4 ต.ค. 2019 เวลา 14:45 • ความคิดเห็น
👻 ASMR เล่าเรื่องผี Ep6 เสียงกระซิบ คืนหลอนวัดกลางป่า ยายเมี้ยน [สวัสดีผีใหม่ - หนังใหม่] 2019 HD
13
Ep6 ยายเมี้ยน (263/7195)
สวัสดีค่า มาพบกันอีกแล้ว ในช่วงเวลาเหมาะเจาะ
เรื่องเล่าคืนนี้จะเป็นเรื่องของ คุณยายเมี้ยน
สิ่งที่ยายเจอ ทำให้ยายจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
ช่างเหมาะกับชาว Full moon แบบพวกเราเหลือเกิน
ถ้าพร้อมแล้ว เขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วมาฟังพร้อมกันเลยค่ะ
👻 ดูหลอนๆแบบคลิปวีดีโอคลิก 👇 https://www.youtube.com/channel/UCszVwcvHW-Wnc2nVwYV47yQ
👻 ฟังเรื่องผีสไตล์ ASMR เสียงกระซิบคลิก 👇
👻 ดูรีวิวหนังผีในดวงใจ100เรื่องทั้งหมด👇
ยายเมี้ยนเป็นคนต่างจังหวัด
เมื่อถึงวันพระ ยายเมี้ยน จะนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดปฏิบัติธรรมถือศีลแปดไม่ว่าจะอยู่ในฤดูเข้าพรรษาหรือออกพรรษาก็ตาม
ยายเมี้ยน ปฏิบัติเช่นนี้มาสองปีแล้ว
วัดที่ยายเข้าปฏิบัติธรรมเป็นวัดที่เคร่ง
ซึ่งพระสงฆ์วัดนี้ท่านก็ปฏิบัติเคร่ง ฉันอาหารมื้อเดียวไม่หยิบจับเงินทองและถือธุดงควัตรอีกหลายข้อ
เช่นถือครองผ้าสามผืนเป็นวัตร
ถือออกเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรเป็นต้น
ท่านอาจารย์วัดนี้มีบารมีธรรมสูงยิ่งก่อนที่ท่านจะได้สร้างธุดงคสถานแห่งนี้นั้น ท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งท่านเดินธุดงค์ผ่านมาทางจังหวัดนครราชสีมา และได้พักปักกลดยังพื้นที่ป่านอกเมือง
พอชาวบ้านในละแวกนั้นรู้ข่าวก็นำข้าวปลาอาหารไปถวายท่าน ชาวบ้านได้รับฟังธรรมเทศนาจากท่าน แล้วเกิดความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก
จนมีชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนั้น
ได้ถวายที่ดินหลายสิบไร่ของตนให้ท่านสร้างวัด
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างก็เห็นดีเห็นงาม
ธุดงคสถานอภิสัมโพธิญาณ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เนินป่านอกเมืองซึ่งแต่ก่อนเป็นที่รกร้าง แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากเขตชุมชนมากนัก
บนพื้นที่ประมาณห้าสิบไร่ข้างหน้า
เป็นที่ตั้งศาลาวิปัสสนากรรมฐานโรงครัวหรือโรงทานกุฏิท่านอาจารย์ และโรงย้อมผ้าส่วนข้างหลังที่อยู่ลึกเลยเข้าไปนั้นเป็นที่ตั้งกุฏิพระหลังต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่เป็นแถวแนวแต่ในระยะห่าง ๆ และที่ข้างฝากุฏิพระด้านหน้าแต่ละหลังนั้นมีตัวหนังสือเขียนเรียงอย่างเป็นระเบียบว่า“ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเช่นพระภิกษุ-สามเณร อาพาธห้ามเข้ามารบกวนความสงบ
ทั้งนี้ก็เพราะพระสงฆ์ในธุดงคสถาน
ท่านเป็นพระกรรมฐานท่านชอบความสงบสันโดษ
แม้แต่ในหมู่พระสงฆ์ด้วยกันเอง
ท่านจะไม่นั่งพูดคุยเล่นหัว
ในกุฏิของท่านไม่มีวิทยุหรือโทรทัศน์ มีแต่เครื่องใช้ที่จำเป็น
เช่น เสื่อผืนหมอนใบผ้ามุ่งกลดย่ามบาตร
และกระติกน้ำสำหรับพระสงฆ์ที่อยู่ในวัยชรา
ภายในย่ามของท่านก็จะมียาลมยาหม่อง
นอกเหนือจากผ้ารองนั่ง ก็มีไฟฉายช้อนและแก้วน้ำที่พระสงฆ์ทุกรูปมักมีไว้ใช้ประจำตัว
เพราะท่านเป็นพระธุดงค์ทางไกล
ซึ่งบางรูปท่านก็เพิ่งเดินธุดงค์มาจากที่อื่น
ครั้นถึงยามเข้าพรรษาท่านก็เข้าจำพรรษายังสถานที่นี้เมื่อออกพรรษาท่านก็จะออกเดินธุดงค์ต่อไปซึ่งบรรดาญาติโยมต่างก็รับรู้ในวัตรปฏิบัติของท่านเป็นอย่างดีเมื่อเข้าวัดจึงระวังรักษากิริยามรรยาทให้เรียบร้อยไม่พูดคุยกันเสียงดัง
วันหนึ่งที่ ยายเมี้ยน ต้องเข้าวัด ยายเมี้ยน ตื่นแต่เช้า
ปรุงอาหารตักใส่ปิ่นโตอาบน้ำชำระร่างกาย
แล้วก็ครองชุดขาวนิ้วปิ่นโตเดินเข้าวัดด้วยใบหน้าผ่องใส
นอกจาก ยายเมี้ยน แล้วก็ยังมี ผู้หญิงและผู้ชายคนอื่นๆ
ที่นุ่งขาวห่มขาวมาปฎิบัติธรรมในวัดด้วย
มีทั้งที่อยู่ในวัยชราและวัยหนุ่มสาว รวมแล้วก็ประมาณสามสิบกว่าคน
ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อว่า พลอย
น้องพลอย เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก และดูสดใส
และ น้องพลอย มีความสนิทสนมกับย้ายเมี้ยนมาก
เจอหน้าครั้งแรกก็ถูกชะตา
เวลาทำกิจกรรมหรือนั่งสมาธิและเดินจงกรม นอกลาน
ก็จะทำอยู่ใกล้กันคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
มีความรักใคร่เหมือนเป็นยายกับหลานกันแท้ ๆ
การทำวัตร จะแบ่งเป็นรอบๆ
บรรดาคนหนุ่มสาวผู้มีร่างกายแข็งแรงมักจะอยู่ต่อจนถึงรอบดึก
นั่งอีกสามชั่วโมงก็จะถึงตีสาม ซึ่งเป็นเวลาที่พระท่านจะตีระฆังปลุกให้ตื่นจากนอน
ให้ทุกคนลุกขึ้นนั่งสมาธิภาวนาต่อไปจนถึงตีสี่
แล้วจึงเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเช้าจนถึงตีห้า
สวดมนต์จบก็พอดีได้เวลารุ่งอรุณ
พระสงฆ์ท่านจะออกบิณฑบาต
ส่วนคนที่นุ่งชุดขาวก็จะแยกย้ายกลับบ้าน
แต่จู่ๆช่วงค่ำคืน ท้องฟ้ามืดลมพัดแรงและฟ้าแลบแปลบ
ปลาบยอดไม้ไหวขู่มีท่าว่าฝนจะตก
สถานที่พักของฝั่งหญิงอยู่ที่โรงทาน
ไม่ปะปนกับฝั่งชาย ซึ่งในวันพระแต่ละวันจะมีมาวัดแค่สี่ห้าคน
พวกฝ่ายชายจะพักอยู่ทางด้านหลัง ตามกุฏิพระหลังที่ว่าง
ขณะนี้เวลาใกล้จะสองทุ่มคนอื่น ๆ
เขาพากันไปนั่งอยู่ที่ศาลาวิปัสสนากรรมฐานกันละ
ก็มีแต่ ย้ายเมี้ยน กับ น้องพลอย และผู้หญิงอีกบางคน
ที่ยังรอต่อคิวเข้าห้องน้ำ  เพราะห้องน้ำมีจำกัด
และฝั่งผู้หญิงมักจะใช้เวลาอาบน้ำมากกว่าผู้ชาย
ยายทำอะไรช้า ไม่อยากโดนใครเร่ง จึงขออาบทีหลังสุด
น้องพลอยเมื่ออาบเสร็จแล้ว ยังมาปูเสื่อจัดที่พักผ่อนให้ ยายเมี่ยน
น้องพลอยเข้าช่วย พร้อมปากก็ร้องเร่ง
แต่เป็นการร้องเร่งแบบแซวล่ะมากกว่า
จนกระทั่งเรียบร้อยต่างคนต่างจึงคว้าย่ามประจำตัวขึ้นคล้องไหล่
แล้วก็พากันรีบเดินจำออกมาจากโรงทาน จากโรงทานถึงศาลาวิปัสสนากรรมฐานห่างกันกว่าร้อยเมตร ทั้งสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ซึ่งมีใบดกหนาเป็นเงาดำมืดทึบ
เมื่อเดินถึงระหว่างกลางทางซึ่งรัศมีแสงไฟส่องไม่ถึงก็ยิ่งมืดทึบเหมือนเดินเข้าถ้ำจน น้องพลอย  ต้องจูงมือ ยายเมี้ยน ให้เดินตามกันมาแล้วทันใดนั้น ยายเมี้ยน ก็ร้องอุทานพร้อมกับหยุดชะงักทำให้
น้องพลอย ต้องหยุดตาม
“ อุ้ย น้องพลอย ยายลืมหนังสือสวดมนต์”
“ ลืมเอาไว้ที่ไหนจ๊ะยาย”
“ ดูเหมือนยายวางเอาไว้ตรงหัวนอนนั่นแหละไม่ได้หยิบใส่ย่ามมาด้วยหนูเดินไปก่อนนะไม่ต้องรอนะ ยายจะรีบกลับไปเอา”
ว่าแล้ว ยายเมี้ยน ก็ผลุนผลันหันกลับ
น้องพลอย จะร้องห้ามก็ร้องไม่ทัน
จะบอกว่าไม่ต้องกลับไปเอาให้ใช้หนังสือของหนูก่อนได้
โรงทานเป็นห้องโล่ง ๆ และกว้างขวางพอยายเมี้ยนโผล่เข้าประตู
พอโผล่หน้าเข้าไป ก็เห็นแมวสีดำตัวหนึ่ง
กำลังนั่งอยู่ที่ข้างผนัง พอมันได้ยินเสียงคน
ก็หันมาจ้อง ยายเมี้ยน ตาวาวร้อง หง่าว
แล้วอยู่ๆ ก็กระโดดพุ่งชนยาย แล้วก็วิ่งออกไปทางประตูหลัง
ส่วน ยายเมี้ยน ก็สะดุ้งโหยงขนลุกซู่ด้วยความตกใจ
หลังหายตกใจ ยายก็เหลือบมองไปที่หัวนอน
เห็นหนังสือสวดมนต์วางอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
จึงรีบเดินไปหยิบใส่ย่ามแล้วก็จ้ำอ้าวกลับมาตามทางอีกไม่ไกลนัก
ก็จะถึงตรงแยก ที่น้องพลอยรออยู่
บนทางมืดข้างหน้ามองเห็นเป็นรางๆ เห็น พร้องพลอย กำลังยืนรออยู่ ด้วยชุดขาวที่เธอสวมใส่จึงทำให้เห็นร่างของเธอเด่นขาวโพลนอยู่ในความมืด เธอยกท่อนแขนขึ้นโบกมือพร้อมกับร้องเร่ง
“ เร็ว ๆ เข้าเถอะยาย ... . พระท่านจะเริ่มสวดมนต์แล้ว..
” ยายเมี้ยน ได้ยินเสียงก็ยิ่งรีบวิ่งหลาเข้าไป
แต่พอเข้าไปถึงยืนห่างกันแค่คืบ
ยาย ก็ต้องตกตะลึงปากอ้าตาค้าง
เพราะร่างที่ยืนรออยู่นั้นไม่ใช่น้องพลอย
แต่เห็นเป็นใครก็ไม่รู้ที่หัวขาดห้อยร่องแร่ง
ใบหน้าที่ห้อยแขวนอยู่ตรงอกเสื้อนั้นขาวซีด
วินาทีนั้น ยายเมี้ยน ตกใจตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
เซผงะถอยเพียงหนึ่งก้าว แล้วล้มหงายหลังตึง
พลิกตัวได้รีบกระโจนหนีจนสะดุดขาตัวเอง
วิ่งล้มลุกคลุกคลานกระเสือกกระสนสุดๆ
พอไปถึงศาลาวิปัสสนากรรมฐาน
ก็ล้มทับคนอื่นๆสองสามคนที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ตรงช่องประตู
พวกผู้หญิงพากันตกใจตื่นแตกฮือร้องถามเสียงเซ็งแซ
ทุกคนตระหนกตกใจ ไม่รู้ว่ายายเป็นอะไร
แต่ตอนนั้น ยายเมี้ยนก็ยังพูดไม่ออก
ดวงตาเหลือกโพลงหอบหายใจผงาบ ๆ
เล่าตระกุตะกัก ฟังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ต้องช่วยกันนวดเฟ้นทำเอาปันป่วนไปทั้งศาลา
พอเริ่มหายใจหายคอได้ ยายก็เล่าเหตุการณ์ให้ทุกคนฟัง
คนเก่าแก่ที่นั่นเลยเล่าว่า หลายปีมาแล้วเมื่อเริ่มสร้างวัด
มีโยมคนหนึ่งผู้มีความเลื่อมใสต่อท่านอาจารย์มากโยมผู้นี้มีบ้านหลายหลังให้เช่าและบ้านของเขาหลังหนึ่งมีแม่ลูกคู่หนึ่งขอเช่าอาศัยผู้แม่นั้นทำงานตอนกลางคืนส่วนลูกสาวยังเรียนหนังสืออยู่
คืนหนึ่งผู้แม่นำผู้ชายคนหนึ่งไปค้างด้วยที่บ้าน
แต่แล้วจะเป็นเพราะสาเหตุอันใดก็ไม่แจ้ง
ผู้แม่ทะเลาะกับชายคนนั้นเสียงดังเอะอะโครมคราม
ทำให้ลูกสาวสะดุ้งตื่นลุกจากที่นอนวิ่งออกไปดูที่ห้องแม่
เห็นชายคนนั้นกระหน่ำแทงแม่ของเธออย่างไม่นับเธอหวีดร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้ชายคนนั้นหันมาฆ่าเธอปิดปากโดยใช้มีดแทงและปาดคอเธอเกือบขาด เลือดของแม่และลูกไหลนองพื้นแล้วย้อยหยดลงสู่พื้นลาดปูนชั้นล่าง
หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าสยดสยองนั้นแล้ว
โยมเจ้าของบ้านก็ได้รื้อบ้านถวายวัด
ชิ้นส่วนบ้านที่เป็นไม้ก็นำมาสร้างกุฏิพระ
ส่วนที่เป็นพื้นปูนก็ทุบแล้วขนมาถมทางเดิน
สองแม่ลูกยังไม่ไปไหน พระบางรูปในวัดท่านก็เคยพบเห็น
แต่ท่านถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาจึงไม่ค่อยได้เล่าให้ญาติโยมทั่วไปฟัง พระท่านแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญให้แต่ที่เขายังไม่ไปไหนก็อาจเป็นเพราะว่าเขาชดใช้กรรมยังไม่หมด
น้องคงจะถูกจริตกับยาย จึงแสดงตัวมาให้เห็น
และตอนนั้นแสงจันทร์คงสาดส่องมาพอดี
ถึงทำให้เห็นร่างสภาพตอนตาย
เพราะปกติ น้องนิสัยดี ไม่เคยมาหลอกใครนะ
เรื่องเล่าคืนพระจันทร์เต็มดวง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา