26 ก.ย. 2019 เวลา 06:21 • ไลฟ์สไตล์
"นักวิจัยชี้ชัดว่าคนโสดมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือสังคมได้มากกว่าคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วถึง 70% พร้อมประโยชน์ของการครองตัวเป็นคนโสด"
โลกใบนี้มีคนอยู่สองประเภทใหญ่ๆ คือคนที่อยากมีชีวิตคู่ กับคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่แบบโสดๆ แต่ละแบบมันก็มีข้อดีข้อเสียในตัวของมันเอง อย่างการใช้ชีวิตคู่แน่นอนเราก็มีความหวานในชีวิต มีคนที่ให้อยู่ด้วยคลายความเหงา ส่วนใช้ชีวิตแบบโสดๆ เราก็อาจจะได้ใช้ชีวิตสบาย ไม่ต้องตามใจใคร ไม่ต้องรอใคร สามารถทำอะไรตามใจเราได้
การใช้ชีวิต ความสัมพันธ์ และเรื่องราวของคนโสดต่ำไป ผู้คนมักจะเล่าแต่เรื่องราวโรแมนติกของคนสองคน ทำนองว่าพบกันได้ไง หรือแต่งงานกันอย่างไร มากกว่าเรื่องราวของผู้คนที่อยู่เป็นโสด
ข้อเท็จจริงแล้วหากคุณเป็นโสด คุณจะมีพันธะสัมพันธ์ทางสังคมและแนวโน้มที่จะช่วยเหลือคนอื่นมากกว่าคนที่แต่งงานแล้วถึง 70% เลยทีเดียว
เพราะคนที่แต่งงานแล้วจะถูกจำกัดการเข้าสังคมมากขึ้น และมันก็ไม่ได้จบสวยงามหมือนที่เราเข้าใจมาตลอด การเป็นโสดจะสามารถติดต่อกับสังคมได้บ่อยครั้งกว่า และมีแนวโน้มให้ความช่วยเหลือหรือได้รับความช่วยเหลือจากพ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆ และผองเพื่อนมากกว่าผู้ที่แต่งงานแล้วเสียอีก
(นัยยะแรก) การศึกษาพบว่าการเป็นโสดจะเพิ่มความสัมพันธ์ทางสังคมทั้งผู้ชายและหญิง นักวิจัยได้สรุปว่าแทนที่จะสนับสนุนเรื่องการแต่งงาน นโยบายสาธารณะควรจะยอมรับข้อจำกัดของสังคมการแต่งงาน และยอมรับบทบาทของคนโสดที่มีส่วนร่วมกับสังคมอย่างกว้างขวางมากกว่า
(นัยยะที่สอง) นักวิจัยค้นพบว่าผู้หญิงที่เป็นโสดนั้น “มีความสุขมากกว่า” ผู้หญิงที่มีคู่หรือผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ข้อแรกก็คือผู้หญิงนั้นใช้ความพยายามมากกว่าที่จะประคับประคองความสัมพันธ์ และเมื่อพยายามมากๆ อยู่ฝ่ายเดียวเป็นเวลานานๆ พวกเธอก็จะรู้สึกเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายได้ในที่สุด
การเป็นโสดก็เหมือนการเอาภาระทั้งหมดออกไปจากบ่า พวกเธอไม่จำเป็นต้องคอยพยายามรักษาและประคับประคองความสัมพันธ์เหล่านั้นอีกต่อไป และจากการเก็บข้อมูลพบว่าหญิงอายุ 45-65 ปี กว่า 32% มีความสุขกับการเป็นโสด ขณะที่ชายที่มีความสุขกับการเป็นโสดในวัยนี้มีอยู่เพียง 19% เท่านั้น
เมื่อเป็นโสดบรรดาคุณผู้หญิงทั้งหลายก็สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้โดยไม่รู้สึกผิด อย่างเช่นการไม่ต้องคอยทำงานบ้าน ทำอาหาร หรือดูแลลูกๆ และสามี ทำให้มีเวลาดูแลตัวเองและทำสิ่งที่ชอบเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
พวกเธอสามารถไปเที่ยวกับเพื่อนหรือไปเที่ยวคนเดียวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใด สามารถเข้าคลาสสอนเต้นหรือคลาสอะไรก็ตามที่พวกเธอชอบได้ และหญิงโสดชาวอังกฤษกว่า 61% เผยว่าพวกเธอมีความสุขกับสถานะที่เป็นอยู่
การว่างเว้นจากความรักยังเปิดโอกาสให้พวกเธอได้เรียนรู้ความรักในรูปแบบอื่น โดยเฉพาะการรักตัวเอง นอกจากนี้ยังมีเวลาดูแลใส่ใจลูกๆ มากขึ้น พวกเธอสามารถให้ความรักกับลูกได้อย่างเต็มที่โดยไม่เหลือพื้นที่ว่างให้คนอื่น
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะต้องมีเพื่อนผู้หญิงที่โสดมานานแล้วอย่างน้อย 1-3 ปี ซึ่งจากการวิจัยก็พบว่ายิ่งพวกเธอเป็นโสดนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสุขกับการเป็นโสดมากขึ้นเท่านั้น จนแทบจะไม่ได้พยายามหาแฟนเลยในช่วงปีหลังๆ
แน่นอนว่าพวกเธอยังต้องการรักแท้ แต่ยิ่งพวกเธอได้ใช้ชีวิตโสดอย่างอิสระมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองได้อย่างมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จนไม่จำเป็นต้องทนคบกับใครสักคนเพียงเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว
ความโสดและการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวทำให้พวกเธอรักตัวเอง รักอิสระ มีความมั่นใจและมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นคนที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตต้องเป็นคนที่จะทำให้พวกเธอมีความสุขมากขึ้น ไม่ใช่ทุกข์มากกว่าตอนที่อยู่คนเดียว
นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าผู้ชายนั้นมีความสุขมากกว่าถ้าพวกเขามีแฟนหรือมีภรรยา เพราะขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มีเพื่อนหรือมีสังคมในโซเชียล ผู้ชายกลับไม่ค่อยชอบใช้โซเชียลเท่าไหร่ เมื่อมีปัญหาพวกเขาจึงต้องพึ่งคนรักของตัวเองเป็นส่วนมาก ขณะที่ผู้หญิงนั้นมีเพื่อนๆ หรืออินเทอร์เน็ตให้พึ่งพา และยิ่งโสดก็ยิ่งมีจำนวนเพื่อนมากขึ้นกว่าเดิม
"5 ข้อดีของการครองตัวเป็นโสด"
1. เป็นโสด ง่ายต่อการออกแบบสุขภาพ
จากงานวิจัยของ University of Basel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ the Max Planck Institute for Human Development ประเทศเยอรมนี พบว่า ถึงแม้ว่า คู่แต่งงานมีแนวโน้มว่าจะกินอาหารดีกว่าคนโสด แต่พวกเขามักไม่ค่อยเล่นกีฬา ออกกำลังกาย และมีน้ำหนักที่มากกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ
การศึกษาพบว่า ในผู้ชาย-ผู้หญิงส่วนสูงมาตรฐาน จะมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) แตกต่างระหว่างที่แต่งงานแล้วและที่ยังเป็นโสดประมาณ 2 กิโลกรัม
อีกงานวิจัย ที่เก็บผลในผู้ชาย ยืนยันว่า การแต่งงานเพิ่มตัวเลขบนตราชั่งได้ประมาณ 1.4 กิโลกรัม และเมื่อเข้าสู่ช่วงคุณพ่อมือใหม่ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก
ในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน (ช่วงอายุ 50-79 ปี) งานวิจัย ระบุว่า ในสตรีที่ยังคงสถานะโสดจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยกว่า และมีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงน้อยกว่า รวมไปถึงอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ก็น้อยกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอีกด้วย
2. เป็นโสด มีพัฒนาการทางความคิดที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน งานวิจัยที่มุ่งศึกษาคนโสดอย่างเดียวมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการศึกษาเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับคนที่แต่งงานแล้ว เพื่อเก็บข้อมูลของคนมีคู่เป็นหลัก
เบลลา เดอปอโล จาก University of California ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยเพื่อค้นคว้า ว่าการศึกษาที่เกี่ยวกับคนโสดจะเปิดเผยอะไรได้บ้าง จากการวิเคราะห์การศึกษา
ในงานวิจัยล่าสุด ยังเผยว่า ในบางกรณี คนโสดยังมีความสามารถเรื่องการจัดการและควบคุมตนเอง รวมไปถึงการพัฒนาตนเองที่มากกว่าคู่แต่งงานอีกด้วย
3. เป็นโสด เพิ่มพลังทางความคิดและการสรรสร้าง
จาก งานวิจัย ที่ตีพิมพ์ลงใน Personality and Social Psychology Bulletin ระบุว่า การอยู่คนเดียวจะช่วยให้คุณได้มีเวลาบู้สต์พลังให้กลับมากะปรีะเปร่า เปิดโอกาสให้ได้อยู่กับตนเอง และพิจารณาตนเอง เพื่อสร้างความหยืดหยุ่นเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ให้กับตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
4. เป็นโสด เข้าสังคมได้มากขึ้น
พบว่า คนโสดมีแนวโน้มที่จะยังคงติดต่อและให้ความช่วยเหลือแก่พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนฝูง มากกว่าคนที่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว
1
ซึ่งการมีกลุ่มเพื่อนสนิทและครอบครัวที่ใกล้ชิดจะช่วยยืดอายุและรักษาสุขภาพได้ จากการวิเคราะห์กลุ่มคนส่วนใหญ่ (ราว 3 ล้านคน) พบว่า การแยกตัวออกจากสังคมส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณ อย่างมากคือโรคอ้วนถามหา รวมไปถึงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วย
5. เป็นโสด เพิ่มศักยภาพการออกกำลังกาย
จากงานวิจัยระบุว่า คนที่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่ ใช้เวลาในการออกกำลังกายน้อยกว่าผู้ใหญ่ในวัยเดียวกัน โดยในผู้ชายโสดจะใช้เวลาในการออกกำลังกายประมาณ 8 ชั่วโมง ใน 2 สัปดาห์ เทียบกับชายที่แต่งงานแล้วจะออกกำลังกายประมาณ 4-5 ชั่วโมงใน 2 สัปดาห์
1
ส่วนในผู้หญิงโสดจะใช้เวลาออกกำลังกายประมาณ 5-6 ชั่วโมง ในขณะที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะออกกำลังกายเพียง 4 ชั่วโมง (ใน 2 สัปดาห์เช่นกัน)
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
ข้อมูลจาก : Bella DePaulo/Good life update
ภาพ : Kidjarak
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอบทความโดย :
"สาระหลากด้าน"
โฆษณา