27 พ.ย. 2019 เวลา 04:27 • บันเทิง
รีวิว Klaus มหัศจรรย์ตำนานคริสต์มาส คะแนน 9/10
ด้วยความที่ทนกระแสคนรอบข้างไม่ไหว ใคร ๆ ก็ต่างชมว่าเรื่องนี้ดีมาก เมื่อมีโอกาสเปิดดูจึงพบว่านี่ไม่ใช่อนิเมชั่นที่ดีเฉย ๆ แต่ถึงขั้นยอดเยี่ยม "Klaus มหัศจรรย์ตำนานคริสต์มาส" ภาพยนตร์อนิเมชั่นจากสเปนเรื่องนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของซานตาครอสซึ่งนี่ก็เป็นตำนานอีกบทหนึ่ง โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครชื่อว่า "เจสเปอร์" ลูกชายของมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจไปรษณีย์ ที่หลงใหลในความร่ำรวยและสุขสบายจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวที่นิสัยเสีย
พ่อจึงดัดสันดานลูกชายโดยส่งไปเป็นบุรุษไปรษณีย์ยังเมืองห่างไกลที่ชื่อว่า “สเมียเรนส์เบิร์ก” เมืองเสื่อมโทรมที่เกิดจากความเกลียดชังของคนในเมือง เจสเปอร์จะต้องส่งจดหมายให้ได้ 6,000 ฉบับภายใน 1 ปี ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดขาดจากกองมรดก เจสเปอร์ต้องทำทุกวิธีเพื่อให้เขาบรรลุภารกิจและกลับบ้านไปเสพสุข
ในเมือง “สเมียเรนส์เบิร์ก” นี้ถูกแบ่งเป็นสองตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ การส่งจดหมายหากันจึงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ส่วนสาเหตุที่เป็นศัตรูกันนั้นเพราะอะไรไม่มีใครทราบ รู้แค่ว่าต้องเป็นศัตรูกัน การรบกันระหว่างสองตระกูลจึงกลายเป็นประเพณีของเมือง
คล้าย ๆ บ้านเราเลยแฮะ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ถวายม้าลายแก้บน เจ้าพ่อเจ้าแม่เป็นคนแอฟริกาเหรอ หรือขับรถผ่านศาลเจ้าต้องกดแตรรถเพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ทำตาม ๆ กันมาจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
ต่อ ๆ ที่สเมียเรนส์เบิร์กนี้เอง เจสเปอร์ได้พบกับ "เคล้าส์" ช่างไม้ร่างใหญ่น่ากลัวที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษ และ "อัลวา" ครูสาวที่ไม่มีนักเรียนให้สอน เธอจึงเปลี่ยนโรงเรียนให้กลายเป็นร้านขายปลา
ถึงตอนนี้เราจะได้มุมมองที่ต่างกันสามแบบผ่านตัวละครสามคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเน่า ๆ นี้ คือ "เคล้าส์" ชายผู้เชื่อในการทำความดีโดยไม่หวังผลประโยชน์ กับ "เจสเปอร์" ที่หวังผลประโยชน์จากการทำความดี และ "อัลวา" ตัวแทนของคนหนุ่มสาวที่มีความฝัน แต่ต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่ความเลว ถูกสังคมกลืนกินจนกลายเป็นส่วนนึงของระบบ หลงลืมอุดมการณ์ของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่ทั้งสามคนมีเหมือนกันก็คือ "การเป็นคนที่ไร้ตัวตน" ในเมืองที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ ความที่เจสเปอร์เป็นคนรักสบายและขี้เกียจ สมองจึงเป็นสิ่งเดียวของเขาที่พอมีประโยชน์ แผนการกลับบ้านจึงเริ่มต้นขึ้น
ด้วยความร่วมมือจากคุณเคล้าส์ผู้มีฝีมือในการทำของเล่น เจสเปอร์ก็พุ่งเป้าไปที่เด็ก เพราะไม้อ่อนย่อมดัดง่ายกว่าไม้แก่ เจสเปอร์สร้างเงื่อนไขในการรับผลประโยชน์จากการเขียนจดหมายหาคุณเคล้าส์เพื่อแลกกับของเล่น และเมื่อจะเขียนจดหมายก็ต้องไปเรียนหนังสือ อัลวาจึงได้กลับมาทำหน้าที่ครูอีกครั้ง
ส่วนคุณเคล้าส์ก็มีความสุขจากการมอบของเล่นให้เด็ก ๆ เพราะมันได้เติมเต็มบางสิ่งของเขาที่ขาดหายไป โดยเขาก็ได้ตั้งกฎไว้ว่าต้องแอบไปส่งของเล่นตอนกลางคืนเพื่อไม่ให้ใครเห็น จากวันเป็นเดือน เดือนเป็นปี เรื่องเล่าถูกส่งต่อจากคนนึงสู่อีกคนนึงว่าคุณเคล้าส์จะให้ของขวัญแก่เด็กที่ทำดีจนเป็นตำนาน
เด็ก ๆ ในเมืองจึงต่างพากันทำความดีเพื่อของเล่น จนความดีนั้นติดเป็นนิสัยและส่งต่อความดีนี้ให้กับคนอื่น ๆ ในเมือง เจสเปอร์หลอกทุกคนให้ทำความดีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่หารู้ตัวไม่ว่าวิธีการของเจสเปอร์ได้เปลี่ยนแม้กระทั่งตัวเขาเองจากคนเห็นแก่ตัว กลายเป็นคนที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดี
แต่ความดีที่ได้จากการแสวงหาผลประโยชน์นั้นไม่ใช่ความดีที่แท้จริง เจสเปอร์ได้เรียนรู้ความผิดนั้นกลายเป็นว่านี่เป็นหนัง Coming of Age ที่ใช้ความดีก้าวผ่านความเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุนี้ เจสเปอร์ เคลาส์ และอัลวา จึงกลายเป็นคนที่มีตัวตนในเมืองนี้ ทุกคนสลายปมในใจ เปลี่ยนเมืองเน่า ๆ ให้กลายเป็นเมืองที่มีความรัก แต่ก็เหมือนกันทุกที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมจะมีคนแก่ ๆ พยายามที่จะขัดขวางทุกวิถีทาง แต่การทำความดีของเด็ก ๆ ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองและจิตใจของผู้ใหญ่ไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
คุณค่าของหนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่หัวใจหลักของเรื่องนี้คือ “การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง จุดประกายให้เกิดการทำความดีเสมอ” ที่หนังได้ร้อยเรียงเรื่องราวเอาไว้อย่างดีผ่านคุณค่าของการทำงาน การเรียน และความรัก ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ โดยไม่ได้ยัดเยียดความดีแต่ปล่อยให้ผู้ชมซึมซับไปกับเนื้อเรื่อง
หนังไม่ได้จบอย่างที่อนิเมชั่นสำหรับเด็กควรจะเป็น แต่ทว่าได้พาเราไปไกลกว่านั้น มิตรภาพระหว่างเคล้าส์กับเจสเปอร์ จะจุดประกายความดีในตัวคุณและนั่นจะทำให้คุณจะเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
โฆษณา