23 พ.ย. 2019 เวลา 01:23 • สุขภาพ
10 ข้อ ประโยชน์ของแตงกวาที่สาวๆควรรู้ยิ่งกินยิ่งสุขภาพดี
สรรพคุณและทรีตเมนต์แตงกวา 43 ข้อ !
แตงกวา ชื่อสามัญ Cucumber
ต้นแตงกวา มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย ในบ้านเราก็นิยมปลูกแตงกวาเป็นอาชีพ เนื่องจากเป็นผักที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว การเก็บรักษาง่ายกว่าผักชนิดอื่น ๆ
โดยแตงกวานั้นจัดเป็นพืชล้มลุก มีรากแก้วและรากแขนงจำนวนมาก สามารถแผ่กว้างและหยั่งลึกได้มากถึง 1 เมตร ลำต้นเป็นเถาเลื้อยยาว 2-3 เมตร
(ด้วยเหตุนี้จึงนิยมปลูกขึ้นค้างเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการปลูกและง่ายต่อการเก็บเกี่ยว)
มีข้อยาว 10 ถึง 20 เซนติเมตร และหนวดบริเวณข้อช่วยเกาะยึดลำต้น
ต้นแตงกวา
ใบแตงกวา ก้านใบยาว 5 –15เซนติเมตร มีมุมใบ 3 ถึง 5 มุม ปลายใบแหลม ทั้งลำต้นและใบมีขนหยาบ
ใบแตงกวา
ดอกแตงกวา ลักษณะดอกแตงกวามีกลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบ ดอกตัวเมียมีลูกแตงกวาเล็ก ๆ ติดมาด้วย
ส่วนดอกตัวผู้สังเกตที่ด้านหน้าดอกมีเกสรยื่นออกเล็กน้อยและไม่มีลูกเล็ก ๆ ติดที่โคนดอก
ดอกแตงกวา
หากจะยถึงผักที่สาวๆคุ้นหน้าคุ้นตากันดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นผักที่มีชื่อว่า“ แตงกวาเนื่องจากว่าแตงกวาเป็นเครื่องเคียงของอาหารตามสั่งอาหารจานเดียว ข้าวผัด ข้าวมันไก่
และอีกสารพัดเมนที่ต้องใช้แตงกวาแต่เราเชื่อเลยว่าต้องมีสาวๆบางคนที่มักเขียแคมกวาไว้ข้างจานมอๆวันนี้ก็เลยนำข้อมูลดีๆมาบอกสาวๆ SistaCafe กันรับรองว่าอ่านจบแล้วจะอยากทานแตงกวากันเลยค่ะ
1. ช่วยเพิ่มความสดชื่น
แตงกวามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 95. 2 เปอร์เซ็นต์ซึ่งหมายความว่าแตงกวา 5 ออนซ์ประกอบด้วยน้ำ 4. 8 ออนซ์หรือ 150 มล. นั่นคือประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำดื่มที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
2. บำรุงหัวใจ
แตงกวามีโพแทสเซียม 152 มิลลิกรัมต่อถ้วยซึ่งสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ผลการศึกษาวิจัยที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปริมาณโพแทสเซียมพบว่าการบริโภคโพแทสเซียมที่สูงขึ้นจะทำให้ความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองลดลงและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย
3. ป้องกันโรคทางระบบประสาท
สารต้านการอักเสบที่เรียกว่า fsetin มีอยู่ในแตงกวา
(สารนี้เองก็มีอยู่ในสตรอเบอร์รี่และองุ่นอีกด้วย)
โดย fsetin มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสมองโดยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับอายุการทำงานของสมองและยังช่วยทำให้ผู้ป่วยดรคอัลไซม์เมอร์มีการรับรู้ทางสมองที่ดีขึ้น
4. ปกป้องการเกิดริ้วรอย
คุณอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายๆยี่ห้อที่เลือกใช้แตงกวาเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าแตงกวาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผักที่มีประสิทธิภาพในด้านของการต่อต้านริ้วรอยจึงไม่น่าแปลกใจที่แตงกวาจะทำให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีกว่าเดิม
5. ลดการอักเสบในร่างกายและลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
แตงกวามี polyphenols ที่จะช่วยลดการอักเสบนอกจากนี้สาร tignans ที่พบในแตงกวาเองก็ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิดและยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้นอกจากนี้แตงกวายังมีสารอาหาร Cucurbitacins ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็งอีกด้วย
6. บรรเทาอาการปวด
Flavonoids ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบและแทนนินในแตงกวามีหน้าที่ในการปลดปล่อยอนุมูลอิสระในร่างกายและยังสามารถลดความเจ็บปวดในร่างกายได้อีกด้วย
7. ลดกลิ่นปาก
กลิ่นปากมักเกิดจากแบคทีเรียในปากผักที่อุดมด้วยไฟเบอร์และน้ำอย่างแตงกวาจึงสามารถเพิ่มการผลิตน้ำลายในปากของคุณได้เมื่อน้ำลายในปากเพิ่มขึ้นก็จะไปล้างแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นในปากได้นั่นเอง
8. ปกป้องกระดูก
แตงกวาอุดมไปด้วยวิตามินเคแตงกวาแค่หนึ่งถ้วยก็มีปริมาณวิตามินเอสูงถึง 229% ซึ่งวิตามินชนิดนี้มีความจำเป็นต่อความแข็งแรงของกระดูกหากว่าบริโภควิตามินเคต่ำก็จะมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกแตกเพราะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการช่วยดูดซึมแคลเซียมในกระดูกนั่นเอง
9. ป้องกันอาการท้องผูก
แตงกวาอุตมไปด้วยน้ำส่วนเนื้อของแตงกวาก็มีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำอยู่ด้วยทั้งน้ำและเส้นใยช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารได้เร็วและง่ายดายแตงกวาจึงช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
10. ควบคุมน้ำหนัก
แตงกวาแคลอรี่ต่ำมาก (16 แคลอรี่ต่อถ้วย) และนอกจากนี้แตงกวาก็ยังมีเส้นใยในผิวหนังและเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าอาหารที่มีเส้นใยจำนวนมากสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้
สรรพคุณของแตงกวา
1. แตงกวามีสรรพคุณช่วยแก้กระหาย ลดความร้อนในร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
2. ช่วยกำจัดของเสียที่ตกค้างในร่างกาย
3. แตงกวามีสารฟีนอลที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ
4. ผลและเมล็ดอ่อนมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านมะเร็ง
5. ช่วยลดความดันโลหิต (เถาแตงกวา)
6. ช่วยรักษาสมดุลต่าง ๆ ในร่างกาย รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ระดับภูมิคุ้มกันให้อยู่ในสุขภาพดี
7 .ช่วยควบคุมระดับความดันเลือดและความสมดุลของสารอาหารในร่างกาย (โพแทสเซียม, แมงกานีส)
8 .ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ ระบบการหมุนเวียนเลือด (แมกนีเซียม)
9. ช่วยเสริมสร้างการทำความของระบบประสาท เพิ่มความจำ (ผล, เมล็ดอ่อน)
10. ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ (ผล, เมล็ด)
11. เส้นใยอาหารจากแตงกวาช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ให้พลังงานต่ำ เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
12. ช่วยแก้ไข้ (น้ำแตงกวา)
13. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ โดยใช้นำคั้นจากผลแตงกวานำมากลั้วคออย่างน้อยวันละ 3 ครั้งจะช่วยทำให้อาการดีขึ้น
14. ช่วยลดอาการนอนไม่หลับ (น้ำแตงกวา)
15. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (น้ำแตงกวา)
16. ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก
17. ช่วยแก้อาการท้องเสีย บิด (ใบแตงกวา)
18. น้ำคั้นจากแตงกวามีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ
19. ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารในร่างกาย
20. น้ำแตงกวามีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ
21. ช่วยลดอาการบวมน้ำ
22. จากผลงานวิจัยพบว่าแตงกวามีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อน ๆ ในการช่วยยับยั้งแบคทีเรีย กระตุ้นลำไส้เล็กและมดลูกให้หดตัว กระตุ้นการสร้างแบคทีเรีย ยับยั้งไทรอยด์เป็นพิษ ต่อต้านการกลายพันธุ์ ต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอก ช่วยฆ่าพยาธิ กระตุ้นการสร้าง interferon ช่วยไล่แมลง ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ลบรอยแผลเป็น เป็นต้น
23. แตงกวาอุดมไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่มีผลต่อการสร้างเสริมสุขภาพผิวที่ดี และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติหรือ Natural Moisturizing Factors (NMFs)
และยังมีกรดอะมิโนซีสทีน (Cystine) และเมไธโอนีน (Methionine) ที่ช่วยทำให้เกิดความยืดหยุ่นแก่ผิวด้วย
24. แตงกวามีสารแอนโทแซนทิน (Anthoxanthins) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ ลดอาการปวดข้อเข่าและช่วยต้านเชื้อวัณโรคได้ การดื่มนำคั้นจากแตงกวาเป็นประจำก็จะช่วยบำรุงเส้นผม เล็บและผิวหนังได้เป็นอย่างดี
และยังช่วยชะลอวัยให้เส้นผม แก้ปัญหาผมบางได้อีกด้วยแตงกวานิยมนำมารับประทานเป็นผักเคียงกับน้ำพริก อาหารจานเดียว ฯลฯ ช่วยผ่อนคลายความเผ็ด และช่วยแก้เลี่ยนในอาหารจานเดียว
ทรีตเมนต์แตงกวา
ทรีตเมนต์แตงกวา
1. สูตรป้องกันสิวและสิวหัวดำ ด้วยการใช้เนื้อแตงกวานำมาขูดเป็นฝอยแล้วใช้พอกบริเวณหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หมั่นทำบ่อย ๆ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดสิวต่าง ๆ ได้
2. สูตรหน้าขาว ด้วยการใช้น้ำคั้นจากผลแตงกวาและนมสดในปริมาณเท่ากัน แล้วเติมน้ำลอยกลีบกุหลาบประมาณ 3 หยด แล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยทำให้ผิวหน้านุ่มและดูขาวยิ่งขึ้น
3. สูตรหน้าใส ด้วยการใช้น้ำลอยกลีบกุหลาบและน้ำมะนาวเล็กน้อย
(น้ำลอยกลีบกุหลาบควรใช้กลีบมากหน่อย น้ำน้อย ๆ เพื่อให้มีน้ำมันหอมจากกลีบกุหลาบอยู่ในน้ำ)
แล้วนำมาผสมกับน้ำคั้นแตงกวา นำมาทาบนผิวหน้าก็ช่วยทำให้ผิวหน้าดูสดใสยิ่งขึ้น (เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่มีผิวมัน)
4. สูตรหน้าใส ไร้สิว ผิวเกลี้ยงเกลา ด้วยการใช้แตงกวาผ่าครึ่ง 1 ซึก, สตรอว์เบอร์รี 2 ลูก, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำขิงสดคั้นจากราก นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในเครื่องปั่น แล้วปั่นจนเนื้อเข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
(อาจรู้สึกแสบ ๆคันบ้าง สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่ายอาจต้องระวังสักนิด)
5. สูตรบำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอย ด้วยการใช้น้ำคั้นจากแตงกวา น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำผึ้ง น้ำลอยกลีบกุหลาบ
และกลีเซอรีนอย่างละเท่า ๆ กัน แล้วนำมาใช้ทาบริเวณผิว จะช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และตึงกระชับมากยิ่งขึ้น
6. สูตรผิวนุ่มชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง บรรเทาอาการอักเสบและช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ด้วยสูตรแตงกวาและน้ำผึ้ง โดยการใช้น้ำผึ้ง 8 ออนซ์, น้ำมะนาว 10 หยด และแตงกวาฝานแผ่นบาง ๆ ขั้นตอนแรกให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะนาว แล้วทาลงบนใบหน้าแล้วนวดประมาณ 15 นาที แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก
หลังจากนั้นก็วางแผ่นแตงกวาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก โดยแตงกวาจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ใต้ผิว ทำให้ผิวเย็น ตึง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวโดยไม่ทำให้หน้ามัน เมื่อครบ 10 นาทีแล้วก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออกอีกครั้งเป็นอันเสร็จ
7. สูตรกระชับรูขุมขน ด้วยโลชันน้ำผลไม้ ขั้นตอนแรกให้เตรียมน้ำแตงกวา น้ำมะเขือเทศ น้ำแตงโม และน้ำมะนาว อย่างละ 1 ช้อนชา แล้วนำมาผสมให้เขากัน จากนั้นให้ใช้สำลีแต้มส่วนผสมแล้วเช็ดเบา ๆ ให้ทั่วบริเวณใบหน้า ก็จะช่วยสมานผิวทำให้รูขุมขนดูกระชับแทนการใช้โทนเนอร์ได้
ทรีตเมนต์แตงกวา
8. สูตรลดรอยด่างดำบนผิว ด้วยการดื่มน้ำจากผลแตงกวา และทาน้ำแตงกวาผสมกับน้ำกลีบกุหลาย (อัตราส่วนเท่ากัน) ลงบนผิวที่มีรอย
ก็จะช่วยลดรอยด่างดำบนผิวหนัง และรอยจากการถูกยุงกัดได้
9. สูตรแก้ปัญหาผิวไหม้จากแสงแดดด้วยโลชันแตงกวา จากสูตรน้ำแตงกวาคั้นผสมกับกลีเซอรีน 1/2 ช้อนชา แล้วนำมาทาบริเวณที่ถูกแดดเผา ก็จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น
และช่วยลดการอักเสบได้อีกด้วย
10. สูตรบำรุงผิวรอบดวงตา แก้ปัญหาขอบตาคล้ำ ด้วยการใช้แตงกวานำมาหั่นเป็นแว่นตามขวาง แล้วนำมาวางบนเปลือกตาแล้วนอนในที่เงียบสลัว ๆ ก็จะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของสายตาได้เป็นอย่างดี
11. สูตรลดถุงใต้ตา ด้วยการใช้น้ำคั้นจากผลแตงกวาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำคั้นจากมันฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาทาบริเวณใต้ตาหรือรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
12. สูตรลดอาการตาบวม เนื่องมาจากการนอนดึกหรือจากการร้องไห้ วิธีการก็คือให้นำแตงกวาแช่เย็นมาหั่นเป็นแว่นบาง ๆ แล้วนำมาวางบนเปลือกตา หลับตาลงนอนพักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก็จะช่วยลดอาการตาบวมได้
13. สูตรแก้อาการแสบตา ระคายเคืองตา ปวดกล้ามเนื้อตา ใต้ตาคล้ำ ตาแห้ง ตาพร่ามัว ด้วยการใช้แตงกวาแช่เย็นที่หั่นเป็นแว่นมาวางบริเวณดวงตาประมาณ 10 นาที แล้วพักสายตาในห้องมืด ๆ ก็จะช่วยทำให้ดวงตากลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
14. สูตรลดรอยหมองคล้ำใต้รักแร้ หลังอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวให้แห้งแล้วให้เตรียมน้ำคั้นจากแตงกวา 1 ช้อนชา, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
และผงขมิ้นครึ่งช้อนชา แล้วใช้สำลีชุบน้ำมันมะพร้าวนำมาเช็ดบริเวณรักแร้ หลังจากนั้นให้ผสมน้ำคั้นแตงกวา น้ำมะนาว และผงขมิ้นให้เข้ากัน แล้วนำมาทาบริเวณรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
15. สูตรป้องกันผมเสียจากคลอรีน ด้วยการผสมไข่ 1 ฟอง, น้ำมันมะกอก 3 ช้อนชา, เนื้อแตงกวา 1/4 ผล แล้วนำมาชโลมบนเส้นผมทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
วิธีทำน้ำคั้นจากแตงกวา
น้ำคั้นแตงกวา
1. ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ แตงกวา 2 ผล, น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาวครึ่งลูก, น้ำแข็ง 1 ถ้วย และน้ำเปล่า 2 ถ้วย
2. นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในโถปั่น แล้วปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน รินใส่แก้ว เป็นอันเสร็จ
3. ปริมาณส่วนผสมดังกล่าวสามารถปรับได้ตามใจชอบ หรือจะใส่ผลไม้ชนิดอื่นอย่างแตงโม แคนตาลูป ฯลฯ ลงไปด้วยก็ได้
4. จากสูตรสามารถใช้น้ำเพียง 1 ถ้วย ปั่นเสร็จเทใส่แก้วแล้วเติมโซดาเย็น ๆ 1 ถ้วยแทนก็ใช้ได้เหมือนกัน
คำแนะนำ :
ถ้าจะนำแตงกวามาปั่นทานทุกวันก็ไม่อาจจะไม่ค่อยเป็นผลดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่ เพราะแตงกวามีกรดยูริก (ซึ่งอยู่ในน้ำเมือกใส ๆ)
โดยเฉพาะถ้าเป็นการนำมาปั่นสด ๆ แล้วรับประทานทุกวัน ร่างกายก็อาจจะสะสมกรดยูริกเข้าไป ถ้าหากร่างกายกำจัดออกไม่หมด ก็จะไปสะสมทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแคลเซียมในกระบวนการสร้างเซลล์กระดูก ความแข็งแรงของเม็ดเลือด
ผลที่ตามมาอาจทำให้เกิดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเกาต์ (ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้ออยู่แล้วก็ควรระวังให้มาก)
ได้รู้คุณประโยชน์ของแตงกวาหากว่าสาวๆคนไหนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วยังเขี่ยแตงกวาอยู่ล่ะก็ต้องลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ดูนะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะบ้ายบาย
ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
ปรารถนาดี?จาก "มนุษย์?ขาดผัก"
#นิสัยรักสุขภาพทำให้คนข้างๆสุขภาพดีไปด้วย
#นิสัยรักสุขภาพ เป็นโรคติดต่อชนิดใหม่
แหล่งอ้างอิง : รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), สถาบันการแพทย์แผนไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โฆษณา