Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
lunar
•
ติดตาม
27 ก.ย. 2019 เวลา 10:10 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
จากงานประชุม 2019 UN crimate action summit เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆวัย 17 ปีนามว่า เกรตต้า ธันเบิร์ก นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวปราศรัยตำหนิผู้นำโลกในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดแรงตอบรับในเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในแง่บวก และแง่ลบ(ซึ่งส่วนใหญ่เหมือนแค่ไม่พอใจท่าที่ที่น้องเค้าแสดงออก ^^) ดังนั้นในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนาน(นานจริงๆT T) จะมากล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในโลกที่ถูกซุกไว้ ว่าปัญหานั้นมีอะไรบ้างเร่งด่วนขนาดไหน และลองดูแนวทางแก้ไขที่นักวิจัยต่างๆได้คิดขึ้นว่าจะช่วยได้หรือไม่
1.มลพิษ (Polution) ในแง่นี้ผมพูดถึงมลพิษที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์เช่น การรั่วของน้ำมัน การเกิดฝนกรด การปนเปื้อนของสารพิษในดิน สิ่งที่เรากล่าวมานี้ล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น โดยปัญหาสำคัญคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยรวมแล้วมนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกราวๆ 7000 ล้านตันต่อปีในกิจกรรมต่างๆของมนุษย์โดยเฉพาะยานพาหนะต่างๆ (รูปที่ 1) ซึ่งจะเห็นว่าการกำจัดเกิดขึ้นเพียงประมาณหนึ่งพันล้านตัน
รูปที่ 1 แสดงกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ในกาปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งโดยทั่วไปเราคงเข้าใจกันว่าคาร์บอนไดออกไซค์นั้นถูกดูดซับไว้โดยต้นไม้ใช้มนการสังเคราะห์แสง แต่ในความเป็นจริงแหล่งที่กำจัดคาร์บอนไดออกไซค์สูงที่สุดคือมหาสมุทรคาร์บอนไดออกไซค์ประมาณครึ่งหนึ่งถูกดูดซับไว้ในทะเล ส่งผลทำให้ปัจจุบันความเป็นกรดของทะเลเพิ่มสูงขึ้น
งั้นความเป็นกรดในมหาสมุทรส่งผลอย่างไรละ?
ต้องอธิบายก่อนว่าการดูดซับนี้เกิดขึ้นในสองทาง
ทางแรก : คือการดูดซับโดยกระบวนการสังเคราะห์แสงเช่นสาหร่าย แพลงตรอน และแบคทีเรียต่างๆ ฟังดูก็เข้าท่าดีนะเหมือนผืนป่าใต้มหาสมุทร ช่วยดูดซับได้เช่นเดียวกับป่าบนบก
ทางที่สอง : คือการดูดซับโดยน้ำทะเลเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดกรดคาร์บอนิค ใช่ครับมันเป็นกรดที่เหมือนน้ำอัดลมที่เราทานกันทำให้ทะเลเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งโดยปรกติแล้วความเป็นกรดนี่จะลดลงด้วยคาร์บอเนตที่ละลายในน้ำทะเลจากหินปูน และซากสัตว์มีเปลือกแข็งเช่นหอย ทำให้ความเป็นกรดของทะเลอยู่ในช่วง pH 8.19-8.05 ซึ่งค่อนมาทางด่าง (รูปที่ 2)
รูปที่ 2 การทำงานของคาร์บอเนต และผลของ pH ของทะเล Cr. : https://www.britannica.com/science/ocean-acidification
แล้วผลกระทบคืออะไร?
ถ้าความเป็นกรดเพิ่มสูงขึ้นคาร์บอเนตจะถูกนำไปใช้มากขึ้นจึงนำไปสู่ผลเสียสองทาง
ทางแรก : โดยปรกติคาร์บอเนตจะถูกสัตว์น้ำในกลุ่ม ปะการัง(Coral) และพวกหอย(mollusk) ซึ่งโดยปรกติจะดูดซับคาร์บอเนตในน้ำทะเลเพื่อสร้างเปลือกหุ้มตัวเมื่อปริมาณคาร์บอเนตลดลง จะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างเปลือกของสัตว์น้ำเหล่านี้ทำให้การเจริญเติบโตของตัวอ่อนผิดปรกติ อาจส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำหลายชนิด
ทางที่สอง : คาร์บอเนตทำหน้าที่เป็นสารละลายบัพเฟอร์ให้กับทะเล ทำให้ทะเลทนต่อการเปลี่ยนแปลงของ pH ได้ในช่วงหนึ่ง แต่ก็ได้แค่จุดๆนึงดังนั้นถ้าความเป็นกรดยังคงเพิ่มขึ้นระบบนี้อาจจะล่มได้ จะส่งผลให้ pH ในทะเลเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจุดที่ว่านั้นนักวิจัยว่าน่าจะอยู่ที่ pH 7.8-7.9 ซึ่งคาดว่าน่าจะมาถึงประมาณปี ค.ศ. 2100
p.s. จะว่านานก็นานและเราคงไม่อยู่กันแล้ว แต่รุ่นลูกรุ่นหลานคงได้รับผลจากฝีมือของเรากัน
ร่ายมายาว ทีแรกว่าจะเขียนจนจบ แต่คงจะยาวไปขอยกไว้ต่อในตอนต่อไปเกี่ยวกับปัญหาอื่นๆ และแนวทางแก้ไขครับ
อ้างอิง
John P. Rafferty "Ocean acidification" Aug 23, 2019
https://www.britannica.com/science/ocean-acidification
"15 environmental problem that our world is facing today"
https://www.conserve-energy-future.com/15-current-environmental-problems.php
1 บันทึก
3
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ว่ากันด้วยเรื่อง"ปัญหาสิ่งแวดล้อม"
1
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย