21 ก.ย. 2019 เวลา 04:30
พุทธประวัติ ตอนที่ 15
พญาวสวัตตีมารเข้าขัดขวาง
หลังจากที่...
เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงม้ากัณฐกะ พร้อมด้วยผู้ติดตามคือนายฉันนะ
ที่ได้ออกเสด็จเดินทางจากกรุงกบิลพัสดุ์และเข้าไปตามเส้นทางในทุ่งหญ้าดงใหญ่ผ่านแนวไพรสณฑ์ต่างๆนาๆ ชนิด
ในวันนั้นเอง...
ก็เป็นวันอาสาฬหปุรณมีดิถี
เพ็ญเดือน 8 ดวงพระจันทร์นั้นได้ทอแสงสว่างกระจ่างแจ่มเต็มดวง และสาดส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องนภา
ขณะนั้นเอง...
ณ มหาปราสาทของเทวบุตรมาร
ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี (สวรรค์ชั้นที่ 6)
พญาวสวัตตีมาร
ก็ได้มองเห็นว่า พระบรมโพธิสัตว์นั้นกำลังเสด็จออกบรรพชาแล้ว
จึงทำให้พญามารนั้นเกิดความวิตกกังวล เกรงว่าเจ้าชายสิทธัตถะนั้น กำลังจะหนีพ้นวิสัยอำนาจของตนแล้ว
จึงได้รีบลอยเหาะลงมาจากเทวาปราสาท และประดิษฐานบนอากาศต่อหน้าเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วแสดงอาการประหนึ่งเหมือนกับว่ามีความหวังดีที่อยากจะชี้แนะ ประโยชน์สุขให้กับเจ้าชายสิทธัตถะ ด้วยการยกมือขึ้นแล้วกล่าวเปล่งวาจาว่า
พญาวสวัตตีมารกล่าวห้าม :
***ดูก่อนสิทธัตถะราชกุมารเอ๋ย...
ท่านอย่าออกบรรพชาเลย
นับจากนี้ไปอีกเพียง 7 วัน
จักรรัตนะอันเป็นทิพย์จักบังเกิดขึ้นแก่ท่าน และตัวท่านเองก็จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้เสวยสมบัติและเป็นใหญ่ในมหาทวีปทั้งหลาย ด้วยความสุขทั้งหลายจักเกิดแก่ท่าน ขอให้ท่านจงเสด็จกลับเข้าสู่พระนครเสียเถิด***
เจ้าชายสิทธัตถะตรัสตอบกลับพญามารไปว่า :
***ดูก่อนพญามาร...
เรื่องเช่นนี้ อัน​แม้ตัวเราเองนั้นก็จักทราบดีอยู่แล้วว่าจักมี จักรแก้วอันเป็นทิพย์นั้น จักบังเกิดแก่เรา
อันตัวเรานั้นบัดนี้ เรามิได้ปรารถนาจักรพรรดิสมบัตินั้น เพราะทรัพย์สมบัติเหล่านั้นสุดท้ายแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์
มิสามารถจักทำให้ผู้ที่ครอบครองสมบัติเหล่านั้น ล่วงพ้นจากกองทุกข์
คือ การแก่ เจ็บ และตายไปได้เลย
มารเอ๋ย ขอท่านจงหลีกออกไปเสียเถิด***
พญาวสวัตตีมาร
เมื่อได้ทราบคำตอบจากเจ้าชาย
สิทธัตถะแล้ว อีกทั้งตนเองยังไม่สามารถจะขัดขวางพระมหาบุรุษได้
ก็จึงได้เกิดโทสะ โทมนัสขึ้นในใจ
และได้ผูกดวงจิตคิดจองเวรต่อเจ้าชายสิทธัตถะต่อไปอีก และจากนั้นพญาวสวัตตีมาร ก็ได้กล่าววาจาขึ้นว่า
พญาวสวัตตีมารกล่าววาจาด้วยความโกรธ :
***สิทธัตถะเอ๋ย!!! ตั้งแต่บัดนี้ไป
เราจักคอยตามดูวาระจิตของท่าน
เมื่อใดก็ตามที่ดวงจิตของท่าน
นั้นได้ถูกกิเลสครอบงำ และกลับมาคิดถึง
- กามวติ (ความอยากในกามคุณ 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ)
- พยาบาทวิตก (ความเคียดแค้น ชิงชัง ขัดเคือง)
- วิหิงสาวิตก (ความคิดที่มีในการเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น)
เมื่อนั้นล่ะ เราจักได้โอกาสและจักทำลายท่านลงให้จงได้***
(ด้วยเพราะเหตุนี้พญามารจึงพยายามรอคอย และหาโอกาสที่จะทำลายเจ้าชายสิทธัตถะอยู่เป็นนิตย์ ประดุจดังเงาตามติดพระโพธิสัตว์ ฉันนั้น)
และเมื่อพญามารได้กล่าวคำวาจาจบแล้ว​ ก็ได้อันตรธานหายไปในทันที...
พระโพธิสัตว์นั้น เมื่อพระองค์ทรงขับไล่พญามาร ให้หลีกหนีไปแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงหันกลับทอดพระเนตร ไปยังพระนครกรุงกบิลพัสดุ์
และพระองค์​ก็ได้ประกาศตรัสเปล่งวาจาให้แก่เหล่าเทพยดาทั้งหลาย ได้ทราบถึงปณิธานอันมั่นคงเด็ดเดี่ยวว่า
พระมหาโพธิสัตว์เจ้าตรัสเปล่งว่า :
***ตราบใด ถ้าหากเรายังมิได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ยังมีกมลสันดานประกอบด้วย ราคะ โทสะ โมหะ มานะ
และสรรพกิเลสอยู่ ก็จักมิขอกลับเข้าสู่พระนครกรุงกบิลพัสดุ์ตราบนั้น
และต่อเมื่อได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว เราจึงจักกลับมาพร้อมด้วยเหล่าหมู่พระอรหันต์ขีณาสพทั้งหลาย***
เมื่อพระองค์ได้ทรงกล่าวถ้อยคำปณิธานนั้นจบลง...
เหล่าเทพยดาทั้งหลายก็ได้กล่าวคำ สาธุการ แก่พระองค์ จนดังกึกก้องไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์
เอวัง​ก็มี​ด้วย​ประการ​ฉะนี้​
หากท่านผู้ใดชอบ ก็ขอฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะขอรับ ^-^
ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน​ผู้อ่าน​ขอธรรมของพระพุทธองค์จงมีแด่ ท่าน​ สาธุครับ​ (ต้นธรรม)
เอกสารอ้างอิง
#หนังสือ.ปฐมสมโพธิกถา
#หนังสือพุทธประวัติ​ตามแนวปฐมสมโพธิ (พระครูกัลยาณสิทธิวัฒน์)
#เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่/ภาพประกอบ.ต้นธรรม
โฆษณา