24 ก.ย. 2019 เวลา 04:58 • ความคิดเห็น
ซอสพริกศรีราชาตราไก่ ซอสชื่อไทย เกิดอเมริกา โดยคนเวียดนาม
ช่วงนึงมีประเด็นดราม่าเรื่อง "ซอสพริกศรีราชา" โด่งดังบนโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มไลน์ ทวิตเตอร์ ไอจี หรือแม้กระทั่งพี่เฟสบุ๊ค มันก็ต้องมีคนพูดถึงเรื่องนี้แน่ๆหล่ะ
มันจึงเป็นทำให้หลายคนสงสัยว่า ซอสพริกศรีราชาที่ฮิตมากในสหรัฐอเมริกา ตกลงไม่ใช่ของคนไทยเหรอ!?
ผมจึงแอบไปวิเคราะห์เรื่องตลกร้ายนี้ เพื่อให้มีบทความแนวแอบบ่นมาลงให้อ่านครับ...
เริ่ม!!
ประเด็นเริ่มแรกเลย มีคนบ่นในภาพโซเชียลว่าเฮ้ย นี่มันซอสคนไทยโดนเวียดนามเอาไปจดสิทธิบัตรแล้วส่งมาขายแพงกว่าเดิม แบบนี้เราเสียโง่เขานี่หว่า
ผมอยากบ่นเหลือเกิ๊นนว่าไอ้บ้า ทำไมไม่หาข้อมูลก่อนมาบ่นคนอื่นเขาฟระ
ภาพจาก SpringNews
คือเรื่องของเรื่องเป็นแบบนี้ครับ
เรื่องราวเริ่มต้นจาก...
นาย David Tran ชาวเวียดนาม อพยพไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1979
หลังจากนั้นอยู่อเมริกาได้ไม่นาน ในปี 1983 เขาและครอบครัวทำซอสพริกศรีราชาออกมาวางขายในละแวกบ้าน เป็นธุรกิจเล็กๆ เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวครับ
ซึ่งนี่แหละครับเป็นที่มา เพราะว่ามันมีเรื่องของโลโก้เข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยโลโก้ตราไก่ข้างขวดนั่นหน่ะ มาจากปีเกิดของ David Tran ซึ่งเป็นปีไก่ (นับแบบเวียดนาม)
ส่วนแบรนด์ Sriracha
ตอนแรกเขาบอกว่ามาจากข้อความบนเรือที่เขาอพยพมาอเมริกาครับ
แต่ๆๆ
ภายหลังเขาบอกอีกว่านำมาจากตอนผ่านประเทศไทย และชอบความงดงามของทะเล อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงนำมาตั้งชื่อซอส
แม่มซะเลย
จบประเด็น Sriracha ต่างประเทศ
1
.
ต่อๆ
เนื่องจากไม่มีข้อมูลบันทึกที่มาของซอสแบบชัดเจนครับ จุดนี้แหละจึงทำให้หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวกับเมืองไทย และสูตรซอสพริกศรีราชา ว่ามันเคยมีมาก่อนรึเปล่า
โดยผมจะเล่าประวัติศาสตร์ตามอ้างอิงทีละช็อตนะครับผม
ซอสพริกศรีราชา ตราศรีราชาพานิช เริ่มผลิตมาจำหน่ายตั้งแต่ยุค 1950 นั่นแสดงว่า พี่ไทยก็มีซอสเช่นกัน
หลังซอสศรีราชาวางขาย ก็มีคนติดใจกันอย่างมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คือแบบรสชาติมันโอ้วม่ายก๊อดดมากก
จึงมีการเล่าต่อกันว่าทหารที่มารบในสงครามเวียดนาม เป็นคนนำเอาสูตรของไทยเนี่ยไปเผยแพร่ในเวียดนาม เพราะเอาไปกินกับเฝอก็อร่อย
กินกับไข่เจียวกรอบอร่อยมาก
ซึ่งเมื่อเอาไปเทียบTimelineแล้ว
ช่วงที่คุณ David Tran อพยพไปนั้นเกิดขึ้นหลังจบสงครามเวียดนามพอดีเป๊ะ จึงเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะรู้จักยี่ห้อซอสนี้อยู่แล้ว
พอข่าวดังในโซเชียลต่อมความเผือกของนักหาข้อมูลจึงเกิดขึ้น.....
โดยข้อมูลส่วนหญ่ในการแสดงความคิดเห็นของโซเชียลและผู้ทำข่าว
มีการคาดการณ์ว่าซอสพริกศรีราชาในอเมริกาเนี่ย คือการพยายามผลิตเลียนแบบซอสพริกศรีราชาของไทย ที่ David Tran เขาอาจจะเคยได้ลิ้มลองในเวียดนาม สมัยสงครามโลกครับ
แต่พอลุงแกอพยพไปอเมริกาเขาหาซอสแบบนี้กินไม่ได้ เขาจึงลองทำขึ้นมาเอง ด้วยการใช้พริกจาลาปิโน่ น้ำตาล เกลือ กระเทียม และน้ำส้มสายชู ซึ่งจะให้รสชาติที่ต่างออกไปหน่อย แต่ความอร่อยก็ใกล้เคียงต้นฉบับ
อารมณ์คล้ายๆกับเราไปอเมริกาแล้วหาน้ำปลามาทอดไข่ไม่ได้นั่นแหละ
มันก็เลยกลายเป็นว่ามีศรีราชาที่ใกล้เคียงกันอยู่สองที่ครับ ทีนี้ตัวแปลหลักก็ต้องมามองกันที่ลูกค้าหล่ะ
ซึ่งแน่นอนครับ
ลูกค้าไม่ได้สนใจหรอกว่าสูตรมาจากไหน แต่เขาไปสนใจกันที่ความดังโน่นนน
เพราะหลายปีต่อมาซอสพริกศรีราชาสูตรดังกล่าว กลายมาเป็นสินค้าหลักของบริษัท Huy Fong Foods ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียและสินค้านี้ก็เป็นแบรนด์ของชาวอเมริกัน โดยคนอพยพที่มีชื่อสายเวียดนามอย่างนาย David Tran ซึ่งก็กลายเป็นพลเมืองอเมริกันในภายหลัง
นั่นหมายความว่า ศรีราชาที่โลกรู้จัก อยู่ในสิทิบัตรของต่างประเทศไม่ใช่ของไทย
จะไปโทษใครก็ไม่ได้ ต้องให้เครดิต หัวการตลาดของนาย David tran ครับ
จบประเด็นที่สอง
แล้ว David tran ทำยังไงให้หล่ะ?
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าอะไรมันเริ่มดังก็จะมีคนทำข่าวครับ
เรื่องนี้ก็เช่นกัน
.
การขยายกิจการอันรวดเร็วของซอสพริกศรีราชาตราไก่
เริ่มแรกสมัยยังไม่มีคนรู้จักศรีราชา จะเอาไปวางขายในห้างดังก็คงไม่ได้
นายDavid Tran จึงนำซอสพริกสูตรดังกล่าวไปเสนอให้กับร้านอาหารเอเชียในละแวกบ้าน เพื่อใช้กินกับอาหารเอเชียต่างๆ
ด้วยความที่อาหารจีน-เวียดนาม จะมีรสค่อนไปทางจืด การมีซอสดังกล่าวไว้เพิ่มความเผ็ดร้อน จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วครับท่าน
แต่นั่นก็ยังไม่ดังพอ
ดังนั้นจึงมีสโลแกนออกมาทีหลังให้คนจำได้
ด้วยสโลแกน "Everything tastes better with Sriracha" หรือ อาหารอะไรก็อร่อยขึ้นถ้าใส่ซอสศรีราชา กลายเป็นคำพูดติดปากของ David และเป็นสโลแกนยุคแรก
และจากนั้นก็มีเรื่องการสร้างแบรนด์ก็สำคัญ ตราไก่ ขวดสีแดง และฝาเขียว ถูกจดจำได้ง่ายมาก
ยังไม่หมด
นาย David tran ยังคำนึงถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลายๆ ชาติ ด้วยการเขียนข้อความทั้งภาษาอังกฤษ เวียดนาม จีน สเปน ติดเอาไว้ที่ขวดด้วย
.
แต่ก็ยังไม่ดังพออยู่ดี
เมื่อลูกค้าที่กินในร้านอาหารติดใจ จึงเกิดการบอกต่อ และอยากจะหามาไว้ติดบ้าน จึงเกิดความต้องการซื้อในวงกว้าง ส่งผลให้ซอสนี้ขึ้นไปอยู่บนชั้นวางในห้างแทบทุกแห่ง
1
ทีนี้คนเริ่มรู้จักบอกแบบปากต่อปากละ
ทีนี้หล่ะคือ ช่วงที่มันปังมากมาย
นายDavid Tran เคยให้สัมภาษณ์ครับว่าตั้งแต่ผลิตซอสพริกดังกล่าวมา "ดีมานต์" อยู่เหนือ "ซัพพลาย"ตลอด
หมายความว่าเมื่อความต้องการสูง บริษัทจึงแทบไม่ต้องใช้งบในการโฆษณาอะไรเลย เพียงแค่การบอกต่อของลูกค้าก็เพียงพอ
แถมซอสพริกศรีราชาตราไก่ ยังไม่เคยมียอดขายที่ลดลงเลยปีเดียว แม้จะผลิตวางขายมาเกือบ 40 ปี!!
ทีนี้พอมันดังขึ้นทุกๆปี มีคนพูดกันมากมาย ไอ้ชื่อซอสนี้ก็ดังไกลถึงขนาดเซเลปดังอย่าง Kylie Jenner ครับ
และนี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพราะวันนึงนางไปพูดถึงซอสในอินสตาแกรมที่มีคนติดตามกว่าร้อยล้าน ว่าลิปสติกของเธอสีเหมือนกับซอสดังกล่าว
ทำให้เกิดปรากฎการณ์ sriracha ว้าวววไปทั่วโลกเพียงข้ามคืน...
มีทั้งหลายแบรนด์ใหญ่พยายามทำซอสเผ็ดรสชาติคล้ายๆ กันในชื่อศรีราชาไม่ว่าจะเป็น Heinz, Frito-Lay, Applebee's หรือ Pizza Hut ทำไว้ให้ลูกค้าในร้านตัวเอง
และแค่นั้นยังไม่พอ ผู้ผลิตใหญ่ยังให้มีการโปรโมทรูปแบบต่างๆเต็มที่ทั้ง มีทั้งการแข่งกินเผ็ด ผลิตเสื้อยืดจำหน่าย หรือให้สปอนเซอร์นำไปมอบให้ influencer ออนไลน์ได้ดัดแปลงใส่สูตรอาหารใหม่ๆ อีกมากมาย ตามชานแนลยูทูปต่างๆ
จอบอ
หวังว่าจะเข้าใจแล้วนะครับว่าปัญหาโลกแตกมันเป็นยังไง คำถามสุดท้ายที่ผมอยากชวนคุยคือ
เราเรียนรู้อะไรจาก David และซอสศรีราชา!?
.
เรื่องราวของ David Tran คือเรื่องราวของหนึ่งในผู้อพยพชาวเวียดนามนับล้านคน ที่อพยพไปอเมริกาหลังสิ้นสุดสงครามเวียดนามครับ
.
ความแตกต่างจากคนอื่นๆ คือเขามองเห็นลู่ทางสำหรับการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน แน่นอนครับจะไปหาว่าเขาก๊อปไทยก็ไม่ได้เพราะสูตรและบรรจุภัณฑ์มันไม่ได้เหมือนกัน 100% อีกทั้งยุคนี้
มันมีคำว่า “ต่อยอดทางธุรกิจ” กระจายไปในทุกสายอาชีพ เช่น กระเป๋าสะพาย ลายกางเกง หรือแม้กระทั่งกระจกโทรศัพท์ที่เราใช้มันก็มีการไปต่อยอดให้ดีขึ้นจากผู้ผลิตรายก่อน
ประเด็นคือ เขาฉลาดครับ เขาทำซอสพริกด้วยวัตถุดิบที่หาได้ในแคลิฟอร์เนียตอนนั้นเลย
สร้างสินค้าที่หลายคนไม่รู้จัก เปลี่ยนให้คนที่เคยกินแต่ซอสมะเขือเทศ มายองเนส มัสตาร์ด มารู้จักซอสอีกแบบได้
และมันมากลายเป็นปรากฎการณ์ในอีก 40 ปีต่อมา
ถ้าแมคโดนัลด์ คือยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมอาหารฟาสต์ฟู๊ด
ถ้าสตาร์บัคส์ คือแบรนด์ระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ให้คนหันมาติดแบรนด์มากกว่ารสชาติ
เราก็คงจะเปรียบได้ว่า "ซอสพริกศรีราชาตราไก่" คือหนึ่งในผู้สร้างวัฒนธรรมการกินเผ็ด ของชาวอเมริกัน จนส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในที่สุด
.
.
ถ้าศรีราชาไทยไม่หยุดพัฒนา ก็อาจมีชื่อเสียระดับโลกตามมาทีหลังก็ได้ครับผม...
ถ้าชอบก็ช่วยกดถูกใจและกดติดตามไว้เพื่อติดตามเรื่องใหม่ๆ
ที่อัปเดตได้ก่อนใครนะครับ
I’m sam

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา