9 ต.ค. 2019 เวลา 05:45 • บันเทิง
ในโลกที่ทุกคนเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษที่เรียกว่า “อัตลักษณ์” และการเป็นฮีโร่เป็นเรื่องปกติถึงขนาดที่ว่ามีใบประกอบวิชาชีพฮีโร่
และโลกที่เต็มไปด้วยพลังพิเศษนี้คือเวทีดำเนินเรื่องราวของเด็กหนุ่ม “ไร้อัตลักษณ์” ที่จะกลายเป็น “ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่”
And the review goes to.. MY HERO ACADEMIA !! -Season 1-
สวัสดีทุกท่าน วันนี้ผมก็มีการ์ตูนดี ๆ มาแนะนำอีกเช่นเคย ซึ่งตรงนี้จะพูดถึงในส่วนของอนิเม season 1 เท่านั้นนะครับ หนังสือการ์ตูนไปไกลมาก เรามาดูอนิเมกัน season 1 มี 13 ตอนครับ ดูได้รวดเดียวเพลิน ๆ
MY HERO ACADEMIA เป็นเรื่องราวของ “มิโดริยะ อิซึคุ” เด็กหนุ่มที่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่ และไอดอลของเขาคือ “ออลไมท์” ฮีโร่อันดับหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ”
มิโดริยะ อิซึคุ
โดยทั่วไปแล้วอัตลักษณ์จะปรากฏขึ้นเมื่ออายุ 4 ขวบ อิซึคุที่เฝ้ารออัตลักษณ์อย่างใจจดใจจ่อ สุดท้ายเขากลับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เกิดมาพร้อมกับความปกติ เป็นคนที่ไม่มีอัตลักษณ์
อยู่มาวันหนึ่งอิซึคุ ดันไปรู้ความลับอันน่าเหลือเชื่อของออลไมท์เข้า ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เรื่องราวของเด็กหนุ่มไร้อัตลักษณ์ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน MY HERO ACADEMIA ทั้งรูปแบบหนังสือและอนิเม การันตีความมันส์โดยหมาชิบะที่ยิ้มอยู่หน้าเพจ
เรื่องย่อจบแล้วครับ สั้นเนาะ (ฮา) มันเล่าได้เท่านี้จริง ๆ เพราะที่เหลือมันมีแต่ความตื่นเต้นล้วน ๆ อยากให้ได้ประสบกันด้วยตัวเอง ทีนี้ก็มารีวิวกัน
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ผมว่าเริ่มจากการเล่าเรื่องที่สปอยเรามาตั้งแต่ต้นเลย เพราะเปิดตัวมาก็เป็นเสียงพระเอกพูดว่า “นี่เป็นเรื่องราวช่วงก่อนที่ผมจะกลายเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่”
คืออิซึคุเนี่ยต้องเป็นฮีโร่ตัวท็อปในอนาคตแน่ ๆ แต่ดันเริ่มเรื่องมาโดยไม่มีอัตลักษณ์ แถมท่าทางก็ติ๋มสุด ๆ ตรงข้ามกับออลไมท์ทุกอย่าง คิดภาพตอนที่เป็นท็อปฮีโร่ไม่ออกเลย นั่นทำให้เรื่องราวที่จะนำพาเราไปถึงตอนนั้นน่าติดตามมาก ๆ
ฉากแอคชันถือเป็นหนึ่งจุดเด่นที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่อง ทำเอาตัวเกร็งระหว่างดูเลยครับ
ทีนี้เรามาคุยเรื่องอนิเม season 1 กันดีกว่าครับ หลังจากดูจบนะ ผมประทับใจมากและขอตั้งชื่อว่า “ภาค ออลไมท์” เลยทีเดียว
All Might
จริงอยู่ที่ว่าพระเอกคืออิซึคุ (หรือ เดกุ) แต่ในช่วงแรกของเรื่องผมหงุดหงิดกับเดกุมาก (ฮา) หงุดหงิดเพราะปกติพระเอกเนี่ยมันจะต้องแอบเทพอย่างไม่รู้ตัวหรือมีอะไรที่เฉพาะพระเอกที่เท่านั้นทำได้ แต่เดกุไม่มีเลย (ฮา)
คือเป็นพระเอกสายอ่อนแล้วค่อย ๆ เก่งขึ้น (อย่างช้า ๆ) เหมือนกับ “สึนะโยชิ” จาก “ครูฝึกพิเศษจอมป่วน REBORN” ซึ่งความจริงผมก็ชอบสึนะนะครับ แต่เดกุช่วงแรกนี่มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ (ฮา)
ซาวาดะ สึนะโยชิ จากเด็กติ๋มสู่ผู้ชายสายพันธุ์หล่อเท่ จาก REBORN
เพราะฉะนั้นในช่วงแรกของการดำเนินเรื่องก็จะยังไม่ค่อยมีการโชว์เทพเรียกเสียงกรี๊ดเท่าไร แต่จะเน้นสอดแทรกความพยายามของเดกุเข้ามาเรื่อย ๆ ตรงนี้ผมว่าเยี่ยมเลยนะ และเป็นจุดที่สะท้อนให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างของคนที่โดนดูถูกและโดนมองแปลกแยกจากสังคม
และปมเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเรื่องของออลไมท์ ท็อปฮีโร่ที่เป็นไอดอลของเดกุนี่แหละครับ ถ้าจะให้ว่าคือ สำหรับ ss1 นี้ ต้องยกเส้นเรื่องหลักให้เขาเลย ใครที่ชอบฮีโร่สไตล์กัปตันอเมริกาน่าจะชอบออลไมท์เหมือนกันครับ
นอกจากพัฒนาการของเดกุแล้วเราก็จะเห็นวิถีชีวิตของออลไมท์ด้วย ซึ่งเส้นเรื่องของสองคนนี้เรียกได้ว่าเดินสวนทางกันในขณะที่ดำเนินไปด้วยกัน นั่นแหละครับที่เป็นความน่าติดตาม และในส่วนของตัวร้ายหรือที่ในการ์ตูนเรียกว่า “วิลเลิน” สำหรับ ss1 นี่จะยังไม่ลงลึกมาก มาพอหอมปากหอมคอและปูทางไปสำหรับเนื้อเรื่องที่เหลือ
สมาพันธ์วิลเลิน
สรุป My Hero Academia SS1 ควรค่าแก่การรับชม และคำว่า “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ” เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ อยากให้ลองสัมผัสกันครับ ทั้งฉบับอนิเมและมังงะงานดีทั้งนั้นครับ
ต่อจากนี้จะเป็นการรีวิวขั้นกว่าที่มีการเปิดเผยเนื้อหาเล็กน้อย ไม่กระทบจุดสำคัญของเรื่อง หากใครซีเรียสแนะนำให้ข้ามช่วงนี้ก่อนนะครับ และจะแยกเป็น 2 ประเด็น คือ
1) ทำไมถึงมีความหงุดหงิดในตัวเดกุ
อันนี้ผมไม่มั่นใจว่าเป็นกันทุกคนไหมนะครับ (ฮา) แต่ผมนี่อ่านแล้วหงุดหงิดอยู่นะ ช่วงแรกที่เก็บข้อมูลฮีโร่และช่วงฟิตร่างกายเพื่อที่จะสืบทอด “One for All” อัตลักษณ์ของออลไมท์นั้นถือว่าเป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกดี ๆ ครับ แต่พอรับพลังมาเท่านั้นแหละทำเอาเสียอารมณ์ไปไม่ใช่น้อย
ร่างกายของเดกุที่แม้ว่าจะฟิตมาเพื่อสืบทอดพลังและสอบเข้า “โรงเรียนมัธยมปลาย UA” (โรงเรียนฮีโร่อันดับหนึ่ง) แล้วนั้น ยังไม่สามารถที่จะรองรับพลังอันสุดยอดของ One for All ได้ครับ และนั่นแหละคือประเด็น เพราะทุกครั้งที่เดกุใช้อัตลักษณ์เมื่อไร ร่างกายของเขาจะพังยับเยินทันที เช่น ใช้ต่อยแล้วแขนหัก ใช้กระโดนสูงแล้วขาหัก เป็นต้น
และช่วงที่ยังใช้พลังไม่คล่องนั้นก็จะอยู่กับเราพักใหญ่ ๆ เลยครับ ตรงนี้ทางผู้แต่งน่าจะสื่อให้เห็นว่าช่วงแรกนั้นเดกุย่ำแย่ขนาดไหน ตอนที่เดกุเก่งก็จะยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้ได้มากเท่านั้น (ผมคิดว่างั้นนะ)
เพราะฉะนั้นทุกครั้งเวลาถึงฉากต่อสู้ทีไร เดกุจะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้อัตลักษณ์พร่ำเพรื่อ เก็บเอาไว้ใช้ตอนเผด็จศึกเท่านั้น ซึ่งหลังจากใช้แล้วก็แทบจะเท่ากับจบเกม
การแก้ปัญหาโดยไม่พึ่งอัตลัษณ์ (เพราะยังใช้ไม่คล่อง) ก็เป็นมุมที่ดีของเดกุเหมือนกันครับ แต่ในขณะเดี๋ยวกันคนที่หวังจะดูโชว์เทพจากพระเอกก็ต้องรอไปยาว ๆ ก็อยู่ที่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบแบบไหน สำหรับผมที่เป็นสไตล์ชอบพระเอกโชว์เทพนั้น เลยทำให้หงุดหงิดในตัวเดกุช่วงแรกนั่นเอง (ฮา)
2) 13 ตอนแรกกับ “ภาค ออลไมท์”
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นที่ผมยกให้ภาคนี้เป็นภาคของออลไมท์ เพราะว่าจุดเริ่มต้นของท็อปฮีโร่ในอนาคตต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าเป็นคนไร้อัตลักษณ์ที่สืบทอดพลังจาก “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ” ท็อปฮีโร่คนปัจจุบัน นั่นเอง
ใน ss1 นี่จะเป็นการพาเราไปเห็นออลไมท์ในทุกสถานะ ทั้งตอนที่เก่งจริง ๆ ตอนที่อ่อนแอ และตอนที่จำเป็นต้องเก่ง ทำให้มิติตัวละครของออลไมท์ใน ss1 นี้ดูลึกล้ำกว่าเดกุที่เป็นพระเอกมาก
ออลไมท์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในอดีต กลายเป็นฮีโร่ที่มีเวลาทำงานจำกัดแค่วันละ 3 ชั่วโมง หากมากกว่านั้นก็ร่างกายจะรับภาระไม่ไหว แต่จิตใจก็ยังเป็นของจริง
ช่วงสุดท้ายของ season ที่เปิดตัวเข้ามาใน USJ (สถานที่ฝึกซ้อมกู้ภัยของโรงเรียน UA) ทั้ง ๆ ที่เวลาปฏิบัติงานครบกำหนดแล้ว แต่ก็ยังมาสู้กับเหล่าวิลเลินอย่างผ่าเผย เป็นอะไรที่เท่มากจนขนลุกไปทั้งตัว
ความเป็น “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ” ไม่ใช่แค่ต่อสู้เก่ง แต่การนำบรรยากาศแห่งความหวังกลับมานั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องทำได้ ซึ่งออลไมท์มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน แค่มายืนเฉย ๆ ทุกคนก็ไม่รู้สึกว่าจะแพ้เลย
ซึ่งการต่อสู้ในช่วงสุดท้ายนี้ถือเป็นช่วงที่ยกระดับเนื้อเรื่องขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ทั้งการเปิดตัวทีมวิลเลิน การโชว์ความสามารถของอาจารย์และนักเรียน UA แต่ละคน
และสุดท้ายสปอร์ตไลท์ทุกดวงส่องไปที่ศึกระหว่าง “ออลไมท์ VS โนมุ” อย่างไม่ต้องสงสัย นั่นเป็นฉากแอคชันที่ดุเดือนเร้าใจจนดูไปตัวเกร็งไปด้วย
ออลไมท์ VS โนมุ
จากที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้ผมยก My Hero Academia ss1 เป็นภาคออลไมท์ที่ส่งไม้ต่อให้เหล่านักเรียน UA ผู้ซึ่งจะกลายเป็นฮีโร่ในอนาคตได้อย่างสวยงาม
My Hero Academia นี้ผมมองว่าเป็นการ์ตูนสายหลักของ Shonen Jump ที่พบได้บ่อย ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจคือการหยิบพระเอกของเรื่องมาเป็นตัวแทนความธรรมดาในโลกที่เต็มไปด้วยพลังพิเศษครับ
โลกของเราที่เต็มไปด้วยคนธรรมดานั้นหากมีใครสักคนเกิดพ่นไฟหรือบินได้ขึ้นมา เขาคนนั้นก็คงจะแปลกประหลาดน่าดู ซึ่งในที่นี้ก็กลับกัน ในขณะที่ทุกคนมีความสามารถพิเศษ เดกุซึ่งเป็นคนธรรมดา กลับกลายเป็นแกะดำสำหรับโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนก็เป็นคนธรรมดามาก่อนก็ตาม
โลกที่แกะดำต้องเผชิญมีอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่ช่วงแรกของการ์ตูนเรื่องนี้ได้สื่อออกมาครับ และเรื่องที่ว่าคนธรรมดาต้องทำงานหนักแค่ไหนจึงจะสามารถสู้คนที่มีพรสวรรค์ได้
คนที่มีพรสวรรค์นั้นแค่เกิดมาก็มีคนพร้อมจะสนับสนุน แต่กลับกันคนที่เป็นแกะดำ แค่คิดจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก็โดนดูถูกและประเมินค่าไปตั้งแต่ต้นแล้ว
ผมว่าพระเอกอย่างเดกุถ้าเป็นคนในชีวิตจริงคงจะหาได้ยากมาก ๆ และถ้าหากมีจริง คนคนนั้นก็ต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
การที่เดกุคิดอยากจะเป็นฮีโร่ทั้ง ๆ ที่ใครต่อใครก็คิดว่าเขาไม่มีทางเป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นไอดอลของเขาออลไมท์ หรือกระทั่งแม่ของเขาเอง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไป เขายังคงเป็นเด็กไร้อัตลักษณ์ที่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นฮีโร่เหมือนเดิม
อิซึคุ & แม่
ซึ่งความพยายามและหัวใจที่อยากจะช่วยเหลือคนของเดกุ ได้เป็นบทเรียนที่สอนฮีโร่อันดับหนึ่งอย่างออลไมท์ว่า ไม่ว่าตัวเองจะอยู่ในฐานะใด หากมีคนต้องการความช่วยเหลือก็ต้องพร้อมที่จะช่วย สุดท้ายออลไมท์ที่เคยบอกให้เดกุไปเป็นตำรวจ กลับพูดออกมาเองว่าเดกุสามารถเป็นฮีโร่ได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต
ทุกคนที่ประกอบอาชีพต่าง ๆ คงหวังว่าสักวันอยากจะไปให้ถึงจุดสูงสุด หรือแค่คิดว่าหากได้อยู่จุดนั้นบ้างก็คงจะดี แต่ความจริงกว่าจะได้อยู่จุดนั้นต้องทำงานหนักมาก ๆ และที่ยากกว่าคือการรักษาระดับมาตรฐานของตนเองไว้อยู่เสมอ แต่สิ่งที่คนมักจะเห็นกลับเป็นความสำเร็จที่สวยหรูเพียงเท่านั้น
ข้อเท็จจริงนี้ถูกนำเสนอผ่านการ์ตูนโดยใช้ท็อปฮีโร่เป็นสื่อกลาง สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ออลไมท์ เบื้องหน้าคือฮีโร่อันดับหนึ่งตลอดกาลที่ลดจำนวนอาชญากรรมให้ประเทศ ช่วยเหลือผู้คนด้วยรอยยิ้ม และแข็งแกร่งขนาดเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศด้วยการชกเพียงครั้งเดียว
แต่เบื้องหลังนั้นคือความเจ็บปวดแทบกระอักเลือดทุกครั้งหลังจากจบภารกิจ ร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกวัน และความจริงเหล่านี้กำลังรอการเปิดเผย
ทุกคนคิดว่าหากมีออลไมท์อยู่แล้วสบายใจ แต่หากวันหนึ่งออลไมท์แพ้ในการต่อสู้ขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คนขนาดไหน และจะสร้างความฮึกเหิมแก่เหล่าร้ายขนาดไหน ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้น กระแสสังคมจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ที่ค้ำคอฮีโร่อันดับหนึ่งอยู่ ทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทางเลือกของเขามีแค่ชัยชนะเท่านั้น
เพราะสิ่งที่ “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ” แบกรับอยู่ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ฝากติดตาม My Hero Academia ทั้งฉบับอนิเมและมังงะด้วยนะครับ การ์ตูนดี ๆ อีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด
และก่อนจากกัน ฝากเพจ and the review goes to ในแอพ blockdit และ facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
PLUS ULTRA !!!
ชื่อเรื่อง : MY HERO ACADEMIA
ประเภท : Action/Fantasy
เรื่อง / ภาพ : Kohei Horikoshi
สำนักพิมพ์ : Siam Inter Comics
จำนวนเล่ม : 1 - 23 (ยังไม่จบ)
อนิเม : Studio Bones
Season : 1-3, 4 (coming soon)
โฆษณา