2 ต.ค. 2019 เวลา 04:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
มหากาพย์แฉ wework สตาร์ทอัพยูนิคอร์น ที่โกงเงินระดับโลก
รูปประกอบ: wework
เป็นเรื่องเป็นราวกันขึ้นมาทันที หลังมีข้อมูลขุดขึ้นมาแฉสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นอย่าง wework ว่าเป็นสตาร์ทอัพฉ้อโกงเงินระดับโลก เอาเป็นว่าดุเด็ดแค่ไหน วันนี้เรามีมาเล่าให้ฟังกันคร่าวๆ ครับ
แต่ก่อนอื่น ขอเท้าความนิดนึงว่า WeWork คือสตาร์ทอัพที่ให้บริการด้าน co-working space มีเงินระดมทุนก่อน IPO กว่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญ มากกว่า สตาร์ทอัพอื่นๆ ที่เคยมีมา เช่น Facebook จำนวน 2.2 พันล้านเหรียญ Google จำนวน 130 ล้านเหรียญ Ebay จำนวน 6.9 ล้านเหรียญ โดยถ้าเทียบเป็นอัตราส่วน คือมากกว่า Google 140 เท่า และที่สำคัญ ไม่ได้เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้วยซ้ำ ปัจจุบัน มีสาขาที่ไทยแล้ว 2 สาขา
1. อันดับแรกเลย มีคนเริ่มกังขากับตัวธุรกิจ การดำเนินงาน และการบริการการลงทุน เพราะดูๆ ไป มันเหมือนกับ Ponzi หรือการโกงการลงทุน โดยการนำเสนอโปรเจคให้กับนักลงทุนกลุ่มแรก จากนั้นก็เอาเงินไปดำเนินการ หลังจากนั้นก็เปิดให้ลงทุนอีก แล้วเอาเงินลงทุนในส่วนที่สองนี้ไปให้นักลงทุนคนก่อนหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าธุรกิจมีกำไร แล้วก็เปิดให้ลงทุนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ตัวเองก็ดึงเงินออกมาจากการดำเนินงานด้วย
2. Adam และ Miguel ผู้ก่อตั้ง wework พยายามทำให้ wework ดูเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยี และดูมีศักยภาพในอนาคต เพื่อดึงดูดนักลงทุน แต่เมื่อพิจารณากันดีๆ แล้ว weworkเป็นเพียงธุรกิจอสังหา ที่ปล่อยพื้นที่ให้เช่าในรูปแบบของ co-working space ซึ่งดูไม่ได้สร้างกำไร หรือมีศักยภาพในการคืนเงินขนาดนั้น แต่นี่แค่น้ำจิ้มครับ
3. เพราะที่ดูจะเข้าเค้ายิ่งไปกว่านั้น คือปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่น พบว่า wework แสดงรายรับ (ค่าสมาชิก) ล่วงหน้าหนึ่งปี ทำให้ดูว่าบริษัทมีผลประกอบการ จะได้ดึงนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากนั้น wework แก้ตัวเลขเหล่านี้ โดยลดรายรับลง แล้วบอกว่าเป็นส่วนลดที่ให้กับลูกค้า ยังไม่นับรวมการทำเอกสารการเงิน หรือการทำบัญชีรูปแบบใหม่ ที่ทำให้มีการแสดงยอดติดลบน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เช่น wework แสดงยอดติดลบเพียง 4 พันล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วติดลบถึง 6 พันล้านเหรียญ
4. ยิ่งไปกว่านั้น Adam และ Miguel ทยอยดึงเงินสดออกจากบริษัทผ่านรูปแบบต่างๆ รวมเป็นเงินทั้งหมดทั้งมวลกว่า 1 พันเหรียญเข้าไปแล้ว แถมก่อนหน้าก็นี้ยังพบว่ามีการใช้เงินทุนไปซื้ออสังหาส่วนตัว แล้วก็เอาอสังหามาปล่อยเช่าให้กับ wework อีกที พอเรื่องแดง ก็มีการออกมาแถลงการต่างๆ รวมถึงใช้ดาราดังอย่าง Ashton Kutcher มาให้สัมภาษณ์ร่วม เพื่อตอกย้ำว่า wework เป็น “บริษัทเทคโนโลยี” ที่มีศักยภาพเหนือกว่าบริษัทอื่นๆ ในโลก ทำให้ผู้คนเชื่ออย่างนั้น และกลบเกลื่อนปัญหาของพวกเขาไป
5. ที่สำคัญ หากดูรายจ่ายบริษัท จะพบว่า weworkลงทุนในการ PR เป็นเงินมหาศาล โดยมีการจ่ายเงินเป็นจำนวนมากในการประชาสัมพันธ์ตัวเองหลากหลายช่องทาง โดยเน้นหัวข้อราวๆ ว่า The Rise of wework หรือ How weworkbecome a $47bn company ทำให้ดูว่าบริษัทมาแรง และบริษัทมีมูลค่าสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการทำ PR บอกว่าจะบริจาคเงิน 1 พันล้าน เพื่อช่วยสิ่งแวดล้อมด้วย ทำให้ดูว่าบริษัทมีเงิน และใส่ใจสังคม แต่เงินที่ว่านี้ยังไม่มี แต่จะรอเอาจากการลงทุนในอนาคต
สำหรับใครที่สนใจรายละเอียด และดีเทลตัวเลขต่างๆ สามารถเข้าไปตามต่อกันได้ ที่นี่ครับ >>> https://www.zerohedge.com/markets/wework-fraud
และแน่นอนว่าหลังจากโดนแฉรอบแรกไป ตอนนี้ก็มีคนขุดเรื่องมาแฉกันอีกเพียบเลย คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นจริงตามนี้หรือไม่ แล้ว wework จะออกมาแก้ตัวอย่างไร
ไม่อยากพลาดทุกข่าวสาร และการอัพเดท อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม The Columnist กันนะครับ
เรายังมี Facebook Page สำหรับกิจกรรมต่างๆ ด้วย ติดตามได้ที่ >>> https://www.facebook.com/THE-COLUMNIST-114090136627856/
โฆษณา