27 ก.ย. 2019 เวลา 14:16 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องเล่าของคนบ้า-1.1
ก้าวแรกของคนบ้า...เริ่มเมื่อผมกลับมาอยู่บ้านที่โคราชในปี 52' จำได้ว่าแค่อยากมาพักสมองและนอนบ้านแค่นั้นเอง แต่วันๆชีวิตบ้านนอกมันก็ว๊างว่าง กับความไม่เคยชินความชิลของชีวิตชนบท ก็แว้ปไปเที่ยวนู่นนี่นั่นกับเพื่อนบ้างเบื่อก็มาบ้านทำซ้ำๆอย่างนั้นอยู่สองปี จนไปหยิบหนังสือของเพื่อนเล่มหนึ่ง(พ่อรวยสอนลูก1)ก็ไม่ได้คิดอะไรแค่หยิบมาอ่านฆ่าเวลาแค่นั้นเอง แล้วเรื่องมันก็เริ่มจากตรงนี้แหละจากคนว่างงาน ไร้สาระ ก็กลายเป็นคนบ้า
หนังสืดีๆซักเล่มเปลี่ยนชีวิตได้
หนังสือเล่มนั้นเปลี่ยนให้ผมเริ่มคิดเรื่องการเก็บออม และลงทุน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไร จากอะไร ยังไง แบบใหน แค่คิดว่าเราต้องลงทุนนะ เมื่อตีกรอบไม่ได้หาโจทย์ไม่เจอ คำว่าลงทุนดูมันยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุดเหลือเกิน ก็เริ่มจากเดินเข้าร้านหนังสือแล้วมองหาอะไรก็ได้ที่มีคำว่าลงทุนอยู่ในหน้าหนังสือแค่นั้นเอง ก็คงเดาไม่ยากสิ่งที่ผมหาได้คือหนังสือเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์หรือการลงทุนในหุ้นล้วนๆ แล้ว
ผ่านไป 2 ปี(54) กับการค้นหาคำตอบ ตีกรอบโจทย์ของการลงทุนของผม จากไร้สาระมาสองปี (52-53) ผมรู้ละว่าอยากจะลองทำอะไร เริ่มยังไง แบบใหน ที่อยากจะบอกก็คือ คนที่อยากเริ่มอะไรให้ตัวเอง อยากเป็นนายตัวเอง มันไม่ใช่แค่อยาก แล้วให้รีบตีเหล็กตอนร้อนอย่างเขาว่ากันนะ(สำหรับผมนะ จริงในการเปลี่ยนวิธีคิด แต่ไม่จริงในการปฏิบัติ) การหาสิ่งที่อยากทำและเรารักที่จะทำ ความหมายที่อยากลงมือ เป้าหมายปลายทางที่ฝันไว้หลังจากลงมือไปแล้ว เรายังต้องตีกรอบประเมินเวลาที่ต้องใช้ในการลำดับขั้นตอนปฏิบัติและปัญหาที่มีโอกาสจะเกิด ผลที่จะตามมาโอ้ววว มันสาระพัดปัญหาเหลือเกิน กว่าผมจะคิดและตัดสินใจได้ก็ปาไป 3ปีแล้ว นี่แค่คิด วางแผน และตัดสินใจเอง ผมยังไม่ได้ลงมือทำเลยด้วยซ้ำแค่กระบวนการคิดหลังจากตั้งโจทย์ให้ตัวเอง คนมีงานประจำจึงมีโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นมากมายกว่าจะผ่านเรื่องพวกนี้ได้ แล้วลงมือทำจริงๆ ความคิดต้องชัดเจนล่ะถึงไปต่อได้ แล้วจะเกิดอะไรหลังจากผมลงมือทำไว้ผมตัดแบ่งเป็นก้าวต่อไปละกันพิมไปพิมมาก็ชักจะยาวไปใหมนะเลยย่อยๆเป็นตอนดีกว่าจะได้ไม่น่าเบื่อและรายละเอียดความชิหายไม่ตกหล่นด้วย
แต่ก็โชคดีที่ผมมีกัลยาณมิตรอยู่รอบตัวและพวกเขาเหล่านั้นก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ชวนไปนู่นนี่นั่นเพื่อหาประสพการจากมุมมองที่แตกต่างจากการเดินทาง แล้วในใจผมตอนนี้ก็มีแต่การลงทุน สิ่งต่างๆระหว่างทางที่เห็นมันเปลี่ยนไป มันมีมูลค่า มันมีวิธีการลงทุน มันมีลำดับขั้นการทำงาน เวลาที่ใช้และผลตอบแทน จากต้นไม้ใบหญ้า ทุ่งนา บ่อปลา และอีกมากมายระหว่างการเดินทางที่เคยเห็นผ่านตาไม่เห็นมากไปกว่านั้น แต่ครั้งนี้กลับภาพมันต่างไป ภาพของการทำงาน จำนวณคนทำงาน ระยะเวลาเก็บเกี่ยว ต้นทุนผลิต กำไรขาดทุนที่จะเกิดจากสภาพอากาศปีนั้นเรื่องราวเหล่านี้เกิดในหัวตลอดทางที่เห็นทั้งที่ก็เป็นทัศนียภาพเก่าๆที่เคยผ่านและมองทุกครั้ง แค่เราคิดต่างทุกอย่างก็เปลี่ยนจริงๆ ผมเริ่มคิดถึงรายละเอียดของชิ้นงานมากกว่าบรรยากาศระหว่างทางแล้วตอนนี้ และมันเป็นอาการเริ่มต้นของคนบ้านี่เอง
หลังจากคิดอยู่นานก็ได้เป้าหมายซะทีซึ่งก็คือการเป็นเทรดเดอร์นั่นเอง ก็อ่านแต่หนังสือหุ้นนี่นะไม่น่าเดายาก แต่ผมเป็นลูกชาวนาและทางบ้านยังมีที่นาเป็นต้นทุน อยากลงทุนก็ต้องมองหาต้นทุนที่เรามีในมือก่อนล่ะ ว่าจะสร้างมูลค่าแบบใหนเอาไปต่อยอดยังไงให้ถึงเป้าหมายปลายทางของเรา แค่เปิดบัญชีหุ้นฝากเงินเช้าบัญชี แล้วซื้อขายเลยใหมล่ะง่ายนิดเดียว อาชีพนี้เริ่มตรงใหน อ่านหนังสือเล่มเดียวก็พอแล้ว จริงใหมล่ะ แล้วผมเสียเวลาคิดตั้งสามปีนี่นะ เปิดบัญชีเลยซิแบบนี้เขียนตั้งนานง่ายๆ งี้เลย บ้าไปแล้ว.....
บทสรุปแรกของคนบ้าก็คือเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี ใช้แค่น้ำหมัก ปุ๋ยหมักสิ่งที่สามารถทำเองได้จากธรรมชาติ แบบนี้มันก็มีแต่กำไรน่ะซิ ไม่ต้องซื้อมีแต่ขายจะขาดทุนได้ยังไงจริงใหม จากไม่เคยคิดจะทำนาเลยซักครั้งในชีวิต ครั้งนี้กลับกบฏความคิดตัวเองแบบสุดโต่ง เมื่อกล้าที่จะอ้าแขนรับโอกาสใหม่อาชีพใหม่แม้จะเห็นมาแต่เกิดแต่ก็ไม่เคยทำมีแต่ให้คนอื่นเช่าทำแบ่งข้าวกินแค่นั้นเอง เมื่อโอกาสเปิดสิ่งที่พ่วงตามเข้ามาก็คือความโชคดี
เพราะก่อนจะเริ่มอาชีพชาวนา ก็มีบททดสอบใจเป็นทางเลือกอาชีพแทรกเข้ามา คือชีวิตเลือกได้ว่างั้นล่ะ โดยมิได้นัดหมาย หรือคาดคิดไว้ เพื่อนก็เสนองานลื้อถอนฟาร์มในยุโรปในปีต่อมา ก็ต้นปี'55 นั่นเองเหตุเกิดจากผู้รับเหมาที่ตกลงกันไว้อยู่ไม่มั่นใจเรื่องภาษาขอถอนตัวกระทันหัน จากการแนะนำของเพื่อนและผมเรีบนวิศวะไฟฟ้าถึงไม่ใช่โยธาก็วิดวะนะบวกกับผมบอกว่าไม่มีปัญหาเรื่องภาษาและตอนนั้นมีแฟนอยู่ที่อังกฤษเป็นไกด์ให้ได้(ช่างลงตัวเพอเฟคจริงๆ คิดตั้งสามปีอยู่ดีๆงานตรงสายอาชีพตกใส่หัวซะงั้น แม้ยิ่งกว่าถูกหวย) โอกาสและโชคมาเมื่อเราพร้อมจะเปลี่ยนจริงๆ กลายเป็นก้าวที่ 1.1 ของการเริ่มต้นของคนบ้า
ว่างงานก็ใช้สิทธิ์เที่ยวบ้าง
เพียงหวังว่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นกำลังใจให้คนที่มองหาโอกาส ซึ่งบางสิ่งอยู่ตรงหน้าเรานานแล้ว แต่เราแค่ไม่เคยเปิดใจจะมองและหาข้ออ้างในการไม่ลงมือทำ อาจจะเพราะความกลัว สิ่งที่จะเกิดจากการคาดหวังของคนรอบข้าง เกิดจากคำพูดหรือจะอะไรอีกหลายอย่าง แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงมโนของการสร้างภาพ สร้างมาตรฐานให้ตัวเอง หรือเราใส่หัวโขนให้ตัวเองเท่านั้น เมื่อตัดสินใจและลงมือทำมันเกิดภาระหนักอึ้งที่บีบให้คุณเลือกแค่สองทางเท่านั้นคือ ไปต่อ หรือ ยอมแพ้ ถ้าคุณเลือกเป็นคนบ้าแบบผมคำตอบมันจะเหลือคำตอบเดียวและคำสอนดีๆของพ่อเป็นกำลังชั้นเลิสในการดำเนินชิวิตของผม ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน
คำสอนของพ่อหลวงที่ผมเก็บไว้อ่านเสมอๆ
โฆษณา