15 ต.ค. 2019 เวลา 07:33 • ท่องเที่ยว
Grand Swiss.. ชาร์ลี แชปลิน
รูปหล่ออนุสาวรีย์.. ชาร์ลี แชปลิน
ออกตัวก่อนนะครับ.. ว่าเป็นการเล่าเรื่องการเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ของครอบครัวลุงทั้งบ้านเมื่อปีที่แล้ว..เที่ยวหลายวัน.. จึงไม่สามารถบอกได้ว่าไปวันที่เท่าไหร่ของทริปนี้..
จำไม่ได้.. เพราะเที่ยวหลายวันมาก.. อยู่มันแต่ที่..สวิตเซอร์แลนด์กับแนวตะเข็บชายแดนเท่านั้น..
หลักใหญ่ของวันนี้คือแนวริมทะเลสาปเจนีวา.. ซึ่งมีแนวชายแดนเป็นเขตติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส
ดังนั้นสวิตเซอร์แลนด์ในโซนนี้จึงค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศสเยอะมาก.. แม้แต่ภาษาพูด.. รวมทั้งงานสถาปัตยกรรม.. ก็ล้วนแต่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสแทบทั้งสิ้น
ทะเลสาปเจนีวา.. มีความสวยงามและเงียบสงบ.. เมืองต่างๆในย่านนี้มักนิยมโชว์งานศิลปะต่างๆให้เห็นไม่ว่าจะเป็นรูปวาด..ตามสวนสาธารณะหรือผนังอาคาร.. หรือภาพถ่าย.. และงานหล่อบุคคลสำคัญต่างๆ..
ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นนะ.. ก็จะเป็นเหล่าบรรดาศิลปินต่างๆที่ได้รับความนิยม.. หรือไม่ก็งานที่ออกมาในแนวจินตนาการศิลป์..
ทะเลสาปเจนีวา.. จะอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก.. จึงได้รับสมญานามอีกอย่างหนึ่งว่า Pearls of the Swiss Riviera
และเมืองที่จะนำเสนอในครั้งนี้คือVevey.. เวอแว..แต่ไกด์ที่พาเที่ยวออกเสียงว่า..เวเว่..ซึ่งแปลว่าส้อม..หรือ fork..
เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่นิยมเมืองหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์..
เป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญเช่นพิพิธภัณฑ์และอนุสาวรีย์ของศิลปินดังระดับโลกอย่าง ชาร์ลี แชปลิน.. ราชาตลกหนังเงียบแห่งยุคในอดีตเชียวล่ะ..
และที่นี่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเนสท์เล่.. ซึ่งผลิตช็อคโกแลตนมขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่
สัญลักษณ์สำคัญของเมืองนี้อีกอย่างคือ The Fork.. คือช้อนส้อมยักษ์ที่มีขนาดความสูงประมาณ 8 เมตร.. โดยติดตั้งในลักษณะที่ปลายส้อมปักอยู่ในทะเลสาป.. เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวถ้ามาต้องถ่ายรูปด้วย
The Fork นี้ถูกติดตั้งเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของพิพิธภัณฑ์อาหาร Alimentariumในปี 1995 และถูกย้ายออกไปไว้ที่โรงงานผลิตช้อนส้อมที่เมืองลูเซิร์น.. ในปี 1996
จนกระทั่งในปี 2007.. The Fork ถูกย้ายมาติดตั้งที่เดิมเป็นการชั่วคราวเพราะมีการจัดงานนิทรรศการอาหาร.. จนเสร็จ.. ชาวบ้านในละแวกนั้นได้รวมตัวกัน.. เรียกร้องให้.. The Fork ติดตั้งที่นั่นเป็นการถาวร.. จวบจนปัจจุบัน
การถ่ายโดยเล่นมุมกล้องกับThe Fork
อีกเรื่องหนึ่งที่พลาดไม่ได้บริเวณริมทะเลสาปเจนีวาคือ.. อนุสาวรีย์ของ ชาร์ลี แชปลินและเรื่องราวที่น่าสนใจของเขา
ชาร์ลี แชปลิน คือนักแสดงตลก.. ราชาแห่งภาพยนตร์เงียบขาวดำคือ.. ไม่มีเสียงพูดกันทั้งเรื่อง.. มีแต่เสียงดนตรีประกอบ.. เป็นภาพยนตร์สีขาว.. ดำ..
ซึ่งชื่อเสียงของชาร์ลี แชปลิน.. โด่งดังก้องโลก.. จากคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น.. อันเป็นเอกลักษณ์.. ที่เดินปลายขาแบะคล้ายๆนกเพนกวิน.. โดยถือไม้เท้าในการช่วยเดินด้วย
ชาร์ลี แชปลิน..เป็นศิลปินชาวอังกฤษ..แต่ไปมีชื่อเสียงที่สหรัฐอเมริกาและโด่งดังไปทั่วโลก
แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่า.. ในช่วงเกือบ 25 ปีสุดท้ายของชีวิตศิลปินท่านนี้.. ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิดของตนเอง.. หรือแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา
เขาพำนักอยู่ที่ Manoir de Ban คฤหาสน์ในเมือง Vevey ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเสียชีวิตที่นั่นในเช้าวันคริสต์มาสเมื่อปี 1977.. รวมอายุ 88 ปี
ชาร์ลี แชปลิน..ประสบความสำเร็จทั้งการเป็นนักแสดงตลอดจนเป็นผู้อำนวยการสร้าง..และหลังจากสร้างหนังล้อเลียนการเมืองอเมริกันอย่าง The Great Dictator..ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้แหละคือชนวนแห่งการพลัดถิ่นของเขา
ยูจีน Eugene Anthony Chaplin.. บุตรคนหนึ่งของชาร์ลี แชปลิน..เล่าไว้ว่า พ่อของเขาถูกกล่าวหาว่า.. เป็นพวกสนับสนุนคอมมิวนิสต์..จากการสร้างภาพยนตร์ที่ล้อเลียนการเมืองดังกล่าว..
และมีเรื่องเลยเถิดไปถึงขั้นที่มีเด็กสาวแปลกหน้าโผล่มา และประกาศว่า เธอท้องกับเขา
ท้ายที่สุด.. ชาร์ลี แชปลินต้องลี้ภัยมาที่นี่พร้อมภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก เธอผลักดันให้เขาหาบ้านเป็นหลักแหล่ง จนในที่สุดก็ได้พบกับ Manoir de Ban.. ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังงามที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้.. และ.. สวนสวยงาม
ที่นี่.. ชาร์ลี แชปลินใน 25 ปีสุดท้ายจึงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
ยูจีนเล่าว่า พ่อของเขา..ชอบเดินเล่นริมทะเลสาบแสนสวยใกล้บ้าน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชนชาวสวิส (แม้เขาพูดฝรั่งเศสไม่ค่อยได้ก็เถอะ)
ในเวลาเดียวกัน.. ชาร์ลี แชปลิน.. ก็กลายเป็น.. พ่อของลูกๆ ขณะที่แม่ของยูจีนช่วยดูแลภาพรวมทั้งหมดของบ้านให้ราบรื่น
ชาร์ลี แชปลิน.. ดูแลลูกๆในแบบของเขา.. หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการอบรมระเบียบวินัย
ที่ห้องอาหารอันสวยงาม.. ทุกคนต้องมากินอาหารเย็นร่วมกันที่นี่.. และต้องทำตัวให้ดี.. โดยก่อนจะลุกจากโต๊ะทานอาหาร.. ต้องขออนุญาต.. เพราะแชปลินเชื่อว่าถ้าลูกมีความประพฤติดี ย่อมจะได้รับความเคารพชื่นชมจากคนอื่นๆ
นอกจากนั้น.. ชาร์ลี แชปลิน.. ยังเป็นคนทำงานหนัก.. จริงจัง และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดโดยที่.. ยูจีนเล่าว่าเมื่อลูกๆ ไปโรงเรียนกันหมดแล้ว.. บ้านก็จะกลับมาสู่ความเงียบสงบ
แชปลินจะเริ่มสร้างสรรค์งานของเขา.. ทั้งการเขียนและการแต่งเพลง (แชปลินเขียนโน้ตเองไม่ได้ แต่ได้ความช่วยเหลือจากภรรยาและผู้ช่วยจนประพันธ์เพลงสำเร็จ)
สิ่งที่เขาสอนลูกเสมอคือ.. ไม่ว่าจะทำอะไร.. จงทำให้ดีที่สุด..เพราะเชื่อว่าความทุ่มเทจะทำให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการ
ภายหลังต่อมา.. บ้านหลังนี้ของครอบครัวแชปลินได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ Chaplin’s World.. ซึ่งมันเต็มไปด้วยความทรงจำของศิลปินตลกท่านนี้
Chaplin’s World.. เป็นที่ๆจะบอกเล่าเรื่องราว.. ชีวิตและการทำงานของชาร์ลี แชปลิน.. โดยมุ่งมั่นที่จะเก็บร่องรอยความรู้สึกและอารมณ์ขันของเขาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ในแง่พิพิธภัณฑ์.. บอกได้เลยว่า Chaplin’s World เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่โดดเด่นมาก.. สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกสนานและสร้างสรรค์.. ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนคลับแชปลินหรือไม่ก็ตาม.. ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทำให้คุณได้รู้จักชาร์ลี แชปลินทั้งในฐานะนักแสดงตลกในภาพยนตร์ขาวดำ.. และ.. นอกจอเขาคือ.. ชายผู้ทุ่มเทในโลกภาพยนตร์.. เป็นสามีที่ดีของภรรยาและพ่อที่ดีของลูกๆ
นั่งชิวๆริมทะเลสาปเจนีวา
มาสวิตเซอร์แลนด์ทั้งที.. อย่าลืมแวะมาเที่ยวทะเลสาบเจนีวา.. Pearls of the Swiss Riviera
ซึ่งมีที่เที่ยวหลายเมืองอย่าง.. Montreux.. Vevey.. และLausanne.. ซึ่งแต่ละที่ก็มี High light ที่น่าสนใจ..ลุงจะนำมาทยอยเล่าละกันนะ
วันนี้.. มากพอแล้ว.. เมื่อยแล้ว.. ไปล่ะ 🕺Bye
ถ้าชอบ กด.. 👍.. ถ้าใช่ กด.. ติดตาม.. ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา