24 ส.ค. 2019 เวลา 03:57 • กีฬา
#คุยเฟื่องเรื่องบอลไทย
“2:8” อัตราส่วนระหว่างกองหน้าไทยกับเวียดนาม ฤาพวกเขากะยิงเราเต็มที่?
2วันก่อนในขณะที่เราประกาศรายชื่อ33แข้งสำหรับลุยเวิร์ลคัพ รอบคัดเลือกรอบ2 ในเวลาเดียวกันทางฝั่งเวียดนามก็จัดแจงประกาศ26แข้งที่จะใช้รับมือไทยออกมาแบบทันควันเช่นกัน (รวดเร็ว-ทันใจ เหมือนสคริปท์ที่ถูกวางเอาไว้ยังไงยังงั้น)
จุดที่น่าสนใจและมีหลายคนตั้งข้อสังเกตุ คือ การเรียกผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าของเรา ซึ่งหนนี้มร.อากิระ นิชิโนะเลือกหยิบมาแค่2คนเท่านั้น นั่นคือ เจ้าอาร์มและเจ้าทู(ศุภชัย ใจเด็ดและชนานันท์ ป้อมบุปผา) พร้อมกับทิ้งปริศนาเอาไว้ให้แฟนบอลได้สงสัยถึงจำนวนผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางที่ยัดเข้ามามากถึง16คน
ผิดกับทางเวียดนามที่โมเดลการเรียกตัวของกุนซือแดนโสมขาวหนนี้มีจุดที่น่าสนใจคือ การหอบกองหน้าติดทีมมากถึง8คน (นำโดยเหงียน วาน เควียต, เหงียน คอง เฟือง, เหงียน วาน ได และเหงียน อันห์ ดุก ตัวเก๋าที่ยิงเราในคิงส์คัพ)
แม้แต่ศูนย์หน้าอย่างฮา มินต์ ตวน ซึ่งหลุดทีมชุดใหญ่ไปนานถึง6ปี หรือแม้แต่ฮา ดุค ชินห์ กองหน้าดาวรุ่งชุดโอลิมปิกที่เคยยิงไทยในรายการยู23ชิงแชมป์ทวีปรอบคัดเลือกที่ผ่านมา ทั้ง2รายที่ว่าก็ติดทีมชุดนี้มาด้วยเช่นกัน พูดง่ายๆ คือ หนนี้มีมาทั้งตัวเก่ง, ตัวเก๋า, ตัวสดและตัวถูกโฉลกยิงเรา พาเหรดกันมาแบบพร้อมหน้า
คำถามแบบคนขี้สงสัย คือ เหตุไฉนอัตราส่วนระหว่างกองหน้าไทยกับเวียดนามที่กุนซือทั้ง2ฝ่ายเรียกใช้ จึงมีปริมาณมากกว่ากันถึง4เท่า? หรือเวียดนามจะอยากถล่มเราให้เละคาบ้าน?
ว่ากันว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเรียกกองหน้าเข้ามามากถึง8คนของโค้ชปาร์คมาจาก2ข้อใหญ่ๆ
ข้อแรก นักเตะในตำแหน่งกองหน้าของพวกเขากำลังอยู่ในช่วง “น้ำขึ้นให้รีบตัก” และคงเป็นเรื่องยากหากโค้ชปาร์คจะปล่อยให้โอกาสทองหนนี้หลุดไปโดยที่ไม่ทำอะไรซักอย่าง
กองหน้าอย่างเหงียน วาน เควียต เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล2018 กำลังทำผลงานได้ดีกับฮานอย เอฟซีทั้งในบอลลีกภายในประเทศและรายการชิงแชมป์สโมสรทวีปอย่างเอเอฟซี คัพ เขามีส่วนร่วมในหลายประตูที่สโมสรทำได้ โดยเฉพาะในบอลถ้วยเอเชียรอบน็อคเอ้าท์ เจ้าตัวทำประตูไห้ทีมได้เกือบทุกนัด
เฉกเช่นเดียวกับฮา มินต์ ตวน กองหน้าที่หลุดทีมไปนานถึง6ปี และเหงียน วาน ตวน ทั้งคู่ก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี เพราะในบอลลีก หากไม่นับตัวต่างชาติและบรรดานักเตะแปลงสัญชาติ ทั้งคู่ก็เป็นกองหน้าที่กำลังนำดาวซัลโวร่วมอยู่
ข้อสอง ไทยกำลังอยู่ในช่วงขาลง และนี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเก็บ3แต้มกลับบ้าน
ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าผลงานที่ผ่านมาของทีมชาติไทยชุดใหญ่ไล่ตั้งแต่อาเซียนคัพ, เอเชี่ยนคัพ และล่าสุดคิงส์คัพ ทีมชาติไทยทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก ที่สำคัญมีเพียง2จาก8เกมเท่านั้นในปีนี้ที่ไทยเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ
“หลังยังไม่แน่น บวกฟอร์มยังไม่นิ่ง” คือ สิ่งที่โค้ชปาร์คมองเห็นได้จากทีมชาติไทยชุดนี้
ประกอบกับสื่อของเวียดนามเองต่างแสดงทรรศนะไปในทำนองเดียวกันว่า แม้ทีมชาติไทยจะได้โค้ชใหม่มีดีกรีเคยพาญี่ปุ่นลงเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วอย่างอากิระ นิชิโนะ แต่ระยะเวลาของการเข้ามาสู่ทีม, การคัดเลือกนักเตะ จวบจนไปถึงการฟอร์มทีมงานสต๊าฟโค้ชดูค่อนข้างจะฉุกละหุก และนี่เป็นโอกาสอันดีที่จะฉวยเอาเวลาแบบนี้ยัดเยียดความปราชัยให้ไทยถึงหน้าบ้าน
การมีกองหน้าให้เลือกใช้หลายสไตล์ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่มีใครจะหยั่งรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสนาม (บางทีตัวเก่งท็อปฟอร์มในลีก หรือสตาร์กองหน้าขวัญใจแม่ยกอาจตีนบอดในแมตช์ทางการแบบนี้ก็เป็นไปได้ และการมีกองหน้าบนม้านั่งสำรองเยอะหน่อยก็ช่วยให้โค้ชปาร์คมีแผนบี, ซี และดี)
“ก็ว่ากันไป” จริงอยู่ที่พวกเขากำลังมั่นใจกับเหล่ากองหน้า แต่ก็อย่าลืมว่าไทยหนนี้ก็มีกองกลางอหังการไม่แพ้กัน และในโลกของฟุตบอล มันก็ไม่มีสูตรตายตัวว่า “ใครมีกองหน้ามากกว่าจะเป็นผู้ชนะ” และคงไม่มีโค้ชคนไหนจะกล้าส่งแต่กองหน้าลงไปเพื่อหวังยิงประตูแบบบ้าคลั่ง (เพราะมันเสี่ยงต่อการโดนเกมสวนกลับ)
ดังนั้นไม่ว่าสัดส่วนกองหน้ามันจะคิดออกมาเป็นร้อยละเท่าไหร่ และแต่ละฝ่ายจะส่งใครเป็นเพชรฆาต สำหรับผู้เขียนลึกๆส่วนตัวก็ยังมั่นใจว่าแม้มันจะไม่ใช่งานที่ง่ายสำหรับทีมชาติไทย แต่เวียดนามจะกลับบ้านมือเปล่า และจะเป็นกองกลางของเรา(อีกนั่นแหละ)ที่จะยิงพวกเขาเหมือนแมตช์ในบ้านเมื่อ4ปีที่แล้วอีกครั้ง
แล้วท่านผู้อ่านล่ะ...เห็นด้วยหรือเห็นต่าง?
=akinson149=
“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์
Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย Teamthailand
#ช้างศึก #เชียร์ไทยใจเดียวกัน #TogetherAsOne #บอลไทย #ฟุตบอลไทย #นักฟุตบอลทีมชาติไทย #Thailand #Football #FAThailand #AsianQualifiers #FIFA2022 #ฟุตบอลโลก #บอลโลก #คัดบอลโลก #FIFAWorldcup #Qatar2022 #AFC #RiseBackUp #WorldCup #2022WCQ #FIFAWCQ
โฆษณา