26 ส.ค. 2019 เวลา 14:03 • ไลฟ์สไตล์
#6วิธีเลือกรองเท้าให้เหมาะสม
รองเท้าวิ่งนับเป็นอุปกรณ์การวิ่งคู่ใจนักวิ่งทุกคน เพื่อนๆหลายคนประสบปัญหาในการเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับเท้าของตัวเอง โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่ บางคนตอนลองที่ร้านรู้สึกดี แต่พอใส่วิ่งกับรู้สึกว่าไม่ใช่ ที่เห็นบ่อยๆคือเพื่อนๆที่เตะบอลเป็นประจำมักจะเลือกรองเท้าวิ่งเหมือนรองเท้าบอลคือเลือกให้ฟิตๆหน่อย พอมาวิ่งจริงกลับพบว่ามันคับเกินไป เพื่อนๆหลายๆคนโชคดีมีรองเท้าวิ่งคู่กายแล้ว แต่พอใส่ไปเรื่อยๆเริ่มเก่า รุ่นที่ตัวเองใส่อยู่ไม่ได้ผลิตต่อ บางทีมีเทคโนโลยีใหม่ๆออกมา อยากลอง อยากเปลี่ยนยี่ห้อบ้าง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเหมาะกับตัวไหม ลองมาดู Check Point สำคัญที่ต้องดูเวลาเลือกรองเท้าวิ่ง และข้อผิดพลาดที่ควรระวังกัน
1. ส้นเท้า (Heel)
เมื่อเพื่อนๆใส่รองเท้าวิ่ง ส้นเท้าของเพื่อนๆควรจะพอดีกระชับกับส้นรองเท้า เน้นว่าพอดีกระชับไม่ใช่คับเกินไปนะถ้าเพื่อนๆลองร้อยเชือกแบบหลวมๆไม่ได้ผูกเชือก เพื่อนๆควรจะสามารถถอดรองเท้าออกได้ครับ เวลาวิ่งอย่าลืมร้อยเชือกให้ถึงรูบนสุดเพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าเลื่อนไหลนะครับ ควรเลี่ยงรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกเจ็บนะครับ เพราะถ้าขนาดรองที่ร้านแล้วยังเจ็บ เวลาวิ่งความเจ็บจะทวีคูณนะคร้าบบ
2. หลังเท้า (Instep)
รองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเราควรจะกระชับ และห่อหุ้มบริเวณหลังเท้าของเราได้ดีครับ อย่าให้รู้สึกว่าหลังเท้าโดนบีบมากเกินไปนะครับ เพื่อนๆบางคนอาจรู้สึกว่ามีบริเวณที่รัดแน่นเกินไปเป็นจุดๆ (Hot Spot)
3. ความกว้าง (Width)
รูปเท้าของเพื่อนๆแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกันครับ รองเท้าที่เหมาะกับเราควรมีความกว้างที่เหมาะสมครับ เพื่อนๆควรจะสามารถขยับส่วนเท้าด้านหน้าได้บ้าง โดยเท้าไม่ควรแตะขอบของพื้นรองเท้า (Insole) ครับ ถ้าเพื่อนๆรู้สึกว่านิ้วเท้าของเราไปเกยขอบพื้นรองเท้า แปลว่ารองเท้าที่เพื่อนๆลองอยู่แคบไปสำหรับเท้าเราแล้วครับ
4. ความยาว (Length)
สาเหตุสำคัญที่ต้องมีที่ให้เท้าขยับขยายได้ทั้งความกว้างและความยาวเนื่องจากเท้าเราจะบวมขึ้นเวลาเราวิ่งครับ ดังนั้นอย่าลืมเผื่อที่ว่างระหว่างนิ้วเท้าที่ยาวที่สุดกับบริเวณปลายรองเท้าครับ ตอนลองรองเท้าเพื่อนๆลองผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อยแล้วยืนขึ้น นิ้วเท้าเพื่อนๆควรจะสามารถแกว่งขึ้น-ลงได้สบายๆครับ
5. ความโค้งงอตามรูปเท้า (Flex)
รองเท้าจะโค้งขณะวิ่งแล้วเกิดจุดหักครับ ซึ่งเราจะเห็นจุดหักนี้ได้โดยการถือบริเวณส้นรองเท้าแล้วกดปลายรองเท้ากับพื้นครับ เราเรียกจุดนี้ว่า Flex Point ครับ เพื่อนๆควรลองดูว่า Flex Point ของรองเท้าวิ่งที่เราลองนั้นใกล้เคียงกับของเท้าเราไหม และรองเท้างอไปตามรูปเท้าเราหรือเปล่านะครับ
6. ความรู้สึก (Feel)
ข้อนี้เป็นข้อง่ายๆที่เพื่อนๆหลายๆคนลืมขณะลองรองเท้าวิ่งครับ เพราะเรามักจะใส่ลองขณะเรานั่ง บางคนอาจจะลองยืนดู แอดแนะนำว่าอย่าหยุดแค่นั้นครับ 55 ลองวิ่งเบาๆไปรอบๆดูครับ สัมผัสความรู้สึกขณะวิ่งว่าเข้ากันได้ไหม เพราะอย่าลืมว่าเราซื้อรองเท้าวิ่ง ไม่ใช่รองเท้านั่งหรือรองเท้ายืนครับ 555 🙂
สำหรับข้อผิดพลาดที่พบเห็นได้บ่อยๆนั้นมีดังนี้ครับ….
ข้อผิดพลาด#1 เลือกเพราะความสวย (อย่างเดียว) สำหรับเพื่อนๆที่ซื้อเพราะสวยนั้น จริงๆก็ไม่ได้ผิดเหรอครับ แต่ควรให้ความสวยเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมจากความเหมาะสมครับ เมื่อเพื่อนๆใส่แล้วรู้สึกเหมาะกับเท้าเรา จากนั้นค่อยดูเรื่องความสวยงามก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ แถมยังเพิ่มความมั่นใจในการวิ่งอีกด้วยครับ
ข้อผิดพลาด#2 เลือกรองเท้าที่เล็กเกินไปเพื่อนๆหลายๆคนมักจะเลือกรองเท้าที่คับเกินครับ บางคนเผื่อว่ารองเท้าจะยืดทีหลัง บางคนเลือกรองเท้าตามกีฬาประเภทอื่นที่ตนเคยเล่นครับ สุดท้ายรองเท้าคับเกินจนเจ็บเท้าล่ะครับ คำถามคือจะรู้ได้ไงว่าแบบนี้คับเกินไปหรือเปล่า หลักการง่ายๆคือ “ให้นิ้วเท้าเราเล่นเปียโนได้” ครับ หมายความว่ามีที่พอที่นิ้วเท้าเราสามารถขยับไปมาได้ (ประมาณครึ่งนิ้วจากปลายรองเท้า) แต่ก็ไม่ใช่หลวมเกินไปนะครับ
ข้อผิดพลาด#3 ซื้อรองเท้าผิดเวลา
เพื่อนๆอาจจะยังไม่ทราบว่าในช่วงเวลาหนึ่งวันเท้าเรามีขนาดไม่เท่ากันนะครับ ปกติแล้วในตอนเช้าเช้าเราจะเล็กกว่าตอนเย็นครับ โดยเฉพาะตอนวิ่งเท้าเราก็จะขยายขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้พยายามซื้อรองเท้าตอนเย็นนะครับ
ข้อผิดพลาด#4 เดา Size รองเท้าตัวเอง
เพื่อนๆหลายๆคนยึดติดกับขนาดรองเท้าที่ตนเองใส่อยู่ ไม่ว่าใส่ทำงานหรือใส่เล่นกีฬาอย่างอื่น พอถึงคราวซื้อรองเท้าวิ่งก็คิดว่าจะเลือกขนาดเดียวกันได้เลย จริงๆแล้วไม่ใช่ว่า Size มันไม่เท่ากันหรอกครับ แต่ลักษณะทรงของไม่เหมือนกัน แม้แต่รองเท้าวิ่งเหมือนกัน แต่คนละยี่ห้อ คนละรุ่น ก็อาจให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองรองเท้าที่เรากำลังจะซื้อจะดีที่สุดนะครับ
ที่มา:
Matt Allyn, How to Buy the Right Running Shoes, Runner’s World
โฆษณา