20 ก.ย. 2019 เวลา 08:43 • ประวัติศาสตร์
การล่มสลายของ Aztec ตอนที่ 1
0.
ค่อยๆเดินตามผมมานะครับ ระวังนิดนึง พื้นที่ป่าแถวนี้รกชัฏมาก
กำลังสงสัยใช่ไหมครับว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหน
ได้ครับ ผมจะเล่าภาพใหญ่ๆใหฟังกันก่อนคร่าวๆคุณจะได้นึกออกว่าสิ่งที่เรากำลังจะไปเผชิญมันมีอะไรบ้าง
แต่ต้องขอเตือนไว้นิดนึงนะครับว่า การหลงไปในประวัติศาสตร์ของเรารอบนี้อันตรายมาก เพราะจะมีทั้งการบูชายัน ควักหัวใจ สงครามระหว่างเผ่า แล้วก็โรคระบาดที่น่าเกลียดน่ากลัว
2
ปีที่เราเดินทางมาถึงคือ ค.ศ.1519 ครับ คร่าวๆก็ประมาณ 500 ปีที่แล้ว
ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาหลังจากที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางมาพบทวีปอเมริกาเรียบร้อยแล้ว พอหลังจากนั้นมหาอำนาจทางทะเลทั้งสองคือ โปรตุเกสและสเปน ก็เกิดข้อพิพาทแย่งดินแดนกันจนถึงขั้นที่ว่าพระสันตปาปาต้องมาช่วยตัดสิน โดยการขีดเส้นสมมติขึ้นมาเส้นนึง เป็นเส้นที่ทุกวันนี้เราเรียกว่า ตอร์เดอซิยาส (Tordesillas) เพื่อแบ่งดินแดนที่ค้นพบใหม่ให้เป็นสองส่วน ดินแดนที่อยู่ฝั่งหนึ่งหนึ่งของเส้นลากนี้ยกให้สเปน ดินแดนอีกฝั่งของเส้นยกให้โปรตุเกส
1
เส้นที่โปรตุเกสกับสเปนใช้แบ่งเค้กจะได้ไม่ทะเลาะกัน
หลังจากที่ได้รับการแบ่งดินแดนเรียบร้อยแล้ว ชาวสเปนก็เริ่มออกสำรวจทวีปอเมริกาที่ตัวเองได้รับมาจากพระสันตปาปาอย่างจริงจัง
คราวนี้เรามากางดูแผนที่ของทวีปอเมริกากันสักหน่อยครับ
ถ้าเรามองจากแผนที่ จะเหมือน สองทวีปใหญ่มาผูกกันไว้ ทวีปด้านบนคือ ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปด้านล่างคือทวีปอเมริกาใต้
ส่วนตรงกลางเชื่อมกันไว้ด้วยคือ อเมริกากลางหรือ mesoamerica
และเป็นดินแดน mesoamerica นี้ครับ ที่เรากำลังมุ่งหน้าไป เรื่องราวทั้งหมดที่เราจะคุยกันในตอนนี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ดินแดนแห่งนี้ครับ
1
1.
ประมาณแปดปีก่อนหน้าที่เราจะเดินทางมาถึง ราชสำนักของสเปนได้ส่ง ทหารนักสำรวจที่ทุกวันนี้เรารู้จักในชื่อ คองคิสตาดอร์ (Conquistador หรือผู้พิชิต) มารุกรุกรานและยึดเกาะคิวบาจากชาวพื้นเมืองให้เป็นของสเปน หลังจากที่ยึดดินแดนได้แล้ว ก็มีการตั้งแต่ง Conquistador ที่ชื่อ ดิเอโก เวลาสเควซ (Diego Velazquez) ให้ทำหน้าที่ดูแลปกครองเกาะแห่งนี้
ผมชื่อ วาลาสเควซครับ
ในสงครามยึดเกาะคิวบาจากชนพื้นเมืองครั้งนั้น มีเด็กหนุ่มชาวสเปนวัย 19 ปีคนหนึ่งเดินทางมาร่วมรบด้วยคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ เฮอร์นัน คอร์เตส (Hernan Cortes) ในตอนนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสีประสามากนัก แต่ในเวลาหลายปีที่เขามาอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้เขาก็เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความทะเยอทะยานมากขึ้น เพียงแต่ว่าในเวลานั้น เขายังไม่รู้ว่าความทะเยอทะยานของเขา จะเป็นเหตุให้อารยธรรมที่ดำรงมาเป็นเวลาร้อยๆปีล่มสลายลงในเวลาไม่กี่ปี ความทะเยอทะยานของเขาจะส่งผลให้มีคนตายนับล้านคน
1
ส่วนผมคือ คอร์เตสตอนอายุมากแล้ว
2.
หลังจากที่ Velazquez ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลคิวบา ในช่วงปีค.ศ. 1517-1518 เขาก็เริ่มส่งทีมสำรวจชุดใหม่ๆออกไปสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง และมีหลายครั้งที่ทีมสำรวจนำเรื่องราวที่ได้รับฟังมาจากชาวพื้นเมืองกลับมาเล่าว่า ในทางทิศตะวันตก มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยมากอยู่แห่งหนึ่ง อาณาจักรแห่งนี้มีชื่อที่เรียกขานกัว่า แอซเทค
Velazques จึงสนใจที่จะค้นหาดินแดนแห่งนี้และหวังว่าถ้าดินแดนที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยนี้มีอยู่จริง เขาจะต้องพิชิตดินแดนแห่งนี้ให้จงได้
แต่คำถามคือ โปรเจคใหญ่และสำคัญเช่นนี้ เขาจะส่งใครเป็นผู้นำออกไปดี?
คืออย่างนี้ครับ ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ปกครองชาว conquistador ต้องตัดสินใจกันให้ดี เพราะการจะไปพิชิตดินแดนใหญ่ๆของชาวพื้นเมืองไม่ใช่งานง่ายๆ ผู้นำจะต้องมีความฉลาด รอบรู้กลยุทธ์ในการรบ มีความห้าวหาญและเป็นผู้นำค่อนข้างสูง แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ผู้นำเหล่านี้มักจะมีความทะเยอทะยานในตัวเองสูง จะรู้ได้อย่างไรว่า สุดท้ายผู้นำนี้จะไม่ยึดสมบัติ ยึดความดีความชอบเป็นของตัวเอง ดีไม่ดีคนที่ส่งไปอาจจะได้รับการแต่งตั้งให้ครอบครองดินแดนที่ร่ำรวยและยิ่งใหญ่กว่าของเจ้านายก็เป็นได้
1
ดังนั้นการเลือกผู้นำไปยึดดินแดนต่างๆต้องพิจารณาให้ดี คือมีสมดุลของความเป็นผู้นำทะเยอทะยานและความจงรักภักดีที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นงานก็อาจจะล้มเหลวหรือโดนข้ามหน้าข้ามตาได้
และคนที่ Velazquez ตัดสินใจเลือกให้เป็นผู้นำในการไปออกสำรวจและพิชิตดินแดนในตำนานแห่งนี้คือ เฮอร์นัน คอร์เตส ในวัยสามสิบต้นๆ แต่การตัดสินใจเลือกครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ ....
4
3.
อย่างกับว่า Velazquez ได้ยินที่เราคุยกัน เพราะหลังจากเตรียมกองทัพและเสบียงพร้อม วินาทีสุดท้ายก่อนที่กองทัพจะออกเดินทาง Velazquez ก็เปลี่ยนใจ และถอด คอร์เตส ออกจากการเป็นผู้นำทีม
1
แต่ข่าวรั่วก็เดินทางไปเร็ว ทันทีที่คอร์เตส ได้ยินข่าวว่าเขากำลังจะถูกถอดออกจากตำแหน่ง เขาก็สั่งให้กองทัพนักสำรวจของเขาเดินทางในทันที ทำให้ทหารในกองทัพไม่รับรู้ถึงคำสั่งปลด
1
ในปีค.ศ. 1519 เรือ 11 ลำ ทหารประมาณ 500 คน ม้าศึก 13 ตัว สุนัขสงคราม พร้อมปืนใหญ่จำนวนหนึ่ง จึงเดินทางออกจากท่าเรือ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกไปค้นหาดินแดนที่ร่ำลือในทันที
2
เมื่อเดินเรือไปถึงแหลมยูคาทาน คอร์เตสก็ได้ยินคำบอกเล่าจากชาวบ้านในแถบนั้นว่า มีชายที่หนวดเครายาวอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นคนหนึ่ง เมื่อคอร์เตสได้รับรู้ข่าวนี้ เขาก็เชื่อว่าชายผู้มีเครายาวต่างไปจากชนพื้นเมืองคนอื่นๆคนนี้อาจจะเป็นชาวสเปนที่พลัดมาอาศัยอยู่กับชนพื้นเมืองก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชายชาวสเปนคนนี้ที่คุ้นเคยกับชนพื้นเมืองอาจจะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถพิชิตดินแดนที่ร่ำลือนั้นได้
4
และก็เป็นดังที่เคอร์เตสคาดไว้จริงๆ ชาวเครายาวคนนี้จะกลายเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ภารกิจของเขาบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ
4.
ประมาณ 8 ปีก่อนหน้าที่คอร์เตสจะนำกองทัพออกจากท่าเรือในวันนั้น นักบวชชาวสเปนคนหนึ่งชื่อ เฮอรานิโม เดอ อากีลาร์ (Geronimo de Aguilar)ล่องเรือออกจากปานามาเพื่อจะมุ่งหน้าไป Santo Domingo แต่เรือของเขาเกิดอัปปางลงบริเวณแหลมยูคาทานเสียก่อน อากีลาร์และชาวสเปนจำนวนหนึ่งสามารถเอาชีวิตรอดจากเรืออัปปางมาขึ้นฝั่งได้สำเร็จแต่พื้นที่ซึ่งพวกเขามาขึ้นฝั่งนั้นเป็นดินแดนของชนเผ่ามายาเผ่าหนึ่ง
2
หลังจากขึ้นฝั่งได้ไม่นาน ชาวสเปนเหล่านี้ก็โดนชนเผ่ามายารุมล้อมและจับกลับไปที่เผ่า ชาวสเปนส่วนหนึ่งถูกนำไปสังหารเพื่อสังเวยเทพเจ้า บางคนถูกนำไปเป็นทาส ส่วนตัวอากีลาร์เองก็ถูกจับไปทำงานเป็นทาสเช่นกัน
1
หลายปีผ่านไป อากีลาร์ก็เรียนรู้ที่จะพูดภาษาของชนเผ่ามายา ทำให้เขาสามารถสื่อสารเรื่องราวของตัวเองให้ชนเผ่ามายาฟังได้ เมื่อคุยกันรู้เรื่องก็เข้าใจกันมากขึ้นเกิดความรู้สึกไว้ใจกันมากขึ้น อากีลาร์จึงมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าเขาก็สามารถเป็นนักรบที่ดีได้ ต่อเขาก็ได้รับอิสระและไต่เต้าจนกลายเป็นหนึ่งในหัวหน้านักรบของเผ่า สุดท้ายได้แต่งงานและมีลูกกับชาวพื้นเมือง และกลายเป็นสมาชิกของชนเผ่ามายานี้ไปอย่างเต็มตัว แต่แม้ว่าเขาจะกลายเป็นชนพื้นเมือง แต่เขาก็ยังไว้เครายาวแบบที่ชาวสเปนยุคสมัยนั้นนิยมกัน
9
5.
ในวันที่เมื่อคอร์เตสก็ได้พบกับชายเครายาวหรือ อากีลาร์ นั้น เขาอาศัยอยู่กับชาวพื้นเมืองมานาน จนเมื่อเขาต้องพูดภาษาสเปนอีกครั้ง เขาก็พูดอย่างตะกุกตะกัก
เส้นทางเดินเรือของคอร์เตส
การได้พบกับอากีลาร์นั้น ถือได้ว่าเป็นความโชคดีอย่างมหาศาลของ คอร์เตส เพราะทำให้คอร์เตสเสมือนมีล่ามส่วนตัวทำให้สื่อสารกับชนเผ่ามายาต่างๆได้ คอร์เตสได้เรียนรู้ว่าดินแดนยิ่งใหญ่และร่ำรวยที่เขาตามหานั้น มีชื่อว่า แอซเทค (Aztec) คอร์เตสยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม วิธีคิดและวิถีชีวิตของชาวแอซเทคมากมาย เขายังรู้ข้อมูลสำคัญอีกว่ามีชนเผ่ามายาหลายเผ่า ไม่ชอบชาวแอซเทค
หลังจากนั้นคอร์เตสพร้อมอากีลาร์ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกต่ออีกครั้ง ในการเดินทางครั้งนี้ เขาล่องเรือไปขึ้นฝั่งในดินแดนที่ ปัจจุบันคือเมือง ทาบาสโก (Tabasco)ประเทศเม็กซิโก ที่นั่นเขาต้องต่อสู้กับชนเผ่ามายาพื้นเมืองเผ่าหนึ่งและด้วยอาวุธปืนซึ่งแม้ว่าจะมีอานุภาพทำลายล้างที่ไม่มากนัก แต่เสียงที่ดังประกายไฟและควัน ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวพื้นเมืองได้มากถึงขนาดว่าถอยหนีและยอมแพ้ให้กับชาวสเปนในที่สุด
2
เพื่อเป็นการขอยอมแพ้ ชาวพื้นเมืองจึงมอบสมบัติให้กับคอร์เตสจำนวนหนึ่งพร้อมกับผู้หญิงจำนวน 20 คน และเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับมาครั้งนี้ครับ ที่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คอร์เตสสามารถพิชิตแอซเทคได้
1
มาลินาลท์ซิน (Malinaltzin) เป็นเด็กสาววัย 15 ชาวแอซเทคที่โดนชนเผ่ามายายจับตัวมาตั้งแต่อายุน้อยๆ เธอจึงสามารถพูดได้ทั้งภาษาของชาวแอซเทคและภาษาของชนเผ่ามายา ดังนั้นเมื่อคอร์เตสได้เธอมาทำงานร่วมกับ อากีลาร์ คอร์เตสจึงสามารถที่จะสื่อสารได้กับทั้งชนเผ่ามายา และสามารถเข้าใจภาษาพูดของชาวแอซเทค โดยคอร์เตสจะคุยกับอากีลาร์เป็นภาษาสเปน อากีลาร์ คุยกับ มาลินาลท์ซิน ด้วยภาษามายัน แล้วมาลินาลท์ซิน ก็สามารถสื่อสารต่อด้วยภาษาแอซเทคอีกต่อหนึ่ง และด้วยเหตุนี้เอง ภายหลังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชาวแอซเทค คอร์เตสจึงสามารถที่จะแอบฟังสิ่งที่ชาวแอซเทคทั้งหลายคุยกันรู้เรื่อง ในขณะที่ชาวแอซเทค ไม่รู้ว่าชาวสเปนคุยอะไรกันบ้าง
2
La Malinche
การรู้สิ่งที่อีกฝ่ายคุยกัน จึงสร้างความได้เปรียบให้กับคอร์เตสอย่างมากมาย
หลังจากที่ มาลินาลท์ซิน ตกมาเป็นสมบัติของคอร์เตสได้ไม่นาน เธอก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ เมื่อผ่านพิธีศีลจุ่ม หรือการ baptized เป็นที่เรียบร้อย เธอก็มีชื่อคริสเตียนใหม่ว่า Marina หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาสเปนว่า ลา มาลินเช่ (La Malinche)
2
6.
คอร์เตสล่องเรือออกต่อไปทางตะวันตกอีกครั้ง ครั้งนี้เขามาขึ้นฝั่งในบริเวณที่เรียกได้ว่าเป็นชายแดนของอาณาจักรแอซเทค หลังจากที่ขึ้นฝั่งเป็นที่เรียบร้อย คอร์เตสก็คิดว่า ก่อนที่จะเดินทางบุกไปอาณาจักรแอซเทค สิ่งที่เขาจะต้องมีคือ ฐานที่มั่นสักแห่งก่อน เขาจึงประกาศตั้งเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่งในบริเวณนั้น และให้ชื่อว่า เวราครูซ (Veracruz) ซึ่งแปลว่า true cross (หมายถึงไม้กางเขนที่ตรึงพระเยซู) จากนั้นเมื่อได้ที่มั่นแล้ว คอร์เตสก็ใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน ชักชวนชาวพื้นเมืองอีกหลายเผ่ามาเป็นพวก
2
การที่คอร์เตสกล้าจะไปชักชวนชนเผ่าพื้นเมืองต่างมาเป็นพวกโดยไม่กลัวจะโจมตี เพราะคอร์เตสเรียนรู้จากอากีลาร์และมาลินเช่นว่า แอซเทคเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ได้ผ่านการเอาชนะและกดขี่ชนเผ่าอื่นๆ ชนเผ่าต่างๆเหล่านี้จึงเกลียดและอยากให้อาณาจักรแอซเทคล่มสลายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิธีการไปตั้งหลักที่ไหนสักแห่งและหาทางสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับชนพื้นเมืองเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีการใหม่ แต่เป็นเทคนิค divide and conquer ที่ชาวยุโรปยุคนั้นนิยมใช้เมื่อรุกรานไปยังดินแดนอื่นๆ
6
ในช่วงเวลาหลายเดือนที่กำลังรวบรวมพันธมิตรอยู่นั้น คอร์เตส ก็ได้เขียนจดหมายเล่าเหตุการณ์ และขออนุญาตตั้งเมืองกลับไปยังจักรพรรดิ์ของสเปนอีกหลายครั้ง การที่คอร์เตส เขียนจดหมายไปหลายครั้งเช่นนี้ ความจริงแล้วเป็นการพยายามทำให้การมาสำรวจและยึดครองอาณาจักรแอซเทคในครั้งนี้ของเขาดูชอบธรรมมากขึ้น ถ้าจะว่าการตามตรงสถานะของคอร์เตสในตอนนั้นคือ เป็นกบฎ ซึ่งมีโทษประหาร
1
แต่เขาก็รู้ว่าจักรพรรดิ์สเปนเองก็คงจะไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนที่ยึดดินแดนได้สำเร็จ ขอให้สุดท้ายดินแดนนั้นตกเป็นของสเปนเป็นใช้ได้ ดังนั้นแค่เพียงแต่มีจดหมายจากราชสำนักสเปนตอบกลับมาหรือมีคำสั่งมาแค่ครั้งเดียว ก็จะกลายเป็นว่างานครั้งนี้ของเขารับคำสั่งมาจากจักรพรรดิโดยตรง แล้วความผิดทั้งหมดของเขาก็จะถูกลบล้างไป และแน่นอนว่าเมื่องานครั้งนี้สำเร็จลง เขาก็จะเป็นผู้ได้รับรางวัลแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งให้เห็นว่าคอร์เตสเป็นคนนักวางแผนและมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด
คราวนี้ผมอยากจะขอพาย้อนกลับไปดูที่คิวบากันอีกครั้ง
หลังจากที่คอร์เตสแอบพากองทัพหนีออกมาโดยไม่สนใจคำสั่งปลด เวลาสเควซก็โกรธแค้นกับการทรยศของคอร์เตสมาก เขาจึงรวบรวมทหารขึ้นมาอีกกองทัพหนึ่งแล้วสั่งให้เดินทางออกมาโดยเร็ว โดยเป้าหมายหลักของกองทัพเล็กๆนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ การตามล่า คอร์เตส เพื่อให้กลับมารับโทษให้จงได้
1
ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร คอร์เตสจะรับศึกสองด้านได้หรือไม่ เขาจะบุกไปยังอาณาจักรแอซเทคที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร เราจะมาคุยกันต่อในตอนหน้าครับ
ปิดท้ายด้วยโฆษณา
ติดตามช่องทางอื่น
ถ้าชอบดูคลิปวีดีโอ (เน้นประวัติศาสตร์)ก็ตามไปที่ youtube channel นี้ได้ครับ
เพิ่งเริ่มทำนะครับ ช้านิดแต่จะมีคลิปใหม่ๆตามมาอีกแน่นอน
สนใจอยากซื้อหนังสือออนไลน์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา