรงค์ของ สสส.ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้บางคนคิดได้ เป็นต้น
ที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่ได้ดูโฆษณา ที่สายเชีย เป็นพรีเซ็นเตอร์และเข้ามาขอบคุณสายเชีย ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วยฉุกคิดและลด ละ เลิกได้ จนทำให้ครอบครัวมีความสุขอีกครั้งด้วย
คล้ายๆ กับเนื้อหาของเคมเปญใหม่ที่กำลังจะออกอากาศให้ได้ติดตาม(เลิกเหล้า เลิกจน) ก็เป็นเรื่องราวของคนที่มีสติและคิดได้ว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริงการที่เพื่อนชวนดื่มอาจสนุก แต่ก็เป็นความสุขชั่วคราว แต่ครอบครัว ลูก ภรรยา คือ ความสุขที่แท้จริง แต่การหันออกมาจากวงเหล้าได้ ก็ต้องอาศัยตัวเองล้วนๆ ที่จะคิดแล้วกล้าลงมือทำจริงๆ
"ผมเชื่อว่าการใช้ชีวิตตามหลักของศาสนาเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดความสุขขึ้นได้
โดยในคำสอนต่างๆ มีแนวทางบอกเราอยู่แล้ว ว่าควรใช้ชีวิตอย่างไร ถึงจะมีความสุข และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การใช้สติในการดำเนินชีวิต
อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท
ส่วนการที่จะให้ใครมาสอน ก็คงไม่ดีเท่าการที่เราจะเตือนตัวเอง เพราะการเตือนตัวเองจะทำให้คิดได้ เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำได้ ดีกว่าให้ใครมาบังคับ
ส่วนคนในครอบครัวหรือเพื่อนก็มีความสำคัญเช่นกัน ที่จะคอยเตือนได้เมื่อเริ่มประมาท แต่สำคัญที่สุดคือ เราเองต้องลงมือทำด้วย
ปัจจุบันเขายังคงรับงานนักแสดงทั้งโฆษณา
ละคร ภาพยนตร์แถมยังเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว
ของลูกๆ ทั้ง 3 คน
เพราะเรื่องราวความรักของเขาสุดท้าย
ภรรยาก็แยกทาง เจ้าตัวบอกว่า
"เราอาจไม่มีเวลาให้เค้า จริงๆผมโรแมนติก รักครอบครัว แต่เราห่วงสร้างฐานะ ทำไงให้มั่นคง เธอทำหน้าที่ของเธอ ชั้นทำหน้าที่ชั้น เราคิดง่ายไป เรื่องความใกล้ชิด เค้าก็เลยไปหาคนใกล้ชิดคนอื่น เราก็เลี้ยงลูก 3 คน ลูกสาวโตเป็นหนุ่ม ส่วนลูกชายก็โตเป็นสาวแล้ว"
2
และมีธุรกิจแบ่งที่ดินให้เช่ารวม 600 ไร่ อยู่ที่บางปะกงและนครชัยศรี ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้เชียบอกว่าเป็นเพราะคำว่า
"สู้"
“คนไม่มีกิน ต้องดิ้นรนอย่างเดียว ไม่มีเราต้องหา ไม่มีต้นทุนต้องสร้าง”
ลูกชาวนาฐานะยากจนในอดีตมีวันนี้ได้เพราะหลักการดำเนินชีวิตเคารพการตัดสินใจของตัวเอง บริหารจิตทำให้มันมีความสุข ไม่มีความทุกข์…บางทีชีวิตที่เราว่ามันอยู่ยากขึ้นทุกวัน มันจะง่ายกว่าไหมถ้าเริ่มจากความคิดสุขง่ายๆ ของเราเอง
ปล. ข้อคิดอีกอย่างคืออย่าทุ่มเทให้กับงานมากเกินไปจนลืมใส่ใจคนที่คุณรัก เพราะคุณอาจจะเสียเขาไปก็ได้
แอดหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านนะคะ😊
เรียบเรียง
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
ข้อมูลและรูปภาพ
วิกิพีเดีย
ไทยรัฐ
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา