21 ก.ย. 2019 เวลา 03:01 • บันเทิง
คาใจ ตอนที่1 : คนชื่อยงยุทธ
“คนเราทุกคนมีเรื่องค้างคาใจจากอดีต และอาจคางคามาตลอดชีวิต เรื่องความรัก ความสุข ความเศร้า แม้แต่เรื่องพิลึกพิลั่น และเรื่องราวเหล่านั้นเปรียบเสมือนทิวทัศน์ระหว่างทางบนเส้นทางชีวิตเรา อาจจะผ่านตาไปครั้งเดียวแล้วไม่หวนคืนอีก หรือ ผ่านตามาหลานครั้งแต่ไม่เคยมีโอกาสหยุดดูเพื่อหาคำตอบ โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยเรียน ซึ่งคุณจะหาไม่ได้เลย นอกรั้วสถานศึกษา จงอย่าเชื่อสนิทใจ หากใครมาบอกคุณว่า โรงเรียน/มหาวิทยาลัย ไม่ได้ให้อะไรคุณ เพราะชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่การตะเกียกตะกายหาความสำเร็จ ชีวิตก็คือชีวิต เราไม่ได้เป็นตัวเราเพราะสิ่งข้างหน้าที่เป็นเพียงภาพในจินตนาการ แต่เราเป็นตัวเราด้วยเรื่องราวทุกๆส่วนเสี้ยวรายละเอียด ของทุกๆวัน ทุกๆวินาทีที่ผ่านมาแล้ว มันทอดยาวอยู่ข้างหลัง และมีหลายเรื่องที่มีความหมาย แม้เป็นเรื่องคาใจก็ตาม”
วันนี้อยากเริ่มกันที่เรื่องบ้าๆบวมๆที่คาใจผมมาตลอดชีวิต มันดูเหมือนจะไร้สาระ แต่มันก็ไร้สาระจริงๆนั่นแหล่ะ 555 แต่นึกถึงทีไรเราก็ยังรู้สึกเป็นเรื่องสำคัญเรื่องนึง
เคยไหมครับที่ในอดีตถูกทักว่าหน้าตาคุณเหมือนคนโน้นคนนี้อย่างกะฝาแฝด ตอนมาเมืองไทยใหม่ๆ ผมมีเหตุจำต้องเรียนปนกับเด็กประถมในโรงเรียนแห่งนึงซึ่งมีบริการเรียนนอกบัญชี คือ เรียนตามปกติแต่ไม่สามารถออกวุฒิให้ เพราะเรายังไม่มีสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ อยู่ระหว่างการตรวจหลักฐานและรอใบรับรองบุตรอะไรประมาณนั้น
...
วันแรกที่เข้าเรียนปรากฏว่าเด็กทั้งห้องตกตะลึง “นี่ยงยุทธ์ไม่ใช่หรอ?” “จริงด้วยๆ” เอ่อม เราเมธา... แม้แต่ครูก็ยังทักว่านั่นยงยุทธ์รึเปล่า อันนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่มีอยู่วันนึงผมไม่สบาย เลยไม่ไปโรงเรียน พี่ชายผมไปโรงเรียนคนเดียว
...
แล้ววันนั้นพี่ชายก็กลับมาด้วยความตื่นเต้น “กูเจอยงยุทธ์แล้ว! แล้วกูก็ทักผิดด้วย กูไปทักว่า อี้ ไหนเมื่อเช้าบอกไม่มาเรียน! แล้วยงยุทธ์ก็บอกกุด้วยว่างงเหมือนกัน เดินเข้าโรงเรียนมีแต่คนถามว่าเป็นเมธาหรือยงยุทธ์” อ้าวเชี่ย นี่มันชักจะไม่ตลกแล้ว
...
แล้วหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็สืบหาไปทั่วว่ายงยุทธ์เป็นใครวะ แต่ไม่เคยเจอเบาะแสอะไรเพิ่มเติมเลย รู้เท่าที่ก่อนหน้านั้นเพื่อนๆเล่า คือเป็นนักเรียนนอกบัญชีอีกคนนึงที่ออกไปก่อนเราเข้า แค่นั้น
...
ในโลกนี้มันจะมีคนเหมือนเราอย่างกะแกะขนาดนั้นเลยรึ มีขนปุยร้องแบะๆเล็มหญ้า...ไม่ใช่! เอาใหม่... คือผมคิดว่ามันควไม่มีทางเหมือนถึงขนาดคนจำผิดได้หรอกเว้ย มันเป็นไปไม่ได๊ยยย ผมกับยงยุทธ์คงแค่คล้ายมาก แต่พวกมึงทั้งหลายรวมหัวกันอำกุละซี๊
...
และแล้วกาลเวลาก็ผ่านไป6ปี จนเราเข้ามหาลัย และเราก็ได้พบประสบการณ์คนหน้าเหมือนอีกครั้งในวันรับน้องคณะ มีน้องใหม่คนนึงหน้าเหมือนเพื่อนรุ่นเรามากแต่เป็นผู้หญิง วันนั้นเพื่อนๆและพี่ๆเกือบทุกคนคิดว่าไอ้แม้วเพื่อนเรามันลงทุนโกนขนหน้าแข้งแล้วแต่งหญิงเพื่ออำน้องใหม่(ซึ่งตอนรุ่นเราเป็นน้องใหม่ รุ่นพี่ปีสามก็ใช้มุกนี้กับเรามาแล้ว ต่างกันตรงรุ่นพี่เรายังใจไม่ถึงพอขนาดโกนขนหน้าแข้งเนียนขนาดนี้ ไอ้แม้วนี่มันสุดยอดเจงๆ) ปรากฏสักพักไอ้แม้วก็เดินเข้าคณะ อ้าวเห้ย คนละคนนี่หว่า นี่ก็คนหน้าเหมือนขั้นเทพ เพื่อนบางคนถึงกับเอามือกุมกบาล “บ้าจริง ตะกี้กุไปตบไหล่แล้วยักคิ้วให้น้องเขาด้วยว่ะ”
...
เรื่องราวของคนหน้าเหมือนก็ดูเหมือนจะจบลงในชีวิตผมแล้ว จนผ่านไปอีก3-4ปี ตอนนั้นรุ่นผมก็จบจากคณะแล้ว แต่ยังกลับคณะเพื่อช่วยกิจกรรมละครถาปัตบ้าง
...
ผมเดินมาถึงหน้าคณะ เห็นลุงฟลุตตี้กำลังขายดีเลย น้องๆมารุมซื้อผลไม้อยู่ เราก็เห็นไอ้อาร์มเพื่อนรุ่นเดียวกันซื้ออยู่ หนอยแน่สาวๆล้อมมึงเต็มเลยน่าแกล้งจริงๆ ด้วยความพิเรนทร์ก็เดินเข้าไป
...
“บีบตูด”
...
ไอ้อาร์มมันสะดุ้งหันมาเท่านั้นแหล่ะ ซวย! ไม่ใช่อาร์มว่ะ! คือมองจากทั้งทรงผมรูปร่างส่วนสูงจากข้างหลังเหมือนอาร์มจริงๆ ให้สาบานก็ได้...แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นน้องผู้หญิงที่หน้าเหมือนไอ้แม้ว เชี่ยเอ๊ย ตายๆๆทำไงดี ก็ใครจะไปรู้ ในโลกนี้จะมีผู้หญิงที่หน้าเหมือนแม้วแต่หลังเหมือนอาร์มฟระ????
...
ทั้งน้องผู้หญิงและเพื่อนๆและอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นอึ้งแดกไปตามกัน คงต่างคิดอะไรไม่ออก สถานการณ์เลวร้ายคูณ2 เมื่อทุกคนได้แต่เงียบแถมไม่มีใครเดินไปไหนเลย ทำไงดีๆๆนายเมธา มึงตายแน่ รีบคิดเลยจะขอโทษน้องเขาท่าไหนดี ...และแล้วคนแรกที่ทำลายความเงียบลงคือลุงฟลุ๊ตตี้
...
“อ้าว สวัสดีครับอ.อี้ อ.เมธาวันนี้ไม่มีสอนหรือครับ”
...
เขารู้ชื่อกุทั้งชื่อจริงชื่อเล่นหมดเลยครับลุ๊ง>,,,<
วินาทีนั้น อยากบอกลุงฟลุ๊ทหน้าด้านๆจริงๆว่า
“ลุงจำผิดคนแล้ว ผมไม่ใช่อ.เมธา ผมชื่อยงยุ๊ทธ์!!”
โฆษณา