20 ต.ค. 2019 เวลา 13:00
บริหารพอร์ตแบบปีเตอร์ลินช์
บริหารพอร์ตแบบ ปีเตอร์ ลินช์
เหตุผลที่วอร์เรนบัฟเฟตต์อาจพลาดหุ้นappleเพราะลืมกฎของลินช์
ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีข่าวว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ไปลงในหุ้น apple เป็นสัดส่วนที่สูง และอาจเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของเขา เพราะเขาอาจลืมกฎของตนเองและมองข้ามกฎของลินช์
Twintrade จะเล่าให้ฟังกฎที่ว่านั้น เซียนก็อาจพลาดได้เมื่อเขาลืมกฎที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอดีต
มาดูวิธีคิดของปีเตอร์ ลินช์ ผู้จัดการกองทุนที่บริหารกองทุน ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของโลก
#วิธีการลงทุนของปีเตอร์ลินช์สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
1
#1ต้องรู้ว่าเป็นหุ้นประเภทไหน
1
ปีเตอร์ ลินช์ เห็นว่า ในการลงทุนนั้น เราต้องรู้ว่าหุ้นที่เราจะซื้อนั้นเป็นหุ้นประเภทไหน โดยเขาแบ่งออกเป็น 6 ประเภทใหญ่ๆ
1
1.พวกโตช้าหรือถดถอย พวกนี้มียอดขายและกำไรเพิ่มน้อย ไม่น่าสนใจ
2.พวกอุ้ยอ้าย พวกนี้โตบ้าง แต่ไม่มาก เป็นหุ้นกลุ่มบูลชิป ที่เหมาะกับสถานการณ์ช่วงเศรษฐกิจถดถอย หุ้นเหล่านี้ถ้าราคาขึ้นสัก 20-30 % ก็ต้องขายแล้ว
3.พวกโตเร็ว เป็นบริษัทเล็ก หรือกิจการใหม่ที่มีอนาคตดี โตเร็วปีละ 20-25 % โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นดาวรุ่ง หุ้นพวกนี้ต้องถือยาว หวังกำไร 5-10 เท่าจากราคาที่ซื้อ
4.พวกขึ้นลงตามวัฎจักร ยอดขายและกำไรของบริษัทขึ้นลงตามวัฏจักร ของอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ หุ้นพวกนี้ในช่วงขาขึ้นราคาหุ้นจะวิ่งมาก ขณะที่ในช่วงยอดขายตก ราคาหุ้นจะดิ่งหนัก ดังนั้นสามารถทำกำไรหรือขาดทุนมหาศาลจากการลงทุนในหุ้นเหล่านี้
1
5.พวกตายแล้วฟื้น คือบริษัทที่มีปัญหาหนัก ใกล้ล้มละลาย ซึ่งหุ้นจะตกลงไปมากแทบใกล้ศูนย์ หุ้นพวกนี้ตัองเลือกบริษัทที่มีเงินสดสูงพอที่จะไม่ทำให้ล้มละลาย
6.พวกมีทรัพย์สินมาก หุ้นพวกนี้คือบริษัทที่มีทรัพย์สินซ่อนอยู่มากต้องเลือกที่มีทรัพย์สินสุทธิ(คือทรัพย์สินทั้งหมดคิดตามราคาตลาดหักด้วยหนี้สินทั้งหมด) มากกว่าราคาหุ้นที่เราจ่าย
2.หุ้นที่ปีเตอร์ลินช์ชอบ
2
ปีเตอร์ ลินช์ ชอบหุ้นที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
#เป็นบริษัทที่ฟังแล้วรู้สึกน่าเบื่อหรืองี่เง่า
.
.
#เป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าที่น่าเบื่อไม่น่าสนใจ
.
.
#เป็นบริษัทที่ทำอะไรที่คนทั่วไปอาจจะไม่ชอบ
.
.
#เป็นหุ้นที่สถาบันลงทุนใหญ่ๆไม่ลงทุนและนักวิเคราะห์ไม่สนใจติดตาม
.
.
#เป็นหุ้นที่รู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่าง
.
.
#เป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมดาวร่วง ปีเตอร์ ลินช์ ชอบหุ้นของบริษัทที่ดีในอุตสาหกรรมที่แย่ เนื่องจากบริษัทที่ดีจะไม่ค่อยมีคู่แข่ง เพราะรายอื่นทยอยเจ๊ง ทำให้บริษัทที่ดีมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น
.
.
#เป็นบริษัทที่มีความเก่งเฉพาะด้าน (niche)
.
.
#เป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าที่ผู้บริโภคต้องซื้ออยู่เรื่อยๆไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวจบ
.
.
#เป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีไม่ใช่ผู้ผลิตเทคโนโลยี
(ข้อนี้ที่ บัฟเฟตต์อาจพลาดในการคิดว่า apple เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว )
.
.
#เป็นหุ้นที่เจ้าของหรือผู้บริหารบริษัทซื้อหุ้นคืน
9
3.หุ้นที่พึงหลีกเลี่ยง
❌ หุ้นที่ร้อนที่สุด ในอุตสาหกรรมที่ " ฮอต" ที่สุด
❌ระวังหุ้นประเภท "ไมโครซอฟต์" ตัวต่อไป
1
❌หลีกเลี่ยงบริษัทที่เป็น "จอมโปรเจ็กต์" หรือขยายธุรกิจมากเกินไป
❌ระวังหุ้นที่มีข่าวลือว่าจะวิ่ง
❌ระวังหุ้นที่มีชื่อเท่เกินไป
1
4.กำไรกำไรกำไร
💸 ราคาหุ้นกับกำไร ไปด้วยกันเสมอ
💵 ถ้ากำไรโตขึ้นทุกปี แต่ราคาหุ้นตกเอาๆ แสดงว่าเตรียมซื้อได้
💰 ค่า p/e ควรจะต่ำกว่าอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ย 5 ปี ที่ผ่านมา
5.บอกสิว่าทำไมหุ้นตัวนี้น่าซื้อ (ภายใน 2 นาที)
📋 เป็นหุ้นประเภทไหน? โตช้าหรือโตเร็ว?
1
📑 คำอธิบายต้องเข้าใจง่าย พอที่ "คนทึ่ม" เข้าใจได้
3
📊 ถ้าเป็นหุ้น
1
🍎 โตช้า ดูปันผล
1
📈 ดูว่ากำไรจะโตขึ้นอย่างไร
1
🐫 อุ้ยอ้าย ดูค่า p/e ว่าไม่สูงเกินไป
↗️ หุ้นกำลังฟื้น มีเงินสดพอ ส่วนต่างยอดขายกับต้นทุนเพิ่มขึ้น
1
🎢 หุ้นขึ้นลงตามวัฏจักร ดูว่ากำลังเข้าช่วงขาขึ้น
6.ค้นหาความจริง
🏠 ถามโบรกเกอร์
🏡 ถามบริษัท
🛃 เชื่อได้ไหม
🏰 เยี่ยมชมกิจการ และสอบถามข้อมูลผู้บริหาร
👮🏼 ถามเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลนักลงทุนของบริษัท
💼 ลองใช้สินค้าของบริษัทดู
📙 อ่านรายงานประจำปี และสารสนเทศของบริษัท
1
-ตัวเลขสำคัญบางตัวที่ปีเตอร์ลินช์สนใจ
1
1⃣ ยอดขายสินค้าแต่ละตัว ดูว่าให้กำไรแก่บริษัทเท่าไร
2⃣ ถ้าค่า p/e ต่ำกว่า 0.5 ของการเจริญเติบโต น่าสนใจมาก
 
แต่ถ้าค่า p/e สูงกว่า 2 เท่าของการเจริญเติบโตควรขายทิ้ง
2
3⃣ ปริมาณเงินสดในมือ สำคัญมากต่อบริษัทที่มีปัญหา
4⃣ หนี้
4⃣▪️1⃣ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ควรจะไม่เกิน 1 เท่า
1
4⃣▪️2⃣ ดูโครงสร้างหนี้ว่าเป็นหนี้ระยะสั้นหรือหนี้ระยะยาว เป็นเรื่องสำคัญ
4⃣▪️3⃣ ถ้าบริษัทไม่ได้กู้เงินเลย จะดีมาก
5⃣ ปันผล จะช่วยให้หุ้นไม่ตกต่ำกว่าระดับราคาหนึ่ง
6⃣ มูลค่าหุ้นตามบัญชี ราคาหุ้นไม่ควรเกิน 2 เท่าของมูลค่าหุ้นตามบัญชี และถ้าต่ำกว่า 1 เท่า ถือว่าดี
7⃣ กระแสเงินสด อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกระแสเงินสดเท่ากับ 10 เท่าถือว่ามาตรฐาน ถ้าน้อยกว่าถือว่าดี
8⃣ สินค้าคงคลัง ถ้าเพิ่มขึ้น - ไม่ดี ถ้าลดลง- ดี
9⃣ การเจริญเติบโต
9⃣▪️1⃣ กำไรโต ดีกว่ายอดขายโต
2
9⃣▪️2⃣ การเจริญเติบโต ไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากการขยายงาน อาจจะมาจากการลดต้นทุน หรือเพิ่มราคาขายสินค้าก็ได้
9⃣▪️3⃣ หุ้นที่โต 20 % มีค่า p/e 20 เท่า ดีกว่าหุ้นที่โต10% และมีค่า p/e 10 เท่า
จะเห็นว่า บัฟเฟตต์ กำลัง ผิดกฎตัวเองคือเข้าไปลงทุนในสินค้าผู้ผลิตเทคโนโลยี ซึ่งตัวเขาเองนิยมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผูกขาด
หากแต่การมาของหัวเว่ย ทำให้ apple ไม่ได้มีความได้เปรียบอย่างยั่งยืน ทำให้เขา อาจคิดผิดในการลงทุนครั้งนี้ ถึงแม้ apple จะมีเงินสดเยอะก็ตามที
มันก็เหมือนเจ้าของที่ดิน ที่มีแต่ที่ หากขายไม่ได้ทำประโยชน์ไม่ได้ กระแสเงินสด ก็ไม่เข้ามา การเติบโตก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน
reference:
-ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต
-www.set.or.th
ช่องทางการติดตาม:twintrade เล่าหุ้นให้มันง่าย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา