เมื่อเด็กโดนถอนฟัน...จะเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน!
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีเด็กประถมคนหนึ่งในห้องเรียนเกิดฟันผุแล้วต้องโดนถอนฟันออกไป
หมอฟันที่ฝั่งยุโรปตะวันตกนี่คิวทอง หมอฟันที่ประเทศ Holland ก็เหมือนกัน ขายดิบขายดีตารางนัดมักเต็มเอีัยด
หากเด็ก ๆคนไหนต้องมีการตรวจฟันหรือถอนฟันแต่ตารางนัดก่อนเข้าเรียนหรือหลังเลิกเรียนไม่ว่าง...ก็ต้องนัดในช่วงเวลาเรียน โดยแจ้งคุณครูว่าวันไหนลูกมีนัดกับหมอฟันล่วงหน้าสักวันสองวัน
สมมุติว่าคุณหมอนัด 10 โมงเช้า เด็กต้องไปเข้าเรียนตอนเช้าก่อน ที่นี่จะเข้ากันประมาณ 8.30 น. ค่ะ
พอใกล้เวลานัดก็จะกะเวลาให้ใกล้เคียงว่าจากโรงเรียนลูกถึงคลีนิคหมอฟันต้องใช้เวลาเดินทางกี่นาที โดยส่วนใหญ่จะอยู่ไม่ไกล 15 -20 นาที โดยการปั่นจักรยาน เมื่อพบคุณหมอเสร็จแล้วก็พากลับมาส่งที่โรงเรียนค่ะ
อย่าได้คิดฝันว่าจะลากลับบ้านไปเลยหรือพากันไปเป็นชั่วโมง ๆ นะคะ เพราะที่นี่ไม่มีใครขาดเรียนกันง่าย ๆ มันน่าอายถึงคุณครูจะไม่พูดอะไรแต่ผู้ปกครองต่างรู้กฏระเบียบโรงเรียนกันดีค่ะ
ต่อให้เด็กไปเล่นกีฬา ขี่จักรยานหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรมาแล้วแขนเดาะ ขาเดาะ กระดูกร้าวต้องเข้าเฝือกแต่ถ้าคุณหมอบอกว่าไม่เป็นอันตราย เด็ก ๆ ก็ต้องมาเรียนกันทั้งที่เข้าเฝือกอย่างนั้นแหละค่ะ
ยกเว้นเด็กอนุบาลเพราะเด็กวัยนี้อาจจะป่วยง่ายหน่อยและยังไม่ได้เรียนอะไรมากนัก ทางโรงเรียนพอจะอนุโลมให้ได้บ้างและเด็กส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากขาดเรียนด้วยค่ะ
คนที่นี่ส่วนใหญ่จะเคารพกติกาและทำตามด้วยความซื่อสัตย์ โดยมีความไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐาน ทำให้ไม่เกิดการระแวงใจ ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไปและรับผิดชอบในส่วนของตนให้ดีที่สุดค่ะ
โดยส่วนใหญ่เมื่อเด็กไปหาหมอฟันแล้วคุณหมอก็จะบอกว่าเสร็จแล้ว เด็กสามารถกลับไปเรียนต่อได้เลย หากมีเคสไหนนัดถอนฟัน คุณหมอจะพาเด็กดู x-ray ในช่องปาก บอกรายละเอียดคร่าว ๆ ที่เด็กควรรู้ก่อนถอนฟันและหากเด็กหรือผู้ปกครองมีคำถามก็สามารถถามได้ตอนนั้นเลยค่ะ
พอเด็กขึ้นเตียงก็จะมีทั้งเคสฉีดยาชาและไม่ฉีดค่ะ การถอนก็ไม่ได้มีผ้ามาปิดหน้าปิดตาเด็กนะคะ ทำกันสด ๆ นั่นแหละเด็กเห็นทุกอย่างเท่าที่จะเห็นได้ ณ ตอนนั้นค่ะ
ถ้าถามว่าเด็กกลัวไหม....ส่วนใหญ่ไม่กลัว....เพราะไม่มีใครไปชี้นำให้กลัวค่ะ
คุณพ่อคุณแม่จะพูดคุยพูดเล่นกับลูกตามปกติและจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องทำฟันค่ะ แต่เมื่อถึงมือหมอก็ให้มืออาชีพอย่างคุณหมอจัดการไป
หมอทุกคนที่นี่ต่องผ่านการอบรมด้านจิตวิทยามาอย่างดีแล้วทั้งนั้นเพราะฉะนั้นปล่อยให้คุณหมอพูดคุยกับเด็กไปเองเลยดีกว่าและเด็ก ๆ ก็มักจะชอบคุยกับคุณหมอเสียด้วย
เมื่อเด็กกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนคุณครูก็ทักทายถามนิดหน่อยเพื่อจะได้รู้อาการของเด็กคร่าว ๆ โดยไม่รบกวนอารมณ์เด็กจนเกินไป
หลังจากนั้นประมาณวันสองวันก็จะถามเด็กคนนั้นว่าช่วยเล่าเรื่องไปหาหมอฟันให้เพื่อน ๆ ฟังหน่อยได้ไหม ถ้าเด็กบอกว่าได้คุณครูจะให้เด็กออกไปเล่าโดยไม่มีการบังคับเด็ก เอาตามความสมัครใจของเด็กเป็นหลักค่ะ
การเล่านี่เด็กจะออกไปเล่าหน้าชั้นหรือจะลุกขึ้นยืนอยู่กับที่ก็ได้ค่ะ เอาที่เด็กสบายใจก็แล้วกัน
เด็กก็จะเล่าตั้งแต่ต้นจนจบเท่าที่ตัวเองจะจำได้ เด็กนักเรียนคนอื่นได้ฟังก็มักจะร้องฮูฮู้เก่งจัง เธอเป็นคนที่กล้ามาก คนเล่าภูมิใจ คนฟังปรบมือ คุณครูก็จะขอบคุณเด็กที่ออกมาเล่าให้ฟัง
และจะไม่พูดแทรกสอนเสริมเรื่องฟันควรจะสวย ฟันควรจะสะอาดนะคะ เดี๋ยวจะทำให้เด็กที่เล่ารู้สึกไม่ดี อาจจะสอนเรื่องทานผัก ผลไม้ มีประโยชน์อย่างไร ส่วนเรึ่องวิธีแปรงฟันให้สะอาดเอาไว้สอนในสัปดาห์อื่น ๆ ค่ะ
แต่ทำให้เด็ก ๆ ในชั้นเรียนที่ได้ฟังเรื่องราวในวันนั้นเวลาไปหาหมอฟันก็จะไม่เกิดอาการกลัวหมอค่ะ แบบว่าเพื่อนทำได้...ฉันก็ทำได้เหมือนกัน อิ อิ อิ
เรื่องความสะอาดของร่างกายเด็ก ๆ เนี่ย คุณครูจะไม่มาจู้จี้จุกจิกนะคะ....เพราะเขาถือว่าคนที่ต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องความสะอาดและการแต่งกายของเด็กโดยตรงเนี่ยคือคุณพ่อคุณแม่ของเด็กค่ะ
นักเรียนจะสะอาดมากสะอาดน้อยจะไปตำหนิติเตียนเด็กไม่ได้ ต้องให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองเป็นคนดูแลและสอนลูกค่ะ
ส่วนคุณครูก็มีหน้าที่พัฒนาการเรียนการสอนให้ความรู้เด็กอย่างเต็มที่ ทำอย่างไรเด็กถึงจะเข้าใจเรื่องที่สอนได้ง่าย ๆ และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง รวมถึงมีความสุขกับการมาโรงเรียนทุก ๆ วัน
ต่างฝ่ายต่างแบ่งกันรับผิดชอบและทำมันให้เต็มที่ แล้วอย่างนี้ชาติจะไม่เจริญได้อย่างไร จริงไหมคะ...ว่าแล้วอย่ารอช้า...ใครไม่ทำช่างเขาแต่เราทำนำไปก่อนเลยจ้า... อิ่มก่อนดูโขนดูหนัง อิ่มทีหลังล้างถ้วยล้างชาม ตะลาล่า 😄
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
