Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tos
•
ติดตาม
4 พ.ย. 2019 เวลา 06:20 • ปรัชญา
คิดผิด...ชีวิตเปลี่ยน !
จิ้งจก : ลุง.ๆ ..เคยได้ยินคนเขาพูดกันว่า “ คิดผิด.... ชีวิตเปลี่ยน” มันยังไงกันครับลุง
หลอดไฟ : อันนี้มันก็ต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ เอาเรื่องเด็กๆ วัยรุ่น วัยคะนองก่อนแล้วกัน ....หลายครั้งเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม แบบอย่างดีๆก็มีให้เห็น
ไม่ว่าเรื่องเด็กกตัญญูดูแล ช่วยเหลือพ่อแม่ รักพ่อรักแม่ ไม่เพียงแต่เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเชื่อฟัง ยังหาทางช่วยพ่อแม่อีก
ถ้าพ่อแม่ยากจน ไม่ว่างานในบ้านหรืออะไรที่หาเงินได้เช่นไป ประกวดร้องเพลงก็มีให้เห็นไม่น้อย
แต่เด็ก วัยรุ่น ส่วนหนึ่งก็สร้างแต่ปัญหาทำแต่เรื่องให้ครอบครัวเดือดร้อน ชาวบ้านเดือดร้อน กะพ่อแม่ก็ทะเลาะได้ไม่ว่างเว้น ขัดใจไม่ได้ สอนไม่ได้ เป็นโมโห
นอกจากไม่ช่วยงานในบ้าน ไม่สนใจคนในบ้านเอาแต่เรื่องของตัวเอง ยังสร้างปัญหาไม่ว่าจะไปรังแกเขา เข้ากลุ่มเข้าก๊วน พากันไปทำแต่เรื่องเสียไม่ใช่เรื่องดี ทั้งที่การเข้ากลุ่มเข้าก๊วน ก็สามารถไปสร้างสรรค์อะไรดีๆได้แต่ไม่เอา
เอ็งคงจะเห็นภาพเหล่านี้ในชีวิตจริง และก็มีเป็นข่าวอยู่ทุกวัน ข้าจะบอกให้ “จิต” หรือความคิดนี่แหละสำคัญนัก ลุงจะวิเคราะห์ให้ฟังตามภูมิความรู้ที่พอมีนะ
ว่าด้วยหลักเหตุผล เด็กหรือวัยรุ่นเหล่านี้หากได้รับความรักความจริงใจจากผู้ใหญ่ไม่ว่าพ่อแม่ ครูอาจารย์ (ล้วนเป็นเชื้อสำคัญ)ที่จะเติมเต็มได้ในเด็กช่วยวัย 1- 10 ขวบ
เด็กที่เติบโตมาด้วยความรักความอบอุ่น มีกัลยาณมิตรอยู่รอบกาย เด็กเหล่านี้โตขึ้นก็มักจะไปในทางดี คือคิดดี ทำดี นั่นเอง
แต่หากตรงกันข้าม พ่อแม่ ผู้ใหญ่ ครูอาจารย์แสดงพฤติกรรมไม่เป็นมิตร ไม่ได้ให้ความรักความจริงใจ บางทีตอแหลใส่เด็ก
โดยคิดว่าเด็กไม่รู้อะไร บางทีสอนเด็กให้เลวไปเลยก็มี คือทำเรื่องไม่ดีให้เห็น ซึ่งก็เป็นการสอนอย่างหนึ่งเพราะเด็กอยู่ในช่วยเลียนแบบและจดจำ
ยังแยกแยะผิดถูกหรือผลที่ตามมาไม่ได้ชัด
ไม่ว่าเรื่องความเป็นนักเลงเลย การไม่ยอมคน การช่วงชิงเอาประโยชน์
การสอนให้ละโมบโลภมากแต่เล็กแต่น้อย สอนให้ขอ สอนให้เอา สอนให้กล้าทำอะไรที่แผลงๆเพื่ออวดเพื่อสนุก ใส่ความไร้สาระ ความสนุกแบบไม่คำนึงถึงความคิดของเด็ก
การบั่นทอนความมั่นใจของเด็ก การใช้อารมณ์ ข่มเหง ทำร้าย ตวาด บ้างก็ประชดสามี ภรรยาไปลงกะลูก รักลูกใครก็พูดได้ เมื่อเจือด้วยโทสะ มันก็คือความรุนแรง
เด็กหลายคนล้วนแต่อยากเป็นคนดี มีอนาคตที่สดใส แต่ทำไมเด็กหรือวัยรุ่นหลายคน กลับกลายเป็นเสมือนขยะในสังคม ถามว่าเขาเหล่านั้นไม่รู้ตัวรู้ตน ไม่มีสติหรือ...ว่าทำอะไรอยู่
แน่นอนว่ามีสติรู้ ... แต่กูจะทำ กูจะเป็น เพราะอะไร ส่วนหนึ่งก็รับรู้ได้ว่า เขาอาจเคยถูกกระทำมาในวัยเด็กจึงส่งผลถึงความก้าวร้าวรุนแรง
ส่วนหนึ่งเขาอาจประชดชีวิต น้อยใจครอบครัว พ่อแม่ แม่กระทั้งน้อยใจครูที่อาจเผลอไปดูถูกไปทำร้ายจิตใจบั่นทอนกำลังใจเขา
การทำความดี การเป็นคนดี อาจไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด หากเหตุปัจจัยสภาพแวดล้อมไม่เกื้อหนุน เพราะในสังคมคนดีเองบางทีก็ทำร้ายคนที่อยากดีไปเป็นคนไม่ดีเสียก็มาก
ไม่ว่าพ่อแม่ที่มักกดดันเปรียบเปรยลูกตัวเองกับลูกคนอื่นที่ดีกว่า ไม่ว่าการที่ครูมักจะเอาใจใส่ใจเด็กที่ดูมีแววดี หรือเรียนเก่ง หรือมีฐานะมากกว่าที่จะใส่ใจเด็กที่เรียนไม่ค่อยดี
บางทีก็ก้นด่าตำหนิและแสดงความไม่เป็นมิตรใส่ด้วยซ้ำ เหล่านี้ทำให้เด็กที่กำลังพยายามทำดี หรือจะเรียนให้ได้ดี ขาดกำลังใจ อึดอัดใจ เครียด
เมื่อไปเจอกลุ่มที่หัวอกเดียวกันก็รู้สึกสบายใจกว่า และแน่นอนว่า เมื่อสบายใจกว่าก็ชอบที่จะอยู่กับกลุ่มก๊วนที่ไม่เครียด
ถ้ากลุ่มก๊วนที่ว่านี้มีเหตุปัจจัยไปในทางดี เช่นพาไปทางดนตรี กีฬา ที่จะเอาดีให้ได้ก็ดีไป
แต่ถ้าไปทางสายมืด ช้าเร็วก็มีเรื่องเสียอนาคตหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่เหตุการณ์พาไป เราจะเห็นได้ว่ากลุ่มก๊วนล้วนมีหัวโจก
หัวโจกเก่งฉลาดก็ไม่พาลูกน้องเสีย แต่ถ้าหัวโจกตรงกันข้ามพรรคพวกก็ต้องติดร่างแหไปด้วยทั้งที่หลายคนก็แค่เข้ากลุ่มก๊วนเพื่อจะได้มีเพื่อนที่หัวอกเดียวกันเท่านั้น
บางคนรักเพื่อนก็ว่ากันไป สุดท้าย หลายครั้งที่มีเรื่องมีเหตุ ก็เพราะคนบางคนในกลุ่มเท่านั้นเอง ไม่ไปหาเรื่องเขา ก็เอาเรื่องเข้ามาให้กลุ่มเดือดร้อน พอจะเห็นหรือยังหล่ะเจ้าจก ว่า “ คิดผิด...ชีวิตเปลี่ยน “ มันเป็นยังไง และคนเรามันก็คิดผิด ทำผิดกันได้
ปัจจุบันมันขีดอนาคต เขาต้องรู้ว่าปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่ว่าเรียนอยู่ หรือทำงานแล้ว สิ่งที่คิดอดที่ทำมันสุ่มเสี่ยงอาญาแผ่นดินไหม เสี่ยงต่อการบ้านแตกไหม
เสี่ยงต่อการเสียอนาคตไหม ที่ทำอยู่นี้ได้อะไร การประชดชีวิต น้อยใจโชคชะตา พอได้หรือยัง หากไม่รีบสร้างอนาคต ต่อไปจะทำอย่างไร
เหตุเภทภัยก็รออยู่ข้างหน้าทุกคน ไม่ว่าโรคภัย อุบัติภัย ล้วนต้องเกิดกับทุกคน นั่นหมายถึงกับคนที่เรารัก พ่อแม่เรา ลูกเมียเราด้วย
เราได้ทำสิ่งที่ควรทำหรือยัง เราได้ทำหน้าที่หรือยัง เราได้มีแผนสำรอง มีเป้าหมายชีวิตหรือยัง การอยู่ไปวันๆ นั้นน่ากลัวมาก เพราะเวลาเดินไปทุกวินาที ไม่หวนกลับ
คิดหรือไม่ว่า ถ้าเราไม่มีงานการที่ดีทำ ก็ไม่มีเงิน เมื่อไม่มีเงิน ก็ทำให้สร้างครอบครัวไม่ได้ เพราะเมื่อมีปัญหาเรื่องเงิน หรือการไม่เรียนรู้เศรษฐกิจอย่างพอเพียงให้ถูกต้อง
ผลคือชีวิตในครอบครัวจะร้าวฉาน เมื่อไม่มีเงิน ยากป่วยไข้ทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินและต้องเจออุบัติเหตุไม่ว่าโดนกระทำ หรือไปทำเขาล้วนใช้เงินก้อนใหญ่มาก
วัยที่ควรเรียนรู้ต้องโฟกัส หากวัยนี้ไม่โฟกัสจะเสียโอกาสมาก เพราะเมื่ออายุมากขึ้นองค์ความรู้ท่านไม่มากพอ ทำงานได้รายได้ไม่มากพอ ท่านไม่มีเงินเก็บ แต่กลับเต็มไปด้วยหนี้
ภาพนี้นึกไว้ให้ชัดว่ามันน่ากลัวเพียงไหน ความซ่า ความเก๋า ความเก่ง ความเจ๋ง การมีพรรคพวกมากที่คอยลากกันไปสร้างแต่ความเสียหาย เสียเงิน เสียสุขภาพไปไหนกันหมดแล้ว
อย่างน้อยท่านจงอย่างเป็นหนี้ นั้นคือท่านต้องกลับไปที่เหตุที่มา ท่านต้องไม่ไปสร้างเหตุที่มาของความวิบัติในชีวิต อดีตส่งผลต่อปัจจุบัน แต่ปัจจุบันมีขีดอนาคต งง..ไหมเจ้าจก !
ที่นี้พูดถึงคนทำงาน มนุษย์เงินเดือนนี่แหละ เห็นได้ชัด ปัญหามักจะเกิดตอน เริ่มต้นงาน จะเปลี่ยนงาน หรือมีเหตุให้เปลี่ยนงาน
บางทีคิดหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก สำหรับพวกมีทางเลือก คือมีงานหลายงานให้เลือก ไม่รู้งานไหนดีบริษัทไหนดี
สำหรับคนจบใหม่หรือเริ่มทำงานใหม่ อายุยังน้อย บอกได้เลยว่า ให้เลือกงานที่เป็นProfile ได้ เป็นงานที่ต่อยอดได้ และควรเป็นงานที่ยากเพราะท้าทายได้เรียนรู้ที่สำคัญคือโอกาส
ชีวิตคนเราขึ้นกับจังหวะและโอกาส อย่าเร่งวาสนา อย่าใช้กิเลสเป็นตัวขับ ให้สติปัญญา ทำงานเพื่อหน้าที่ และความรับผิดชอบคือตัวตัดสินอนาคต หลังจากเลือกพิจารณาแล้วว่าเป็นงานที่เราต่อยอดได้ Profile ดี
คนทำงานแล้วสักระยะหนึ่ง ควรหาฐานที่มั่น ไม่ใช่ดูแค่องค์กร สิ่งสำคัญคือเราต้องไปทำงานกะหัวหน้าที่เก่ง และสนับสนุนเราได้ องค์กรที่ใหญ่หรือดีก็ไม่มีความหมายถ้าเจอหัวหน้าไม่เก่ง และไม่สนับสนุนเรา
ส่วนใหญ่มีเรื่องต้องตัดสินใจ เพราะชีวิตจะเปลี่ยนไป ตัดสินใจถูกก็อยู่ยาวอย่างมีศักดิ์ศรี และเติบโต จากที่เราได้เห็นเพื่อนของเราเอง
หากตัดสินใจผิดบางคนนอกจากได้หัวหน้าไม่เข้าท่าแล้วองค์กรก็ไม่ได้เกื้อหนุนคนทำงานให้โตได้จริง ที่สำคัญผลตอบแทนก็ดูจะตัน สรุปไม่มีอนาคต
ต้องอยู่ในจุดที่ทำงานเพื่องานเพื่อหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่ไม่โต ไม่มีอนาคต เพราะขาดปัจจัยสำคัญคือไม่มีหัวหน้าสนับสนุน ระบบโครงสร้างเอื้อเกื้อหนุนเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป
ถ้าเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงใหม่หัวหน้าใหม่ คนใหม่นี้แน่นอนว่าย่อมไม่เข้าใจเราเหมือนคนเก่า สิ่งที่เคยได้เคยมีเคยสำคัญก็อาจเปลี่ยนไปนี่คือชะตากรรมของมนุษย์เงินเดือน
จังหวะ โอกาส เจ้านาย สังคม ปัจจัยสำคัญทั้งสิ้น ที่เราจะทำงานอย่างมีความสุข หรือมีอนาคตหรือไม่ หลายคนคงได้ทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบเท่านั้น เพราะด้วยวัย และลักษณะงาน กับโครงสร้างงานที่ไม่ได้พัฒนาสร้างคนให้มีศักยภาพให้ดีตั้งแต่แรก
องค์กรโครงสร้างใหญ่จึงมั่นคงและแข็งแรง แต่ไม่ใช่คนทำงาน ถ้าผิดที่ผิดทางผิดนายอาจมีผลต่อความมั่นคงทันที การสร้างภาพ ขายของ ตอแหล ดราม่าจึงปรากฎขึ้นทุกวงการ
โครงสร้างองค์กรที่แข็งแรงพร้อมที่จะจ้างคนเก่งเข้ามาได้เสมอ ในมุมกลับกันองค์กรเล็กบริษัทเล็ก หากเราได้ทำงานกะเขาจนเก่งและชำนาญย่อมมีค่าสำหรับเขาแน่นอนยิ่งอยู่นานก็ยิ่งสำคัญ
ขณะที่องค์กรใหญ่อาจมีนโยบายเปลี่ยนแปลง
ผู้บริหารเปลี่ยนไป ชีวิตเราก็อาจจะเปลี่ยนไปเช่นกันอาจไม่มีค่าเหมือนเก่า และอาจถูกลดอำนาจบทบาทลงด้วยซ้ำ
บริษัทองค์กรล้วนเป็นนามธรรมให้เราๆท่านๆ เข้าไปหาผลประโยชน์ดังนั้นอย่าติดกับรูปลักษณ์ ท่านต้องอยู่ในจุดที่เป็นหัวใจขององค์กรถ้าเป็นไปได้
ท่านต้องอยู่กับคนที่เก่ง เพื่อที่ท่านจะได้เรียนรู้ ( หวังว่าท่านจะไม่อยู่ผิดคน เพราะในโลกความจริง เอ๊กซเปิดมีไม่มากนัก ที่มากคือเอ็กซปูด ) และก็อีกแหละ ความเก่งกับจริตนิสัยก็ต่างกันออกไปอีก
อยู่ที่ว่าท่านรับได้แค่ไหน เพราะบางคนเก่งทำงานตอบโจทย์ทำเป้าได้ แต่จริตนิสัยสันดานแย่ก็มีให้เห็น ไม่ว่าจะกระแนะกระแหนแดกดันคน ดูถูกคน เอาแต่พวกกู คนของกู แสแสร้ง ประดิษฐ์ สร้างภาพสารพัด ก็มีให้เห็นไม่น้อย
เราจึงเห็นได้ว่า ทุกระดับพนักงานตั้งแต่ยาม ภารโรง จนถึง ผู้บริหารทุกระดับ ก็จะมีจริตนิสัยทั้งดี น่ารัก และต่ำทราม คละเคล้ากันไป เราๆท่านๆในสถานะที่ต้องเจอกับคนทุกจริตนิสัย ความอดทน อดกลั้นจึงสำคัญมากๆ
การคิดตัดสินใจแต่ละครั้ง อดคิดมากไม่ได้จริงๆ บางทีหนีเสือปะจระเข้แถไปเฉี่ยวฉลามลามปรามไปถึงหมีควายเลยทีเดียว
การเปลี่ยนแต่ละครั้งจึงต้องมีสติ ต้องถามตัวเองก่อนเลย ที่ๆจะไปลักษณะงานน่าสนใจไหม
ต่อยอดอะไรได้ไหม อยู่กะใคร ใครคนนั้นมีลักษณะนิสัยอย่างไร การเปลี่ยนงานตอนอายุมากต้องทำใจเพราะถ้าเอาอยู่ก็อยู่ยาว แต่ถ้าเอาไม่อยู่ก็เตรียมหางานใหม่อีก
หากเป็นไปได้อยู่ที่ไหนควรอยู่ยาวๆ สำหรับองค์กรไม่ใหญ่จะดีกว่า ส่วนองค์กรใหญ่ก็ต้องทำใจเพราะเขามั่นคงแต่เราไม่(ไม่ถูกใจนายอยู่ยากแม้มีความสามารถ) การเมืองมันแรงกว่าไม่เหมือนองค์กรเล็กที่อยู่กันด้วยฝีมือล้วนๆ(ไม่ถูกใจนายก็อยู่ได้เพราะนายต้องพึ่งพาเรา)
ดีเสียคนละแบบ บริษัทเล็กไม่เข้าตาเจ้าของอยู่ไม่ได้เลย เจ้าตาอยู่รักจริงหวังแต่งเลยทีเดียว. บริษัทใหญ่คนมาก ผู้บริหารผันแปรได้คนเก่าไปคนใหม่มาชีวิตอาจเปลี่ยน !
คนอยู่นานประสบการณ์เยอะจึงมีแต้มต่อมีค่าสำหรับผู้บริหารเสมอ อยู่กับคนที่เห็นหัวเราๆย่อมมีความสบายใจ อยู่กับคนที่เก่งและสอนงานเราๆมีอนาคต (ต่อยอดที่ไหนก็ได้) อยู่กับองค์กรที่ดีย่อมพัฒนาเกื้อหนุนให้เราโตขึ้น ก็เท่านั้นเอง. อยู่ถูกที่อาจไม่พอต้องอยู่ถูกคนด้วยอยู่กะคนที่เห็นหัวเราด้วยสิ ! ในทางโหงวเฮ้งเขาว่า...”ศรศิลป์มันกินกันหรือปล่าว”
ส่วนงานที่ชอบ ที่ใช่ แน่นอนว่าต้องสำคัญ แต่เงินก็สำคัญกว่า เพราะเรามาหาเงิน. !
แม้เราจะไม่ได้ทำงานที่ชอบที่ใช่ แต่รายได้อยู่ในขึ้นดีหรือเรารับได้ ก็ต้องทำ เพราะเรามาหาเงิน เรามาทำงานเพื่อหน้าที่และความรับผิดชอบ.
สิ่งสำคัญคืองานนั้นต่อยอดอะไรได้บ้าง เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้างก็ได้ ส่วนที่ชอบที่ใช่ก็เก็บมาคิดมาทำเป็นยามว่าง หรือทำเป็น Hoppy ได้ และขอให้คิดเสมอว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง
เมื่อถึงเวลาก็จะมีเหตุให้เปลี่ยนไปเองเพราะเป็นกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ....วาสนาถึงเวลามาเอง ไม่ว่าเรื่อง การเงาน และความรัก ...ลองสังเกตดู. กิจที่ทำอยู่ตรงหน้าทำให้ดี แล้วสั่งสมอบรมความรู้ที่ต้องใช้ในวันหน้าให้ดี อย่างน้อยภาษาต้องดี ติดตามแนวคิดดีๆจากผู้รู้ผู้ใหญ่เข้าไว้ ....
พวกสาวๆบ้าง หลายคนอกหักน้อยใจ หรือโกรธที่ผู้ชายแอบมีเมียน้อย ก็ประชดด้วยการมีชู้ซะเลย ไปเป็นอย่างว่าบ้างก็มีไม่น้อย. ซะใจและลึกๆได้แก้แค้น. สุดท้ายระแวงกันทะเลาะกันฆ่ากัน คิดแค้นแน่นทรวง แบบไม่มีใครได้อะไรนอกจากปัญที่จะตามมา อย่างน้อยเมื่อจิตใจก็หาความสงบความสบายใจไม่ได้เลย (ศีล คือปกติ เมื่อผิดศีล คือผิดปกติ)
บางทีน้อยใจพ่อแม่ไม่ยอมรับแฟนตัวเองจนเลิกกันไป ก็ไปทำอย่างว่าก็มี เหล่านี้เกิดจากคิดผิด...ชีวิตจึงเปลี่ยนไป ทิฐิมานะจึงไม่ธรรมดา เพราะมันมีเหตุผลที่จะทำ คือความซะใจ ( มิจฉาทิฐิ ) เท่านั้นเอง
ครอบครัวแตกแยกส่วนหนึ่งเกิดจาก
เงิน เพราะทำให้หงุดหงิดต่อกันได้ง่าย เครียดและไม่มีอารมณ์ทำการบ้าน
ทรยศ คือไม่ซื่อสัตย์ รุนแรงยิ่งกว่าเงินทองเสียอีก เพราะมันเป็นเรื่องจิตใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
บางคนก็อาจยอมได้ถ้าเงินไม่มีปัญหาคือตัดใจในเรื่องความรู้สึกไป เอาเงินไว้ก่อนเพราะมีภาระ แต่ถ้าเงินไม่ถึงด้วย ...เอวัง ! บางครั้งเงินอาจต้องมาก่อนเพราะมันจับต้องได้ แต่ถ้าเงินนั้นตามมาด้วยความอุดอัดใจ ถูกกดขี่เป็นทาสก็ต้องดูว่ารับสภาพนั้นได้แค่ไหน.
เงินมันแค่พาหะแต่คนที่ให้ก็ต้องดูตรงจิตใจ. บางคนเขาเป็นคนดีมีเมตตามากด้วยน้ำใจให้คือให้. แต่คนมีเงินไม่ได้เป็นเช่นนี้ทุกคน บางคนแม้มีมากอยู่แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกต้องให้อะไรใครถ้าผลตอบแทนไม่คุ้ม. ทั้งเค็มทั้งแคบก็มีมากมาย
คิดแต่กำไรขาดทุนคิดแต่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบตลอดเวลา. เรียกว่าทำดีต้องมีราคามีหน้ามีตาเป็นภักษาหาร
การไม่ให้เกียรติ หรือดูถูกกันนั่นแหละ เมียข่มผัวผัวข่มเมียไม่ให้เกียรติกันดูแคลนกันซะงั้น รับรองช้าเร็วอีกฝ่ายก็อาจประชดด้วยการมีชู้ซะ มีเมียน้อยซะบ้านก็แตกในที่สุด (คิดถึงหัวอกลูกกันบ้างไหม)
ดังนั้นเรื่อง ประชด น้อยใจ ทิฐิมานะ ล้วนเป็นกิเลส เป็นมิจฉาทิฐิ เป็นเหตุวิบัติทั้งสิ้น
อันนั้นว่าโดยหลักหรือเหตุที่มาของปัญหาทั่วไป แต่มันยังมีเหตุอีกอันหนึ่งคือ ตัวตนของคนๆนั้นเอง(จริตสันดาน)
นิดหนึ่งก็น้อยใจ ประชด ทำเลวมันซะเลย พ่อแม่เตือนไม่ถูกใจ ก็ประชดพ่อแม่แกเรียนซะเลย
ครูว่ากล่าวแทนที่จะคิดว่าท่านหวังดี ก็พาลคิดว่าท่านลำเอียงก็มี
เพื่อนดีชวนอ่านหนังสือ เข้าห้องสมุด กูไม่ชอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ไปเดินดูหญิงดีกว่า
แทนที่จะรักพ่อแม่ตั้งใจเรียน เพื่อวันข้างหน้าจะได้มีโอกาสที่ดีทำงานมีเงินมาช่วยเหลือ และเลี้ยงดูท่านเมื่อเรามีกำลังมากพอ
แทนที่จะมุ่งมั่นเอาดีในสิ่งที่ชอบที่อยากจะเป็น ซึ่งแน่นอนก็ต้องมีฐานความรู้พื้นฐานที่ดีตามระบบของโรงรียน คือต้องตั้งใจเรียนเพื่อมีฐานความรู้ไปต่อยอด
แทนที่จะหาข้อมูลในสิ่งที่อยากจะเป็น ไม่ว่าอาชีพใดๆ เพื่อเตรียมการณ์ล่วงหน้าไว้ คิดได้สิว่า การมั่วสุมมักจะมีแต่เรื่องเสีย
ช้าเร็วภัยต้องมาถึงตัวจากฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ก็มีอาญาแผ่นดินที่จะต้องเล่นงาน ขณะที่การรวมกลุ่มไปทำความดีกับสังคมก็มีแต่กลับไม่สนใจ
เมื่อเจอพ่อแม่ครูอาจารย์แม้แต่เพื่อนไม่ดีที่คอยบั่นทอนจิตใจเรา....กัลยาณมิตรจึงสำคัญมาก.
ถ้าไม่มีไม่เจอเราก็ควรเอาความรู้สึกนี้ไปตั้งปณิธานสิว่า กูต้องเอาดีให้ได้อ่าน 2 รอบไม่รุ้เรื่อง อ่านแม่งเลย 5 รอบ ซะใจเว้ย..!
เอาเวลาไปซุ่มอ่านหนังสือเรียนให้มันได้ดีประกาศให้โลกมันรู้สักทีว่ากูก็เอาดีได้ วิชาสำคัญพวกคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เอาให้เต็มเหนี่ยวเพราะมันเป็นพื้นฐานต่อยอดการศึกษาอนาคต
ระบายประชดล้างแค้นความเลวของคนด้วยการประกาศศักดาว่ากูก็มีอนาคตก็ได้นี่ มันอยู่ที่ความคิด มันอยู่ที่ “ จิต” คิดให้ดีตัวตัวให้มีค่าได้นี่ เอ็งว่าไหม....เจ้าจก !
ลุงเคยเจอผู้หญิงคนหนึ่ง แกเป็นหมอนวดในคอนโด รู้สึกสึกทึ่งอึ้งมาก เพราะลูกแกผู้หญิงหมด 3 คน ได้นักธรรมตรี โท เอก ทั้งสามเลย แกเล่าว่าแต่เดิมแกเป็นแม่บ้าน พอดีสามีอุบัติเหตุเสียชีวิต เลยไม่รู้จะทำอะไรกินเลยไปเรียนนวดแผนโบราณแล้วมานวดนี่แหละ
ส่วนลูกๆ พาเข้าวัดแต่เล็กๆ เพราะปกติตนจะไปช่วยงานพระที่วัดประยูรฯ พระท่านรู้จักกันก็ฝากๆลูกๆให้ท่านช่วยดูแลด้วยคือจะเอาลูกไปเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ทุกคน
ได้เรียนดนตรีไทย ภาษาอังกฤษ และอื่นๆอีก และให้เรียนนักธรรมด้วย ประทับใจมาก
การพาเด็กๆไปล้างสมองเข้าวัดตั้งแต่เล็กๆก็ดีมากๆเพราะเด็กจะกลัวบาปกลัวกรรมตั้งแต่เด็กเอาให้ฝังหัวเลยต่อไปก็จะว่านอนสอนง่าย
สิบขวบแรกจึงสำคัญนัก ต้องให้ความรักให้เวลากับลูกแล้วลูกจะรักจะเชื่อฟังท่านเอง
อีกรายเจอลุงขับแท็กซี่ ลุงอายุมากแล้วขับมานานหรือยัง ดูแลสุขภาพยังไงบ้างครับ ... ลุงขับมาตั้งแต่หนุ่มๆ นี่ก็เพิ่งกลับจากรพ.ที่โคราช
พอดีลูกเป็นหมอที่นั้นเลยไปไกลหน่อย ลุงเลี้ยงลูกเก่งจังเป็นถึงหมอเลยนะนี่ .... ไม่ได้เก่งอะไรเลย ตัวเองก็ไม่ดีหนุ่มก็กินเหล้าไปเรื่อง มีลูกสามคน หมอนี่คนโต
อีกสองคนเขาเป็นนายทหารเรือ อีกคนเป็นนายทหารบก โอโห้....สุดยอด ! ลุง...โชคดี ที่พี่ชายเขานำน้องๆ เขาไม่อยากอยู่บ้านเช่าผุๆ และไม่อยากขับแท็กซี่เหมือนพ่อ มันลำบาก
เขาตื่นตีสี่อ่านหนังสือ เรียนดีตั้งแต่เด็ก ไอ้พวกน้องๆเห็นพี่ทำก็ทำตาม ก็พากันเรียนดีทุกคน พี่ชายก็ชิงทุนได้เรียนหมอ น้องๆก็รู้ว่าพ่อไม่มีเงินแค่หากินไปวันๆเท่านั้น ก็พากันสอบเข้าเตรียมทหารเพราะหลวงเขาเลี้ยงจนจบและมีงานเลย ก็ประมาณนี้แหละ
แล้วลูกลุงเขาไม่วิ่งเล่น ตามประสาเด็ก เข้ากลุ่มเข้าก๊วนเหมือนเด็กทั่วไปหล่ะ ก็มันมัวแต่อ่านหนังสือกันจะมีเวลาที่ไหนไปวิ่งเล่นกะเพื่อน
เวลาอ่านหนังสือเครียดๆมันก็พากันวิดพื้น ดึงข้อออกกำลังไปตามเรื่องของมันนั่นแหละเพราะเจ้าน้องสองคนเขาจะเข้าเตรียมทหาร ลุงโชคดีที่เขาคิดดี ไม่ติดเพื่อน และมีความมุ่งมั่นตั้งแต่เล็ก ......
เจ้าจก : อยากกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นใหม่เลย
ลุง... คิดผิด...ชีวิตเปลี่ยนจิงๆเยยยยย 😊
หลอดไฟ : ทีนี้มาถึงครอบครัว
ส่วนใหญ่ก็แตกแยกเพราะเรื่องเงิน กับเรื่องมีบุคคลที่สามนี่แหละ เรื่องเงินถ้าศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจ ก็มีทางออกแน่นอน
ส่วนเรื่องบุคคลที่สามหรือความไม่ซื่อสัตย์นี่ น่าจะเข้าข่ายประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเดิมนั่นแหละ บางทีก็ไม่ได้เกิดจากการประชด น้อยใจคู่ตัวเองหรอกที่ไปมีคนใหม่
บางทีก็เป็นเพราะตัวเราเองนี่แหละไปสร้างเหตุ แรกๆแค่อยากลองดู แต่โบราณเขาบอกไว้แล้วว่า อย่าเล่นกับไฟ มันจะเผาเอา ( คือเผาใจคนเล่นนะสิ )
การเผลอสติไปสร้างเหตุ จะด้วยความคึกคะนองหรือเพื่อนยุก็ตาม แต่สิ่งที่ตามมาอาจเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อครอบครัว
หลายคนผิดพลาดเผลอใจะแต่....มีสติได้ เพราะลูก การนึกถึงลูกอาจทำให้หลายสิ่งดีขึ้น สำหรับการผิดพลาดทั้งแบบตั้งใจและไม่เจตนา
ตัวแปรสำคัญคือทิฐิมานะ นั่นเอง ที่เป็นตัวตัดสินว่าถึงเวลาแตกแยกหรือยังสำหรับกรณีนี้ การให้อภัยจึงเป็นตัวแปรทางบวกที่สำคัญ เพราะคนเราอาจผิดพลาดกันได้นะสิ
บางคนก็ว่าแก้วมันร้าวเสียแล้ว ทำใจยาก แต่....ถ้าเราอยู่กับปัจจุบัน คือรักกันทำดีต่อกันและจริงใจต่อกันอดีตก็เปรียบเหมือนความฝัน ปัจจุบันสิความจริง
หากสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ตั้งใจและเราเชื่อว่าเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้ายังรักเขาอยู่ และการนึกถึงลูก การให้อภัยจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ที่ดีได้แน่นอน ที่สำคัญต้องหยุดคิดพูดถึงอดีตเท่านั้นเอง !
จิ้งจก : ลุง ... ถ้าไม่อยากคิดผิด...ชีวิตเปลี่ยน นอกจากมีสติ คิดด้วยเหตุผลแล้วมีอะไรอีกไหมที่เป็นตัวช่วย. ให้เราไม่พลาดในการตัดสินใจ
หลอดไฟ : ศาสตร์แห่งโหรก็มองข้ามไม่ได้นะโดยเฉพาะนักธุรกิจนักลงทุนผู้บริหารมักมีโหรประจำตัวกันทั้งนั้นเพื่อRecheck การตัดสินใจอีกที
จิ้งจก : คนระดับนี้เขาเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอลุง...!
หลอดไฟ : เขาใช้ประกอบการวางแผนชีวิต. การลงทุน เพราะทุกสิ่งมีความเสี่ยง. การลดความเสี่ยงเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ.
โหราศาสตร์เขาก็จะบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนเขาจะรุ่ง. ช่วงเวลาไหนเขาควรอยู่อย่างสงบ. ช่วงเวลาไหนเขาต้องมีสติ ระวังตัวให้มากในเรื่องสุขภาพอุบัติเหตุ. เช่นลุงดูดวงเพื่อนคนนึงเห็นได้ชัดว่าอินทภาสจรเข้าภพอริ เขาได้ร่วมลงทุนตั้งบริษัทกับเพื่อน...
สุดท้ายก็มีความเครียดตลอดมาจนปัจจุบันเส้นเลือดสมองแตกและเพิ่งเสียชีวิตไม่กี่วันนี้เอง. ดาวจรหลักที่โหรเขาโฟกัสกันมากก็มีดาว พฤหัส(1ปี) เสาร์(2ปีครึ่ง) ราหู(1ปีครึ่ง). ไม่ได้หมายความเขาจะเดินปกตินะ ดาวมีหยุดเดิน. มีเดินเร็ว และมีเดินถอยหลังอีกด้วยนะอย่าลืม
หลายคนก็คิดว่าเมื่อดาวพฤหัสเดินมาสัมพันธ์กะลัคนาคิดว่าจะดีแต่ก็ไม่ได้ดีก็มีให้เห็น. ส่วนดาวร้ายเช่นเสาร์ที่คนกลัวหนักกลัวหนาบางคนก็ดีมีให้เห็น.
ราหูคนยิ่งขนหัวลุก เมื่อเดินมาสัมพันธ์กับลัคนาก็ไม่ได้ร้ายมากนักส่วนดีกลับมีมากกว่าก็มีให้เห็น. เพราะนอกจากลัคนาที่ถูกต้องแล้ว หลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องพิจารณา
การดูผิวเผินตามสื่อต่างๆเขาให้เป็นแนวทางคลุมๆเท่านั้นเอง. และหลายคนยังหาลัคนาไม่เป็นอีกด้วย.
หากมั่นใจว่าเวลาเกิดถูกต้องระดับนาที. เอาเข้าโปรแกรมหาลัคนา. ก็จะรู้ได้. แต่โปรแกรมก็มีหลากหลายบางทีท่านก็จะงงเมื่อลัคนาอยู่ราศีคาบเกี่ยว
บางคนจึงคิดว่าอาศัยแค่ดูตามยูตู๊บ...:)ก็คิดว่าโอเคแล้ว. ดังนั้นการรู้จักโหรที่มีความรู้มีหลักการจึงสำคัญยิ่งนัก
เรื่องสำคัญระดับชีวิตอนาคต ของฟรี ของราคาถูกเชื่อได้แค่ไหนไม่รู้. แต่ของฟรีของถูกหรือแพงไม่ใช่ตัวตัดสิน. ความพึงพอใจของผู้รับการพยากรณ์ย่อมต้องสำคัญกว่า. และความพึงพอใจของคนเราก็ต่างกันไปตามจริตนิสัย สติปัญญา บ้างแค่ต้องการกำลังใจ.
บ้างต้องการความเห็นใจ บ้างต้องการแค่โชคลาภ บ้างต้องการความจริงเพื่อวางแผนชีวิต. การตัดสินใจ. การลดความเสี่ยง ต้องการรู้ช่วงเวลาที่ดีและต้องระวัง. เราจึงเห็นทั้งหมอดูและนักดูหมอมีหลายระดับและรูปแบบ.
ถือว่าเป็นสีสันในวงการหมอดูเลยทีเดียว. ความชอบ หรือแนวคิดที่ต่างกัน. เราจึงเห็นโหรหรือหมอดู มีลักษณะไหนกลุ่มลูกค้าก็จะแนวเดียวกัน. สายปัญญา. สายความเชื่อ สายเจ้าพิธี สายลีลา. และสายฮาคลายเครียด.
โหราศาสตร์ -มีหลายสายทั้งไทยและเทศ สายอ.อักษร อ.ประทีป อ.เทพฯ อ.สิงห์โต อ.ส.แสงตะวัน ฯ สายเทศก็มียูเรเนียน สากล ภารตะ เลขศาสตร์-มาจากนอกโดยอ.พลูหลวง
สาย 7ตัวก็มีหลายสาย ที่นิยมก็มีทั้ง4ฐาน อ.นภา. 9ฐานอ.เจษฎา. 7ตัวพม่าอ.ดวงสุริยะเนตร และที่ไม่เหมือนใครคือ 7 ตัวทักษา-กาลโยค อ.ประภาส คือนับอายุเต็มในการพยากรณ์(สายอื่นนับอายุย่างกัน) และทักษายุค ของท่านอ.ส.สัจจญาน. และไพ่ยิปซี
ลายมือ ก็มีสายอ.ปรีชา แดงบุปผา อ.สมบัติ ถ้าตำราระดับเทพ ท่านก็ไปหาอ่านของโหรฌานศิลป์. หลวงวุฒิ. ของเทศท่านไปหาอ่านของแซงแยแมง. พอเลยอ่านไปซึมซับไป สัก 10เที่ยว ....ท่านเจ้าคุณ นรรัตแห่งวัดเทพศิรินทร์ ท่านก็ศึกษาลายมือด้วยตัวท่านเอง และใช้การดูมือเลือกพระอุปัชฌาย์อีกด้วยท่านจึงเลือกมาบวชที่วัดเทพศิรินทร์ (เรื่องลายมือผมโชคดีที่ได้กัลยาณมิตรอย่าง ซินแสโจ แห่งจ.ตรัง ศิษย์อ.ปรีชา เดียวกันแนะนำ)
โหงวเฮ้ง ก็คงต้องสายอ.อุดมพร แพงอ่อน.ตำราหนังสือห้องสมุดธรรมศาสตร์มีไปถ่ายสำเนาได้.
ทุกสายวิชาเหล่านี้มีลีลาการพยากรณ์ที่ต่างกันไป. มีจุดเด่นความลุ่มลึกของเขาเองอยู่ที่ผู้อ่านผู้พยากรณ์จะเข้าถึงแค่ไหนเพราะนอกจากตัววิชาที่น่าทึ่งแล้วแรงครูที่ศิษย์แต่ละคนได้รับก็จะต่างกันไปอีกด้วย...
หลายคนจึงโดดเด่นในบางเรื่อง และหลายเรื่องไม่เท่ากัน. โดยเฉพาะใครที่ดาวพฤหัสอยู่ราศีเมษ. และกรกฎ มิใช่ธรรมดาเลยในทางโหร. สองในนั้นคือท่านอาจารย์สมพงษ์ ปิยะลาภาหรืออ.ยี และท่านอ.ขัยเมศ (เท่าที่ผมรู้) เมษ-โหรปราศเปรื่อง กรกฎ-ครูแยบยล. พฤษภ-เรื่องความมั่น !
ศาสตร์แห่งโหรนี้สำคัญนัก. แต่ศรัทธาได้เสื่อมลงเพราะคนมักง่ายมักได้มีอยู่มาก.อันเป็นธรรมดาเกือบทุกวงการ...
1
วิชาหาเสื่อมไม่เพราะมีการค้นคว้ามาเป็นพันปี ดวงดาวไม่เคยหลอกใคร มีแต่คนมันเสื่อม.เพราะคนมันมีบ้าห้าร้อยจำพวก สัมผัสเองรู้เอง. สายพันธ์ไหน เผ่าพันธุ์ไหนถูกจริตเราๆก็รู้สึกไม่อึดอัด. ส่วนใหญ่จริตต้องกันก็ตามๆกันไป. แตงโมก็คือแตงโม. คงไปอยู่กับส้มโอไม่ได้แม้จะเป็นผลไม้เช่นกัน !
จอมทัพนำไปทางไหนก็ไปกัน บ้างวางตัวเป็นครูบาอาจารย์ ก็มีทั้งครูแท้ครูเทียม พฤติกรรมดั่งอาจมก็มีให้เห็น ทั้งหิวทั้งหา...ส่วนครูดีมีคุณธรรมใยต้องพูดถึงเพราะรู้ได้สัมผัสได้ ไม่ยากเลย...ขงจื้อ เคยสอนว่า. “ฟังเขาพูดแล้วดูพฤติกรรมของเขา”
ตัดสินที่กลไกตลาดคือการยอมรับของผู้ดู. เท่าที่รู้เมื่อเข้าสู่ยุคที่9 จะเหลือแต่ของจริงของแท้.เท่านั้น
ในทางโหงวเฮ้งเขาก็บอกได้ว่าคนนี้ซื่อสัตย์ไว้ใจให้ดูเรื่องสำคัญๆเช่นการเงินได้หรือไม่. คนนี้ต้องเอาไปทำด้านบริการ คนนี้ต้องไปขายของ คนนี้ต้องตามหนี้. หลายคนปรับโหงวเฮ้งแบบไม่เข้าใจ.
ว่าตามเขาเชื่อเขาเพียงเพราะเขาเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียง. ทั้งที่รู้ว่าสมัยนี้การสร้างภาพกลยุทธ์ทางการตลาดแยบยลแต่ปนด้วยหายนะมากบ้างน้อยบ้าง. โปรดจำไว้เลยนะเจ้าจก....”เชื่อเพราะเขาว่า...อันตราย”
โหงวเฮ้งดีสู้เดินดีไม่ได้. เดินดีสู้น้ำเสียงดีไม่ได้ ไม่ใช่ดูแค่ใบหน้าต้องดูถึงหลักนรลักษณ์ศาสตร์. คือดูหน้า ดูช่วงตัว ดูช่วงล่าง(การเดิน) และตัดสินที่ราศีบนใบหน้า
การเร่งวาสนาด้วยการปรับโหงวเฮ้งกรณีได้หมอดีทำออกมาดี(ไม่พูดถึงทำออกมาแล้วโครงหน้าราศีเสีย)จะทำให้งานเข้าเงินดีมีโอกาสดีๆเข้ามา.
แต่ให้สังเกตว่าการเร่งวาสนาจะมีผลกับคนข้างเคียงอย่างไร. เงินเข้ามาง่ายก็ไปง่าย และต้องดูบั้นปลายชีวิต
หากเร่งวาสนาต้องเดินสายบุญเท่านั้นจึงอาจรอดผลกระทบ เมื่อจิตใจดีมีพลัง.(มักจะเกิดได้จากการปฏิบัติธรรม หรือถือศีลกินเจ) ราศีขี่เส็กจะดี น้ำเสียงจะมีพลัง การเดินจะเปลี่ยน แววตาจะแจ่มใสมีพลัง การปรับเปลี่ยนให้สังเกตทุกห้าปี พอเห็นภาพไหมเจ้าจก...?
1 บันทึก
7
3
11
1
7
3
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย