21 ก.ย. 2019 เวลา 02:00 • ปรัชญา
ชอบสวมเสื้อผ้าเเบรนด์ดัง เพราะรูปเเบบดี เนื้อผ้าดี ไม่ได้ใส่เพราะอยากให้คนเห็นว่ามีปัญญาซื้อ
คนญี่ปุ่นมองว่า หากต้องการรู้ถึงนิสัยของใครคนนั้นจริงๆ อย่าแสดงออกให้ผู้อื่นรู้ถึงฐานะ ให้ทำตัวให้ธรรมดาที่สุด เมื่อเป็นคนธรรมดา คนอื่นจะได้ปฏิบัติกับเราแบบธรรมดา และเราจะได้รู้จักคนคนนั้นอย่างแท้จริง
แต่เมื่อต้องทำงาน การใช้เงินเพื่อภาพลักษณ์ตัวเอง เป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆแต่เอาแค่พอสมควร ที่ตัวเองไหว ยอมรับข้อนี้ให้ได้
การแสดงออกในเรื่องฐานะ ควรวางตัวแค่พอสมควร ไม่จำเป็นต้องใช้แต่ของแพงๆ "สุดทุกอย่าง" เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเหมือนตัวถ่วงทางฐานะแบบไม่จบสิ้น
ในทางกลับกัน ควรคิดหาวิธีการทำเงินเพื่อผู้อื่นให้มากๆ พูดให้ง่ายๆคือ สร้างสินค้า หรือบริการที่ผู้อื่นต้องการ มองหาวิธีทำเงิน โดยแทนที่จะเป็นผู้บริโภคให้กลายมาเป็นผู้ผลิตแทน เช่น ชอบซื้อรองเท้ามาก ก็ให้มาเป็นคนผลิตรองเท้า เพราะยิ่งชอบเรื่องนี้ก็ดูออกหมดว่ารองเท้ามีกี่แบบ ? แบบไหนขายดี? เอาความคลั่ง ความชอบของตัวเอง มาทำเป็นธุรกิจเอาเงินเข้ากระเป๋าแทน
หากเมื่อสร้างมันออกมาได้แล้วจะพบว่า นอกจากจะได้เงินเข้ากระเป๋าแล้ว เรายังได้อยู่ในจุดที่ชอบแบบแท้จริง "คนจะเล่าเรื่องราวของคุณแทน ไม่ใช่แค่สิ่งของที่คุณใส่"
ผู้บริหารญี่ปุ่นพาลูกน้องไปเลี้ยงอาหารค่ำที่ภัตตาคารหรู ไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกน้องเห็นว่าตัวเองมีสตางค์ แต่เพราะต้องการแสดงความรู้สึกขอบคุณอย่างลึกซึ้งที่ลูกน้องร่วมเหนื่อยยากกันมา
เจ้าของธุรกิจสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เพราะรูปแบบแพทเทิร์นดี เนื้อผ้าดี ไม่ได้ใส่เพราะอยากให้คนเห็นโลโก้ของแบรนด์นั้นแล้วรู้ว่าตนมีปัญญาซื้อ
การใช้เงินไปกับสิ่งที่ตนเองรัก หรือเพื่อคนที่ตนเองรักจะทำให้เรามีอิสระและมีความสุขในการใช้เงินมากกว่าการใช้เงินเพื่อรักษาหน้าตา และภาพลักษณ์ของตนเองเพียงอย่างเดียว
คนญี่ปุ่นมีพวกที่คลั่งแบรนด์อยู่เหมือนกัน แต่โดยภาพรวมแล้วก็เป็นชนชาติที่มีนิสัยเงินออมได้ดีมาก
สุดท้ายแล้ว "ภาพลักษณ์" เป็นสิ่งที่จำเป็นจริง แต่อีกนัยหนึ่ง มันก็เหมือนเป็นห่วงที่รั้งให้ฐานะคุณไม่ไปไหน จึงสร้างภาพแบบทำแต่พอควร และ เอาประโยชน์จากความคลั่งตรงนี้มาสร้างฐานะดีกว่า
อิสรภาพที่ดีที่สุดคือ...
อิสรภาพจาก "สายตาคน"
หากถูกใจบทความนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ เเละกดติดตามเพจ "สมองไหล" กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ ที่มีมาเสริฟให้คุณทุกวัน
1
ขอบคุณครับ 🙏
คุณอาจเจอบทความนี้ของ "สมองไหล" ในเพจ FB "ไปให้ถึง100ล้าน"
ไม่ต้องตกใจเพราะคนเขียนคือสมองไหลคนเดียวกัน
โฆษณา