โรงเรียนของหนู
เมื่อลูก ๆ ถึงเกณฑ์เข้าเรียน คุณพ่อคุณเม่ก็มักจะวุ่นเรื่องการหาโรงเรียนให้ลูก ๆ กันใช่ไหมคะ
มาดูกันว่าผู้คนที่ประเทศ Netherlands ส่วนใหญ่เลือกโรงเรียนแบบไหนถึงทำให้เด็กประเทศนี้เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก
ที่ประเทศนี้มีโรงเรียนตั้งกระจายล้อมรอบชุมชนห่างกันเป็นระยะ ๆ ไม่ไกลจากกันมากนักเกือบทั้งประเทศ เมื่อถึงเวลาที่เด็ก ๆ จะเข้าเรียนผู้ปกครองโดยส่วนใหญ่มักจะเลือกโรงเรียนที่อยู่แถว ๆ บ้านหรือใกล้บ้านที่สุดค่ะ
ผู้ปกครองโดยส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกจากชื่อเสียงหรืออะไรแต่มักจะเลือกจากความสะดวกสบายในการเดินทางไปโรงเรียนของเด็ก ๆ ค่ะ
เพราะตอนเช้าเนี่ยเด็ก ๆ ไม่ต้องรีบตื่นมากนัก มีเวลาทานข้าวพูดคุยกันในครอบครัวแถมยังมีเวลาดูการ์ตูนบ้างในบางวันก่อนไปโรงเรียนด้วยค่ะ
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ตอนเช้าไปส่งลูกแล้วก็จะเลยไปทำงานเลย ตอนเย็นก็มารับลูกหลังเลิกเรียนแล้วกลับบ้านสบาย ๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ จะขอไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนหรือไม่ก็เพื่อน ๆ ขอมาเที่ยวที่บ้านซึ่งบ้านของแต่ละคนก็อยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก คุณพ่อคุณแม่สามารถไปรับไปส่งได้อย่างสะดวกค่ะ
เด็ก ๆ มักจะผลัดเวียนกันไปเล่นบ้านนั้นบ้าง บ้านนี้บ้างหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป ผู้ใหญ่ก็ผลัดกันรับผิดชอบผลัดกันดูแล ทำให้เด็ก ๆ มีเพื่อนเล่นทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน รวมถึงวันเสาร์-อาทิตย์ มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ active กันเสมอ
รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนต่างก็เห็นหน้าค่าตา บางทีก็เล่นกันข้ามรุ่นสนุกสนานไปตามประสาช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีร่วมกันระหว่างเด็ก ๆ ด้วยค่ะ
ในเรื่องการเรียนการสอนจะมีมาตรฐานกลาง เวลาสอบก็จะมีข้อสอบกลางที่จะออกข้อสอบออกมาทดสอบให้เหมาะสมในการเรียนรู้ของแต่ละวัย ทำให้คุณภาพโรงเรียนที่นี่จะใกล้เคียงกัน จะเรียนที่ไหนก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
เพียงแต่ว่าอาจจะมีบางโรงเรียนที่มีการสอนบางอย่างเพิ่มเติมแต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องของโรงเรียนค่ะซึ่งทางโรงเรียนนั้นก็จะมีการทดสอบมาตรฐานการเรียนของโรงเรียนตัวเองอีกชุดค่ะ
การเรียนการสอนพิเศษที่ว่านั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กนะคะ เด็ก ๆ จะต้องเรียนด้วยความสุข สนุกและได้ความรู้เสริมเพิ่มไปในตัวค่ะ
แต่เมื่อมีการสอบประสิทธิภาพของโรงเรียนจะอยู่ที่ข้อสอบกลางซึ่งเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็สอบผ่านกันแบบไม่ต้องห่วงค่ะ เหตุเพราะการเรียนการสอนที่มีระบบและที่สำคัญอีกอย่างหนึ้งคือคุณครูในแต่ละโรงเรียนจะแบ่งปันความรู้กันค่ะ
ที่นี่ในบางโรงเรียนจะมีวัน Study Day ซึ่งหมายถึงวันเรียนของคุณครูค่ะ โดยจะมีประมาณเดือนละครั้ง
ทางโรงเรียนจะส่ง e-mail แจ้งไปให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้าก่อนว่าจะเป็นวันไหนและวันนั้นนักเรียนต้องหยุดเรียนหรือเรียนแค่ครึ่งวันเพื่อให้ผู้ปกครองได้จัดตารางเวลาเตรียมการไว้ล่วงหน้า
การเรียนของคุณครูจะไม่ทำกันในวันเสาร์หรืออาทิตย์นะคะ หากจะมีจริง ๆ ก็จัดว่าน้อยเอามาก ๆ เพราะว่าทุกคนถือว่าวันเสาร์-อาทิตย์คือวันหยุดพักผ่อนค่ะ
เพราะฉะนั้นการที่ลูกเรียนโรงเรียนใกล้ ๆ บ้านจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีของผู้ปกครองเนื่องจากสะดวก ประหยัดเวลาและปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เพราะเรียนและอาศัยอยู่ในชุมชนนั้น ผู้คนก็รูจักหน้าค่าตากัน หากมีอะไรก็สามารถช่วยเหลือกันได้
เด็ก ๆ มีความสุขกับการไปเรียนและได้สนุกเต็มที่หลังเลิกเรียน
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็สะดวกในการไปรับส่งลูกและพอลูกโตหน่อยก็สามารถไปโรงเรียนเองได้ บางทีก็พาน้อง ๆ ไปเรียนด้วยกันช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ไปอีกทาง
ทุกคนมีเวลาให้กับงาน, เรียน, เวลาส่วนตัวและมีเวลาให้กันในครอบครัวอย่างเต็มที่แถมยังประหยัดเงินค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหารและอื่น ๆ อีกจิปาถะด้วยค่ะ
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้จะเกิดความสำเร็จขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีการจัดระบบที่ดี รวมถึงมี ผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ดูแลหมู่บ้านที่ดีมีความรับผิดชอบ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของชุมชนโดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เป็นอนาคตของชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว
และแน่นอนค่ะว่า....คนที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนเรื่องการศึกษา ความปลอดภัย รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ในชุมชนที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือผู้คนในพื้นที่นั่นเอง ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ มีความรักสามัคคีเกิดขึ้นที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นทุกครั้งไปจริงไหมคะ
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
