29 ก.ย. 2019 เวลา 06:46 • ปรัชญา
"เคล็ดลับดึงดูดเงินง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนกระเป๋าสตางค์"
ใครมีปัญหาเรื่องการเก็บเงินบ้างครับยกมือขึ้นหน่อย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ เมื่อลองสำรวจตัวเองดูเลยพบว่า จริง ๆ แล้วการที่เราจะเก็บเงินอยู่หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิตของตัวเราเองทั้งสิ้น
Cr. pixabay
เคยเห็นไหมครับ คนหาเงินได้เยอะแต่กลับไม่มีเงินเก็บเลย นั่นเป็นเพราะเขามีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ทำให้เงินไหลออกตลอดเวลา หาได้เยอะจริงแต่ก็จ่ายออกไปง่ายเช่นกัน ซึ่งหลายคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
ดังนั้น สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับการเปลี่ยนจากคนที่เก็บเงินไม่อยู่ให้กลายเป็นคนที่เงินวิ่งเข้าหาตลอดเวลา นั่นก็คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตนั่นเอง
และสิ่งที่เริ่มต้นง่ายที่สุดสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตนั่นก็คือเริ่มจากการเปลี่ยน "กระเป๋าสตางค์"
Cr. pixabay
กระเป๋าสตางค์มีผลต่อการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตของเรายังไง ถ้าให้สรุปสั้น ๆ
"กระเป๋าสตางค์เป็นสิ่งที่สะท้อนรูปแบบการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงท่าทีของคน ๆ นั้นที่มีต่อเงิน"
ก่อนจะงงไปมากกว่านี้ ผมขอให้คุณลองสังเกตกระเป๋าสตางค์ของผู้บริหารระดับสูงหรือประธานบริษัทที่มีผลกำไรดูครับแล้วคุณจะพบว่าคนเหล่านั้นจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจนั่นก็คือทุกคนล้วน "ใช้กระเป๋าสตางค์สวย"
เพราะกระเป๋าสตางค์ที่สวยจะเป็นสิ่งที่กำหนดท่าทีที่มีต่อเงินถ่ายทอดผ่านกระเป๋าสตางค์ คล้ายกับเวลาที่เรามีอากับกริยาหรือท่าทางเปลี่ยนไปตามเครื่องแต่งกายที่เราเลือกสวมใส่ในวันนั้น
กระเป๋าสตางค์ที่สวยจะช่วยปรับอารมณ์การใช้เงินได้อย่างเหมาะสมกับกระเป๋าสตางค์อย่างเป็นธรรมชาติ และเปลี่ยนแปลงท่าทีของคนที่มีต่อเงิน และมีอิทธิพลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตรวมถึงเงินที่มี ดังนั้นกระเป๋าสตางค์จึงมีอำนาจพิเศษมากกว่าแค่เป็นของใช้ประจำวัน
Cr. Pixabay
"กฎ 200 เท่าของราคากระเป๋าสตางค์"
ราคากระเป๋าสตางค์ x 200 = รายได้ต่อปีของเจ้าของกระเป๋าสตางค์
ใช่ครับคุณอ่านไม่ผิดหรอก และนั่นคือสิ่งอันน่าพิศวงเกี่ยวกับกระเป๋าสตางค์และอำนาจของมัน
Cr. pixabay
แน่นอนครับว่ามันอาจจะไม่ตรงเป๊ะสักทีเดียว สมมุติว่าในปัจจุบันคุณใช้กระเป๋าสตางค์ใบละ 2,000 บาท คุณมีรายได้ประมาณเดือนละ 30,000 บาท หรือปีละ 360,000 บาท
หากคุณเปลี่ยนไปใช้กระเป๋าสตางค์ใบละ 6,000 บาทซึ่งแพงกว่าใบเดิมถึง 3 เท่าแน่นอนครับว่ารายได้คุณจะไม่เพิ่มขึ้นเป็น เดือนละ 90,000 บาทในทันทีหรอก แต่ขอให้ลองสังเกตดูภายหลังจากนี้ว่า "แนวโน้ม" ของรายได้ต่อปีหลังจากนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามกฎนี้
เพราะถ้าทีที่เรามีต่อกระเป๋าสตางค์นั้นจะสื่อถึงท่าทีที่มีต่อเงินตามความเป็นจริงและท่าทีที่มีต่อเงินจะสื่อถึงท่าทีที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ ด้วย
คนใช้เงินอย่างประหยัดจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดี ใช้ข้าวของอย่างทะนุถนอม
ใช้ทรัพยากรของบริษัทหรือที่บ้านตัวเองอย่างรู้คุณค่า
ซึ่งในที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้จะคืนกลับมาในรูปแบบของเงินและส่งผลต่อรายได้ต่อปีของคนคนนั้น
อีกอย่างหนึ่งหลังจากเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์แล้วพฤติกรรมของคุณจะเปลี่ยนไปด้วย
Cr. pixabay
"ในเมื่อกระเป๋าสตางค์ของฉันสวยและมีราคาแพงขนาดนี้เงินที่เข้ามาก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย"
"ถ้าเปลี่ยนไปใช้กระเป๋าสตางค์ใบละ 10,000 บาท รายได้ของเราอาจเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาทต่อเดือน หรือปีละ 1,200,000 บาทก็ได้"
เพราะทันทีที่เรามีความรู้สึกแบบนี้ จิตใต้สำนึกของเราจะมองไปที่อนาคตที่วางไว้ว่ารายได้ต่อปีของเราจะไปถึงปีละ 1,200,000 บาทได้อย่างไร และเราจะปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับเป้าหมายในอนาคตและเอาใจใส่เรื่องการเงินอยู่เสมอ
2
ถ้าหากเราคิดว่ามันเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตมันก็คุ้มค่ามากแล้วครับ
"ถ้าอยากให้เงินเข้าหา ให้ใช้กระเป๋าสตางค์ทรงยาว"
สังเกตไหมครับ สำหรับคนที่ใช้กระเป๋าสตางค์แบบพับ เงินของคุณเป็นยังไงบ้างครับ ธนบัตรของคุณยับยู่ยี่หรือเป็นรอยพับดูไม่สวยงามจริงมั้ยครับ ?
Cr. pixabay
กระเป๋าของคุณอ้วนหนามากและไม่เป็นระเบียบ เต็มไปด้วยบัตรและใบเสร็จอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดใช่หรือเปล่า ?
ผมอยากจะบอกว่าเงินก็เหมือนกับเรานั่นแหละครับ คนเราชอบอยู่บ้านสะอาด ๆ จัดวางข้าวของเป็นระเบียบยังไง
เงินก็ชอบอยู่ในกระเป๋าสตางค์ที่สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่ทำให้เขายับยู่ยี่เช่นเดียวกัน
กระเป๋าสตางค์ทรงยาวจึงมีรูปทรงที่ดีต่อเงินและธนบัตรเป็นพิเศษ
อีกอย่างเงินชอบอยู่ในกระเป๋าสตางค์ที่มีรูปทรงแบนครับ
เพราะกระเป๋าสตางค์ทรงอ้วนเท่าที่ผมเคยเห็นมามักจะอัดแน่นไปด้วยบัตรเครดิต บัตรสะสมแต้ม ใบเสร็จสลิปเครื่องรางอัด แน่นกันจนบวมเป่ง
Cr. pixabay
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กระเป๋าสตางค์อ้วนนั้นเกิดจากพฤติกรรมที่เราไม่ค่อยใส่ใจตรวจสอบกระเป๋าสตางค์ของเราเท่าไหร่นัก เมื่อได้รับอะไรมาก็มักจะยัดลงในกระเป๋าสตางค์
นั่นเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดี ละเลยการตรวจสอบสภาพกระเป๋าสตางค์ของเรา จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินหนีไปจากเราโดยที่ไม่รู้ตัว
สิ่งที่ผมมักทำอยู่เป็นประจำก็คือตรวจดูกระเป๋าสตางค์ เพื่อจัดการกับสลิปและใบเสร็จ บัตรสะสมแต้มต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋าสตางค์ เพื่อทำให้กระเป๋าสตางค์ดูเรียบแบนอยู่เสมอ
Cr. pixabay
และอีกกิจกรรมที่ผมทำอยู่ตลอด นั่นก็คือการจัดเรียงธนบัตร โดยธนบัตรที่มีค่ามากที่สุดเช่นแบงค์พันผมจะนำมาเรียงไว้ด้านหลังสุด ส่วนธนบัตรที่มีค่าน้อยกว่านั้นผมจะนำมาเรียงไว้ด้านหน้า
เพราะถ้าหากต้องใช้จ่าย ผมก็สามารถหยิบธนบัตรที่มีค่าน้อยกว่าเช่นแบงค์ร้อยออกมาใช้ได้อย่างสะดวก และยังเป็นการควบคุมการใช้จ่ายของเราไม่ให้นำแบงค์ใหญ่อย่างเช่นแบงค์พันออกไปใช้โดยที่ไม่รู้ตัวครับ
นี่คือเคล็ดลับบางส่วนซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ และไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลเงินในกระเป๋าของคุณจากคนที่เงินไหลออกโดยไม่รู้ตัวให้กลายเป็นคนที่เงินวิ่งเข้าหา
reference : หนังสือชีวิตมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว
ผู้เขียน คุณคะเมะดะ จึนอิชิโร
สำนักพิมพ์ welearn
ขอบคุณภาพจาก pixabay
ถ้าได้ประโยชน์จากบทความนี้ ช่วยกด Like, Share ด้วยนะครับ 😻

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา