29 ก.ย. 2019 เวลา 04:20 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องเล่าของคนบ้า-1.2
ก้าวที่ 1.2 ของคนบ้า... หลังจากใช้เวลาตามหาเป้าหมายของตัวเองอยู่3ปี ในที่สุดก็ได้บทสรุปซะที ยุคนี้อะไรก็ไม่พ้นคนอยากเป็นนายตน อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมก็ไม่ต่างกันแต่โจทย์ไม่มีอาจารย์มาตั้งให้ตอบ เราต้องตั้งและค้นหาคำตอบของตัวเอง ผิดถูกไม่มีคะแนนไม่มีคนตัดเกรด อวดใครไม่ได้ และไม่มีวันจบ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราหมด และผมเลือกที่จะเริ่มจากสิ่งที่มีและเป็นรากฐานของชุมชนคือการทำนาเพิ่มขึ้นมาคือทำแบบเกษตรอินทรีย์ มันจึงเกิดแรงต้านทานสูงเมื่อผมทำสิ่งที่ต่างซึ่งขัดกับความเชื่อและวิธีการที่ทำกันมานาน มันจึงเป็นจุดเริ่มของการเป็นคนบ้า ด้วยวิธีคิดและการกระทำเหล่านี้ผมถูกตัดสินให้เป็นคนบ้า ผมคือความล้มเหลวของชุมชน ผมคือการไปเรียนไกลและไม่ได้อะไรกลับมา ผมคือแกะดำ และผมคืออีกหลายอย่างเท่าที่คุณจะคิดออก แต่ผมเลือกจะไม่สนใจคำชมและทำตามวิธีการที่ผมได้เลือกแล้ว
ปีแรกของกาทำนาปี '55 หลังจากเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆมานาน แต่โอกาสมักจะมาในเวลาที่เราไม่พร้อมเสมอและเราต้องตัดสินใจด้วยเวลาที่จำกัด พร้อมทั้งเงื่อนไขยากๆและบอกไม่ได้เลยมันเป็นวิกฤติหรือโอกาสกันแน่ แต่ผมรับไว้ก่อนไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร หลังจากตัดสินใจก็เริ่มหาความรู้เกี่ยวกับการทำนาอินทรีย์ แบบต่างๆเพื่อหาแนวทางที่เหมาะกับพื้นที่ และตัวเองช่วงต้นปีนั้นเอง เพื่อนก็เสนองานรื้อถอนในอังกฤษมาให้โดยบอกเพียงว่าผู้รับเหมาถอนตัวเพราะไม่มั่นใจเรื่องภาษา ถ้าผมมั่นใจว่าไปแล้วสื่อสารรู้เรื่องและหาทีมงานได้ถึง 10คน ภายในวันนี้ให้ส่งรายชื่อคนงานที่จะไปมาได้เลย ตอนนั้นคุยกันก็ 8-9โมงละนะ ตอนนั้นผมมีแฟนอยู่ที่นั่นและเรียนวิศวะด้วย เลยเป็นเหตุที่เพื่อนถามผมแบบไม่คาดหวังเหมือนกันน่ะล่ะ จังหวะทางตัน ผมเองในหัวก็มีแต่เรื่องลงทุน สร้างงาน สร้างอาชีพพอดี ก็รับปากทันทีทั้งที่ก็ยังไม่รู้เลยจะเอาใครไปทำงาน ความสนุกมันก็เกิดละซิ ตอนนั้นก็ไม่อยู่บ้านด้วยกำลังเดินทางเลย ตัดสินใจได้ก็หยิบโทรสัพทันที เริ่มโทรหาทุกคนที่คิดว่าเขาจะไปลุยกับผม ผมก็ใช้เงื่อนไขแบบเดียวกันกับที่ได้รับมานั่นล่ะ ใครลังเลขอคิดก่อนผมวางสายรีบโทรหาคนใหม่ทันที เพราะคนพร้อมจะเจอประสพการใหม่ก็คงต้องเชื่อใจผมเหมือนที่ผมเชื่อเพื่อนนั่นล่ะ ต้องตอบตกลงหลังฟังเงื่อนไขแบบ งงๆ เหมือนผมนั่นล่ะแต่ก็ขอไปลองล่ะนะ คนตอบช้าหมดสิทธิ์ โอกาสเป็นของคนที่กล้าเท่านั้น สรุปวันนั้นได้รายชื่อครบตอนสองทุ่มเกือบปิดกล่องรับพอดี ประมาณว่าก็เริ่มหาทางเลือกได้แล้วเหมือนกันแต่ติดตรงพูดกับผมก่อนเลยต้องรอลุ้นว่าผมจะสละสิทธิ์หรือเปล่า แต่ไม่นะผมเข้าเส้นชัยทันเวลาพอดี โอกาสจึงเกิดทันที
ด้วยความเร่งรีบเพราะคนที่จะได้ไปดันสละสิทธิ์กลางอากาศ หลังจากส่งชื่อคนงานเย็นวันนั้นอีกสองวันต่อมา ผู้ว่าจ้างนัดทำวีซ่าทันทีคงเป็นนัดหมายเดิมของคนเก่านั่นล่ะไม่งั้นผมคงไม่มาอยู่ตรงนี้ ผ่านไปอีก 10 วัน เตรียมตัวเดินทาง เอ้า มาไวเคลมไวเหมือนไปกลับโคราช-กรุงเทพเลย งานเราคือการไปรื้อกรงไก่และระบบทุกอย่างในฟาร์มเพื่อขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ส่งกลับมาประกอบต่อที่ฟาร์มเมืองไทย เพราะช่วงนั้นยุโยปแบนการซื้อไข่ไก่จากฟาร์มที่เลี้ยงในกรง แต่พี่ไทยไม่สนใจเขารื้อเรารับซื้อมือสองมาใช้ต่อ นั่นคืองานที่ผมและทีมงานได้รับมอบหมายมา และแต่ละฟาร์มแต่ละไซน์มีเวลารื้อถอนยัดอุปกรณ์ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ให้เสร็จใน1เดือน จบไซน์นี้จะมีไซน์ใหม่ต่อไปจนกว่าจะหมดวีซ่า 3เดือน ต่อได้อีก 3เป็น 6เดือน โอววว เที่ยวกันทั่วยุโรปเลยว่างั้น ใจผมนะ แต่คนอื่นนี่ซิ เพราะเงื่อนไขคลุมเคลือตั้งแต่ต้นแล้ว ปัญหาจึงเกิดจากจุดเล็กๆ ตรงนี้ล่ะ สุดท้ายเราก็ได้อยู่แค่ไซด์เดียว ก็บินกลับเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นประสพการที่ดีแม้จะรักษาให้ยาวกว่านี้ไม่ได้ผมก็ไม่ได้เสียใจหรือติดค้างสิ่งไดในใจ เราใช้ทุกวินาทีให้คุ้มที่สุด เรียนรู้ให้มากที่สุด และแน่นอน ดื่มด่ำกับสถานที่ให้เต็มที่เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไร ผมจึงไม่มีสิ่งไดค้างคาในใจไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
งานก็ไม่ถอยถึงเหนื่อยก็ต้องชื่นชมสถานที่ด้วย
ถึงบ้านก็ปลายเดือน มกราคม เหลือค่าแรงนิดหน่อยเพราะจบงานแค่ไซด์เดียว แต่เป้าหมายก็มาไวกว่าที่คิดสิ่งแรกที่ผมทำคือเอาเงินไปเปิดบัญชีหุ้น จากแผนเดิมว่าจะรอหลังเสร็จทำนาขายข้าวค่อยเริ่มต้นการเก็บออมในหุ้น ช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงผมเชื่อว่าทุกอย่างคงสวยงาม เป็นไปดั่งคิดนึกเหลือเกินเหมือนเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้และหลังจากเปิดใจให้ตัวเองได้รับโอกาสแล้วโชคดีก็ตามมาไม่หยุดหย่อนอย่างกับจองบัตรคิวเอาไว้อย่างนั้นล่ะ ดูอะไรมันจะง่ายเหลือเกินเมื่อได้บัญชีและไอดีเข้าสู่โลกของตลาดหลักทรัพย์ใช้เวลาประมาณ 1เดือน ช่วงนั้นผมก็เข้าไปหาข้อมูลต่างๆ และที่แรกๆก็คือห้องสินธร และท่านแรกที่ผมได้รู้จักและเป็นความโชคดีเช่นกันคือ อาจารย์โชค แห่งห้องสินธร เป็นช่วงอาจารย์กำลังตั้งกลุ่มไลน์เพราะเหตุผลบางอย่างที่จะลดการแอบอ้างไดๆที่เกิดขึ้นตอนนั้นผมก็ไม่ทราบได้ แต่ผมไปทันและได้เข้ากลุ่มพอดี มีการแบ่งปัญความรู้มากมายอย่างไม่สิ้นสุดและยังมีจัดลำดับหุ้นเกร็งกำไรจากอาจารย์ทุกวันช่วงนั้นผมถึงอยู่รอดในตลาดได้และรู้สึกขอบคุณการแบ่งปัญอย่างไม่สิ้นสุดจากใจ หากไม่สามารถรอดในวันนั้นผมอาจจะไม่ชายตาแลการลงทุนในหุ้นอีกเลยก็ได้และคงเสียโอกาสดีๆมากมาย ผมยังมีหุ้นเตือนใจถึงความโลภและความอ่อนด้อยประสพการของตัวเองเก็บไว้ดูต่างหน้าจนทุกวันนี้ ผ่านมา 7 ปียังลงเหวไม่เลิกติดลบ 93% แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะเหลือไว้เพื่อเตือนใจตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ถือเผื่อลูกหลานแต่อย่างได ...
โฆษณา