NOROVIRUS VS ROTAVIRUS
.
#ภาวะติดเชื้อในลำไส้ ท้องเสียเรื้อรังอาจเป็นอันตรายกว่าที่คิด
ภาวะติดเชื้อในลำไส้เฉียบพลันจากการท้องเสียเรื้อรัง เตือนบริโภคอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ปรุงสุก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และใส่ใจสุขภาพ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร หมายถึง การติดเชื้อของอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจากแบคทีเรีย รองลงมาคือเชื้อไวรัสและปรสิต
#อาการหลัก คือ การปวดท้องที่อาจเกิดได้ที่ช่องท้อง ไม่มีอาการปวดเฉพาะจุด ร่วมกับอาการท้องเสีย มีไข้ได้ โดยลักษณะอาการมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันทันที เรียกว่า การติดเชื้อเฉียบพลัน
โรคติดเชื้อทางเดินอาหารเป็นโรคที่พบได้บ่อยทุกวัน เกือบทุกคนเคยผ่านการติดเชื้อระบบทางเดินอาหารมาแล้ว เช่น อาหารเป็นพิษ ติดต่อได้ง่าย ระบาดได้ง่าย ในชุมชนต่างๆ และผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงจากการรับเชื้อ เช่นเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้
#สาเหตุการรับเชื้อ มักเกิดจากการบริโภคอาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด โดยเชื้อโรคที่อยู่ในตัวผู้ป่วยปนเปื้อนอยู่ในน้ำ อาหาร และมือ เข้าสู่ปาก โดยเชื้ออาจติดอยู่ที่เครื่องมือเครื่องใช้ในการอุปโภค บริโภค เช่น ช้อน แก้วน้ำ จาน ชาม
#การป้องกัน โดยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน จึงเป็นสิ่งสำคัญ และการมีอาการของโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร ต้องดูแลประคับประคอง ป้องกันไม่ให้เกิดอาการขาดน้ำ การขาดสมดุลของเกลือแร่ โดยการดื่มน้ำสะอาด การใช้ยาผงเกลือแร่ และการรักษาตามสาเหตุ เช่นการติดเชื้อบางชนิดที่อาจต้องได้รับยาฆ่าเชื้อ รวมถึงการดูแลตัวเอง ป้องกันการรับเชื้อซ้ำ และป้องกันการระบาดสู่ชุมชน
#รู้ทันมั่นใจป้องกันได้ #กรมการแพทย์ #ลำไส้อักเสบ #ท้องเสีย #หมอจรจัด
ราชบุรี-เชื้อโนโรไวรัสระบาดทำให้อาหารเป็นพิษ นักเรียนชั้นอนุบาลท้องเสียกว่า500คน โดยเด็กเริ่มมีอาการอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลวบางส่วนมีไข้
เชื้อโรคตัวนี้ค่อนข้างจะตายยาก แพร่ระบาดได้ง่าย ด้านความรุนแรงนั้นทางคุณหมอบอกไม่รุนแรงมาก ยกเว้นว่าเป็นเด็กน้อยผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง ถ้าสูญเสียน้ำมาก จะไม่สามารถให้น้ำหรือสารเหลวทดแทนแล้วก็อาจจะมีอาการชักได้
#ไข้อาเจียนท้องร่วง หรือ กระเพาะลำไส้อักเสบ(gastroenteritis) ในเด็กตอนนี้กำลังมาแรงมาก (5/9/62)
ซึ่งแน่นอนคงหนีไม่พ้น ไวรัส 2 ตัวนี้นั่นคือ โรต้าไวรัส (#Rotavirus) และ โนโรไวรัส (#Norovirus)
ตอนนี้ ลองไปถามเถอะครับ แทบทุกรพ. ตรวจและ แอดมิทนอนกันแทบทุกวัน.... โคราชรับกันทุกวัน
ที่อื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง ส่งข่าวกันได้นะครับ
ไวรัส 2 ตัวนี้ แทบจะเป็นไวรัสตัวหลักๆของโรคเลยก็ว่าได้ อาการคล้ายคลึงกัน
#โรต้า >> มักพบในเด็กเล็กเช่นอายุน้อยกว่า 2 ปี (แต่ปีที่แล้ว มีดาราดัง ที่เป็นคุณแม่ท่านหนึ่งโดนโรต้าสอยร่วงเข้ารพ.ก็มี)
#โนโร >> พบได้ทุกช่วงวัย เด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ก็เจอครับ... อาการก็รุนแรงพอกัน แต่ระยะเวลาของโรคสั้นกว่าโรต้า
>> อาการแสดง >> ของทั้ง 2 ตัวมีความคล้ายคลึงกัน คือ หลังสัมผัส ผู้ป่วย หรือ ได้รับไวรัส 12-48 ชม.
ก็จะมีอาการไข้ อาเจียนอย่างมาก กินไม่ได้ ต่อมา ก็จะถ่ายเหลวเป็นน้ำ ปริมาณมาก
เด็กที่พอสื่อสารได้ อาจบอกว่าปวดท้อง แต่ เด็กเล็กๆ อาจมีอาการร้องกวนมากผิดปกติ
อาการอาเจียน ถ่ายเหลว หากปล่อยทิ้งไว้ เด็กจะเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงมากขึ้น จนถึงขั้นช็อค
และเสียชีวิตได้ บางรายมาถึงรพ.ไตวาย ระดับเกลือแร่ผิดปกติรุนแรง
>> การรักษาหลักๆ คือ ประคับประคอง ให้ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน ให้สารน้ำทดแทนเช่น ORS
ที่เหลือคือ รอเวลาร่างกายจัดการเชื้อโรค และ ฟื้นตัว....
ไม่มียาฆ่าเชื้อ... เพราะ มัน เป็น ไวรัส นะครับ....
ดังนั้น....
>>> การป้องกัน <<< จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด นั่นคือ "การล้างมือ" รัวๆเลยครับ...
กินร้อน (ของสุกใหม่ๆ) ช้อนกลาง (ใช้ช้อนกลาง) ล้างมือ.... อันนี้ยังคงเป็นการป้องกันที่ดี
การหยอดวัคซีนป้องกันโรต้า >>> ทำได้เฉพาะในเด็กอายุ 2 เดือน-8เดือน โดยครั้งแรกของการหยอด
อายุไม่ควรเกิน 3 เดือน และครั้งสุดท้ายไม่เกิน 7-8เดือน >>> ไม่มีการหยอดป้องกันในวัยอื่นๆนะครับ
ส่วนโนโรไวรัส >> ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ต้องใช้หลักการดูแล เรื่องความสะอาด+ล้างมือล้วนๆ
ช่วยๆกันเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้ครับ....
#หมอจิรรุจน์
กุมารแพทย์
พบว่าเป็นเชื้อโนโรไวรัสสายพันธุ์ GII.3[P25] ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อย มีการรายงาน ในครั้งนี้เราพบการระบาดเป็นวงกว้าง
ไวรัสนี้ทำให้เกิดท้องเสีย อาเจียนและ ปวดท้อง บางรายอาจจะมีไข้เป็นอยู่ 1 ถึง 3 วันอาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษมาก ทำให้เข้าใจว่า อาหารเป็นพิษ พบได้ในทุกวัย และติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งป่วยพร้อมกันทั้งครอบครัว หรือระบาดในโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก
ไวรัสนี้ไม่มีเปลือกหุ้มจึงมีความคงทนในสิ่งแวดล้อมมากและทนต่อน้ำยาฆ่าเชื้อเช่น แอลกอฮอล์ สารที่จะใช้ทำลายเชื้อได้ดีคือน้ำยาที่มีส่วนประกอบของคลอรีน เช่น คลอรอกซ์ (น้ำยาล้างห้องน้ำ)
ดังนั้นในการฆ่าเชื้อเช่นผ้าอ้อมเด็กที่ใช้แล้วทิ้ง ที่ปนเปื้อนอุจจาระเด็กท้องเสีย ก่อนทิ้งให้หยดน้ำยาล้างห้องน้ำลงไปทำลายเชื้อเสียก่อน แล้วค่อยม้วนทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายออกไป
ทำความรู้จักกับอาการท้องเสียที่มีสาเหตุมาจาก ‘โนโรไวรัส’ (Norovirus) ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาสุขภาพ และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.megawecare.co.th/content/5960/เทรนด์สุขภาพประจำเดือนมรกาคม-2565
190911
UPDATED 2022.08.24
🇨🇵 Smecta® 🇰🇷 Dehecta® dioctahedral smectite
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
