8 ต.ค. 2019 เวลา 04:45 • บันเทิง
Part 2/2
สำหรับ part 2/2 นี้จะเป็นประเด็นต่าง ๆ จากความรู้สึกล้วน ๆ ครับ และจะมีสปอยเนื้อหาในภาพยนตร์ หากใครต้องการเข้าไปเพื่อสัมผัสเองโดยตรงแนะนำให้ดูก่อนแล้วเข้ามาอ่าน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
มาเริ่มกันเลย
1) การดำเนินเรื่อง
ในส่วนของการดำเนินเรื่องของ STAMPEDE ผมว่าเป็นอะไรที่ อ.โอดะ’s style มาก ๆ ครับ เพราะเป็น the Movie เลยทำให้อะไร ๆ ดู ไม่เข้มข้นเท่าในมังงะด้วยว่าเวลาที่จำกัด
แต่การที่ในช่วงระหว่าง หรือก่อน Climax จะมีเหตุการณ์อดีตของตัวละครเข้ามาแทรกนี่มันเป็นสไตล์ของอ.โอดะจริง ๆ
ถ้านี่เป็น Event ที่เกิดขึ้นในมังงะล่ะก็ อดีตของบุลเล็ทอาจจะยาวกว่านี้อีกสามเท่า (ฮา) แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้เรารู้สึกถึงความ Original ของ One Piece แล้วครับ
2) การนำหนึ่งใน Event ที่ดีที่สุดกลับมาในรูปแบบใหม่
“มหาสงครามมารีนฟอร์ด” คือหนึ่งใน Event ที่ดีที่สุดของ One Piece อย่างไม่ต้องสงสัย การร้อยเรียงเหตุการณ์ก่อนจะเกิดเป็นชนวนของมหาสงครามมารีนฟอร์ดนั้นเป็นอะไรที่สวยงามลงตัวมาก ๆ
ซึ่งมหาสงครามนั้นก็ขับเคลื่อนเรื่องราวของ One Piece เข้าสู่บทใหม่อย่างยิ่งใหญ่
และสิ่งที่ STAMPEDE นำมาสานต่อนั่นคือความตื่นเต้นเร้าใจของการ “รวมดารา” ใน One Piece ครับ
มหาสงครามมารีนฟอร์ดเป็นการรวมดาราแบบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพื่อสู้กัน แต่ใน STAMPEDE เป็นการรวมดาราจากตัวท็อปของโจรสลัด กองทัพเรือ และคณะปฏิวัติ เพื่อสู้กับศัตรูคนเดียว
และนำประเด็น “ความสามารถในการดึงดูดผู้คนของลูฟี่” มาใช้อีกครั้ง
ซึ่งหากสังเกตดี ๆ บริเวณที่จัดงานเทศกาลโจรสลัดและสนามต่อสู้ช่วง Climax ก็มีความแอบคล้ายกับตอน “มหาสงครามมารีนฟอร์ด” อีกด้วย
3) เพลงที่ชวนให้คิดถึง
ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว อนิเมชัน One Piece ตอนแรกออกสู่สายตาชาวโลก และเพลงเปิดตัวเพลงแรกของอนิเมชันอย่าง “We Are” ที่ STAMPEDE นำกลับมาให้หายคิดถึง โดยใช้ประกอบฉากเปิดเทศกาลโจรสลัดและตอนที่ลูฟี่กำลังจะเผด็จศึกบุลเล็ท นาทีนั้นผมถูกเพลงดึงเข้าไปในหนังอย่างสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่เซอร์ไพร์สยิ่งกว่าคือ “Memories” เพลง Ending theme เพลงแรกของอนิเมชัน One Piece ที่ STAMPEDE นำมาใช้ประกอบฉากมิตรภาพระหว่างลูฟี่กับอุซป
"ลูฟี่คือชายที่จะเป็นราชาโจรสลัด" ที่อุซปพูดระหว่างช่วยลูฟี่ที่กำลังหมดสติ เป็นหนึ่งในประโยคเด็ดของกลุ่มหมวกฟางที่ฟังเมื่อไรก็ประทับใจเมื่อนั้น
และต่อมาในตอนที่ลูฟี่รัวหมัดใส่บุลเล็ต ลูฟี่ตะโกนออกมาว่า "ฉันคือ คนที่จะกลายเป็นราชาโจรสลัด!!" ตรงนี้ผมคิดว่า ลูฟี่อาจจะได้ยินที่อุซปพูดระหว่างที่หมดสติอยู่ก็ได้นะ และชัยชนะครั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ทำเพื่ออุซปด้วย สองคนนี้เคมีเข้ากันจริง ๆ ครับ
นั่นทำให้ ลูฟี่+อุซป+Memories เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของ STAMPEDE
การนำเพลง Opening-Ending theme คู่แรกกลับมาในอนิเมชันฉลองครบรอบ 20 ปี เหมือนเป็นการพาย้อนกลับไปช่วงเวลาที่ฟังเพลงเหล่านี้ครั้งแรก ทำให้รู้ว่าเราอยู่กับอนิเมชันเรื่องนี้มานานแค่ไหน
4) การต่อสู้ที่สรุปผลไม่ได้
หากลองย้อนดูอนิเมชัน the Movie ของ One Piece เรื่องที่ผ่าน ๆ มาจะเห็นว่ามี Pattern ของลำดับการต่อสู้อยู่
คือเริ่มจากให้โซโรและซันจิ จัดการกับเหล่ารองหัวหน้าของฝั่งตัวร้าย และปิดฉากด้วยการต่อสู้สุดดุเดือนของลูฟี่กับบอสใหญ่
โดยที่ตัวร้ายทั้งหมดจะเป็นตัวละครใหม่ที่สร้างมาเพื่อ the Movie
ซึ่งฉากต่อสู้ของโซโรและซันจิถือเป็น Fan Service สำหรับติ่งโซโรหรือซันจิโดยเฉพาะ เพราะฉากต่อสู้ของลูฟี่เป็นอะไรที่นอนมาอยู่แล้ว
บนเวทีของงานเทศกาลโจรสลัดที่มีตัวละครมากมายเข้ามาร่วม ทำให้บทบาทของหน่วยต่อสู้อย่างโซโรและซันจิดรอบลงไปชัดเจน
ฟูจิโทระ vs โซโร
และถูกแทนที่ด้วย “การต่อสู้ที่ไม่เคยเห็น” อย่าง โซโร VS ฟูจิโทระ, คร็อคโคไดล์ และ ซันจิ VS สโมกเกอร์, รุจจิ ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสรุปผลการต่อสู้ได้ เพราะการนำตัวละครเก่าที่เป็นตัวหลักมาใช้และตัดสินผลแพ้ชนะไปในครั้งนี้ อาจส่งผลต่อความรู้สึกของนักอ่านที่ติดตามมังงะในระยะยาวได้
สโมเกอร์ vs ซันจิ
และสิ่งที่แถมมาให้ฟินคงเป็นประโยค “อย่ามาเกะกะกัปตันของพวกเรา” ของโซโรกับซันจิ
ที่ถ้าเป็นเรื่องลูฟี่ล่ะก็ แค่มองตาก็รู้ใจ
5) มังกี้ D ลูฟี่ คือพระเอกการ์ตูนแนว SHONEN ที่เท่ที่สุด
Monkey D Luffy
ยิ่งตัวละครอื่น ๆ เก่งและเท่มากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้ลูฟี่กลายเป็นพระเอกที่เท่มากขึ้นเท่านั้น
ลูฟี่คือกัปตันของกลุ่มโจรสลัดที่มีความแตกต่างมากกลุ่มหนึ่ง นักดาบ ต้นหน พลซุ่มยิง กุ๊ก หมอ นักโบราณคดี ช่างต่อเรือ และนักดนตรี ซึ่งทุกคนต่างก็เก่งระดับหาตัวจับยาก และถึงความแตกต่างจะมีมากมายขนาดไหน สิ่งที่ทุกคนยอมรับและเห็นตรงกันคือกัปตันของพวกเขา
หากใครที่ติดตาม One Piece จะได้เห็นคุณสมบัติความเป็นกัปตันของลูฟี่อยู่เรื่อย ๆ โดยคนแรกที่พูดออกมา คงจะเป็น ”เชฟขาแดง” ที่ดูการต่อสู้ของลูฟี่กับ “ดอน ครีก” อยู่ และก็พูดถึงลูฟี่ให้กับพ่อครัวคนหนึ่งฟังว่า “ไอ้หมอนี่มันมีกึ๋น”
เชฟขาแดงแห่งภัตตาคารลอยทะเล "บาราติเอ"
และใน STAMPEDE ฉากเปิดตัว Rookies ที่กัปตันเรือแต่ละคนที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่คนแล้วคนเล่า สุดท้ายคนที่เปิดตัวได้เป็นที่ฮือฮาที่สุดก็หนีไม่พ้น “ลูฟี่หมวกฟาง” เจ้าของค่าหัวหนึ่งพันห้าร้อยล้านเบรี
ฉากที่ใช้ “ฮาคิราชันย์” ปะทะกับบุลเล็ทและทำให้บรรยากาศการต่อสู้ยังคงอยู่ต่อไปนั้นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม
ด้วยคุณสมบัติที่ดึงดูดผู้อื่นเข้ามาเป็นพรรคพวก ทำให้การกระทำที่ดูห่าม ๆ ของลูฟี่มักจะมีคนอื่น ๆ คอยเข้ามาสนับสนุนและจบลงด้วยผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
และไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน หากลูฟี่ยังอยู่ ทุกคนก็พร้อมที่จะเชื่อ
ด้วยพัฒนาการทั้งหมดที่เราได้เห็น จากเด็กหนุ่มที่งอแงอยากจะให้แชงค์พาออกทะเลเพื่อเป็นโจรสลัด ก้าวมาถึงตำแหน่ง “จักรพรรดิคนที่ 5” แห่งท้องทะเล
ลูฟี่ & แชงค์
ทั้งหมดนั้นทำให้ “มังกี้ D ลูฟี่” คือพระเอกการ์ตูน SHONEN ที่เท่ที่สุด
(ลูฟี่เคยบอกคร็อคโคไดล์ว่าจะเป็น “8 เทพโจรสลัด” แต่สุดท้ายได้กลายเป็น จักรพรรดิคนที่ 5 แทน (ฮา))
6) เซอร์ไพร์สที่แสนประทับใจ
***หากยังไม่ดู แนะนำให้ข้ามหัวข้อนี้ไปก่อนนะครับ***
.
.
สำหรับคนที่ดูแล้ว เรามาฟินด้วยกันเถอะครับ (ฮือ)
ในช่วงท้ายของหนัง ที่มีการนำเอสกลับมายืนคู่กับซาโบ้ที่ใช้หมัดอัคคีสร้างทางหนีให้กลุ่มลูฟี่ ผมยกให้เป็นฉากที่ดีที่สุดของ STAMPEDE เลยครับ
ลูฟี่ที่เคยเสียทั้งซาโบ้ไปตอนเด็ก และเสียเอสไปต่อหน้าต่อตา ได้มาเห็นภาพพี่ชายทั้งสองยืนอยู่ข้างกันอีกครั้ง ถึงแม้เอสจะเป็นเพียงภาพลวงตาที่อยู่ได้ไม่นาน แต่ผมคิดว่านั่นก็เติมเต็มหัวใจของลูฟี่ได้อย่างมหาศาล
ณ ปัจจุบันไม่ว่าลูฟี่และซาโบ้จะอยู่ในฐานะใด แต่ในใจของพวกเขาก็ยังคงเป็นพี่น้องกันเสมอ
กับคำพูดที่ว่า “ไว้เจอกันนะ ลูฟี่” มันช่างมีความหมายจริง ๆ
รอยยิ้มของลูฟี่ตอนนั้นดูมีความสุขมากจริง ๆ
.
.
ทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ One Piece STAMPEDE ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดจริง ๆ ครับ
ถึงใครที่อยากจะดูบรรยายไทย แต่ในตัวจังหวัดมีแต่พากย์ไทย ก็ดูพากย์ไทยเถอะครับ หนังเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลให้พลาดเลย
หากใครที่ไม่ใช่แฟน One Piece ผมว่าก็ดูสนุก ๆ ได้นะ แต่ถ้าถึงขั้นว่าไม่ได้ติดตามเลย มาดูหนังเกี่ยวกับ One Piece ครั้งแรก ก็คงจะได้อารมณ์ร่วมจากในหนัง แต่คิดว่าไม่ถึงขั้นอินจนร้องไห้นะ (ฮา)
ยังไงก็ฝาก STAMPEDE ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านด้วยนะครับ สนับสนุนอนิเมชันดี ๆ แบบนี้เยอะ ๆ เพื่อคราวหน้าเราจะได้ดูอนิเมชันดี ๆ ที่หลากหลายในโรงภาพยนตร์อีกนะครับ
คะแนนแบบนี้ ไม่มีผิดหวังแน่นอน
ผมอยากจะทิ้งท้ายเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้
ผมสามารถพูดได้เลยว่า One Piece เป็นการ์ตูนที่ให้มากกว่าความสนุก ใครหลายคนอาจจะมีบุคคลเป็นไอดอล นั่นหมายความว่า “ตัวการ์ตูน” ก็เป็นไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจได้เช่นกัน
หากมีบรู๊คเป็นไอดอล คุณจะเห็นความหมายอีกนัยหนึ่งของชีวิต ว่าการอยู่อย่างโดดเดี่ยวทรมานยิ่งกว่าความตาย
หากมีแฟรงกี้เป็นไอดอล คุณจะสามารถเรียนรู้ที่จะแชร์ความฝันของคุณร่วมกับผู้อื่น
หากมีโรบินเป็นไอดอล คุณจะรู้ว่าในที่สุดแล้วโลกใบนี้ยังมีที่สำหรับคุณเสมอ
หากมีชอปเปอร์เป็นไอดอล คุณจะรู้ว่าความผิดพลาดในอดีตก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปในทางที่ดีได้
หากมีนามิเป็นไอดอล คุณจะรับรู้ถึงความสบายใจ เมื่อเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาช่วยแบ่งเบาความทุกข์
หากมีซันจิเป็นไอดอล คุณจะเห็นว่าความสัมพันธ์ที่ใช้เวลาสร้างขึ้นมา มีค่ามากกว่าสายเลือด
หากมีอุซปเป็นไอดอล คุณจะเห็นว่าบนโลกที่เต็มไปด้วยคนเก่งมากมาย ยังมีบางสิ่งที่เฉพาะคนธรรมดาเท่านั้นที่ทำได้
หากมีโซโรเป็นไอดอล คุณจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง กลายเป็นคนที่เก่งขึ้นในทุก ๆ วัน
หากคุณมีลูฟี่เป็นไอดอล คุณจะได้เห็นว่าความทะเยอทะยานของคุณ ส่งคุณไปได้ไกลอย่างไม่มีสิ้นสุด
ไม่ว่าเราจะมีใครหรือตัวละครไหนเป็นไอดอล สุดท้ายมีแค่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะหาคำตอบของชีวิตเราได้ เมื่อหาเจอแล้วต้องลงมือทำ ถ้าไม่สามารถทำ ณ ตอนนั้นได้ก็เตรียมตัวเพื่อจะทำมันให้ได้ในสักวัน
และเมื่อเราได้คำตอบแล้ว นั่นคงจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับสักครั้งในชีวิต
ประโยค “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย!!” ที่พาเรามาพบกัน จะคอยเป็นกำลังใจให้ทุกคนตลอดไป
and the review goes to.. One Piece Stampede
หากใครชื่นชอบฝากกดติดตามเพจ and the review goes to ทั้งในแอพ blockdit และ facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา