15 ต.ค. 2019 เวลา 00:31 • ปรัชญา
ภูมิใจในสิ่งที่ตนมี..ภูมิคุ้มกันใจ
Neuroscience of self compassion
เมื่อวานหลังออกเวร ข้าพเจ้าขับรถโตโยต้า โซลูน่า รุ่นปี 1997 รถคู่ชีพ ที่แม่ยกให้ขับไปเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แลัวยังคงขับไปกลับที่ทำงานจนถึงทุกวันนี้..
..สภาพรถมีบุบเล็กบุบน้อยรอบคัน แต่ก็เหมาะกับที่จอดที่ทำงาน ซึ่งไม่มีหลังคากันแดดกันฝน
และจริงๆ แล้วระยะหลังข้าพเจ้านั่ง grab บ่อยขึ้นเพราะสบายใจ ไม่ต้องแย่งที่จอด และชอบที่ได้คุยแลกเปลี่ยนกับคนขับด้วย
..วิทยุก็ใส่ซีดีไม่ได้แล้ว..ไม่เป็นไรฟัง podcast จากมือถือ
..ไม่แน่ใจรถอาจดับกลางทางหากวิ่งทางไกล แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ชอบขับรถทางไกล และเลือกที่จะไปขนส่งสาธารณะสบายใจกว่า
และเหตุผลลึกๆ คือ รถรุ่นนี้ยังทำให้ระลึกถึงผู้ที่เคยใช้รถรุ่นเดียวกันนี้ เป็นคุณค่าทางจิตใจเมื่อนึกถึง สองท่าน
ถาพจาก (1)
ท่านแรกคือ ในหลวง ร.9
ในช่วงเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ในขณะที่มีข่าวลือว่าบริษัทโตโยต้าในประเทศไทยที่กำลังขาดทุนอย่างหนักจะปลดพนักงานไทยกว่า 5 พันชีวิตออก
ด้วยทรงห่วงใยในแรงงานไทย จึงทรงซื้อโตโยต้าโซลูน่าด้วยพระราชทรัพย์ 6 แสนบาท "โดยให้พนักงาน ใช้มือทำก็ได้ ไม่ต้องใช้เครื่องจักร ไม่ต้องรีบ พนักงานคนไทย จะได้มีงานทำนานๆ"(1)
ท่านที่สองคือ แม่ ที่ยังเป็นชื่อเจ้าของรถจนทุกวันนี้ (ใช่ค่ะ ข้าพเจ้ายังไม่มีรถเป็นของตนเองเลย :) ในช่วงต้มยำกุ้ง เงินเก็บก้อนใหญ่ที่พ่อแม่สะสมมาฝากใน บลจ.ศรีมิตร ถูกล็อกไว้โดยยังไม่รู้จะได้คืนเมื่อไร ยังดีที่ท่านทำงานราชการ พอมีเงืนเดือน เมื่อข้าพเจ้าสอบติดมหาวิทยาลัย ก็รวบรวมซื้อรถยนต์ให้ลูกขับไปเรียน ทำให้ท่านไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลยตลอดปีนั้น
อาจเพราะสิ่งเหล่านี้ ทำให้เวลาเห็นใครออกรถสวยๆ ใหม่ๆ ไม่ว่าจะที่จอดข้างกัน หรือลงในสื่อโซเชียล ด้วยใจจริง..ข้าพเจ้ารู่สึกดีใจด้วยที่เขาได้ในสิ่งที่ 'มีความหมาย'สำหรับเขา ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกต่ำต้อย อยากมีบ้าง เพราะรู้สึกสิ่งที่มีนี้ก็ 'มีความหมาย' สำหรับข้าพเจ้าอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ข้าพเจ้ายังมีเป้าหมายในชีวิต คือการได้ทำงานที่เรามี 'passion' ซึ่งต้องการทุ่มเททรัพยากรทั้งแรงกาย เวลา และทุนทรัพย์ เพื่อขยับเข้าใกล้จุดนั้นให้มากที่สุด..
ความรู้สึกนี้ อาจเรียกว่า "ภูมิใจในสิ่งที่ตนเองมี" (Self compassion) ไม่ได้เกิดจากการได้รางวัล หรือคำชื่นชมใดๆ แต่เป็นเพราะความรู้สึกต่อสิ่งที่มี สิ่งที่เแนนั้น 'มีความหมาย' (meaningful) สำหรับเราเอง
Dr.Kristin Neff นักจิตวิทยาผู้สนใจศึกษาเรื่อง Self compassion กล่าวว่าสิ่งนี่เป็นวิวัฒนาการในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่สูงกว่าระบบ Fight-or-flight (2)
Fight-or-flight เป็นกลไกปกป้องตนเองที่ขับเคลื่อนด้วยความวิตก ความกลัว เป็นการทำงานของ Default neuronal network และฮอร์โมน cortisol
Self compassion เป็นกลไกสร้างความสุขสงบให้ตนเอง ที่ขับเคลื่อนด้วยความรักความเมตตา เป็นการทำงานของ Executive neuronal network และฮอร์โมน oxytocin
หลายท่านในที่นี้อาจทราบว่า Oxytocin เป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ฮอร์โมนนี้ช่วยให้แม่เสือดูแลลูกที่กำเนิดออกมา ไม่กัดกินเป็นอาหาร ฮอร์โมนนี้ช่วยให้ชายหญิงอยากสร้างครอบครัวด้วยกัน
"ก่อนที่ เราจะรักใครได้ เราต้องรักตัวเองเป็นก่อน" เป็นคำพูดที่แท้จริงมีวิทยาศาสตร์รองรับว่า ก่อนที่จะมี compassion ต่อผู้อื่น สมองของเราจะต้องมี compassion ในตัวเองก่อน (เหมือนกับเราจะรับรู้ว่าคนอื่น ปวด รู้สึกอย่างไร เราก็ต้องรู้จากประสบการณ์ตัวเอง ว่า ปวด เป็นยังไงก่อน)
ภาพจาก (3)
โดยสรุป วิธีสร้าง self compassion จากประสบการณ์ข้าพเจ้าในบางเรื่อง...แน่นอนว่าข้าพเจ้าก็ยังมีอิจฉาคนอื่นในบางเรื่องอยู่ 555 คือ
1. คิดถึง meanining ของสิ่งที่เราเป็น เรามี แต่ละคนให้ meaning ต่อชีวิตต่อสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกันค่ะ สุขแต่ละคนนิยามต่างกัน
2. ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ ก็มีข้อดีของมัน
3. ภูมิใจสิ่งที่มี เพื่อให้มีกำลังทำสิ่งทีมีความหมายสูงสุด ของเรา
สุขสันต์วันเริ่มกลับมาทำงานค่ะ ^_^
ติดตามแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ที่
โฆษณา