28 พ.ย. 2019 เวลา 11:59 • ความคิดเห็น
แกะปมดราม่า เรื่องการแบน 3 สารผิดอันตรายที่ไม่จบซะที
“เกษตรกรไทยเถียงกันกับผู้ใหญ่ในกระทรวงจะเป็นจะตายสุดท้ายคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดกลายเป็นฝรั่ง...”
ยินดีต้อนรับสู่เพจ I’m sam สำหรับคนที่เข้ามาใหม่ และผมก็ดีใจมากๆที่ยังมีพี่น้องคนเก่าๆแวะเข้ามาอ่านนะครับ
ก่อนอื่นเลยผมขออธิบายสั้นๆก่อนเข้าเนื้อหาว่า
1.ผมไม่ใช่นักเขียนที่เก่ง ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าจะได้เจอโครงสร้างสวยๆในโพสต์ของเพจนี้
2. โพสต์นี้ไม่ได้เจตนาพาดพิงให้ผู้ใดเสียหาย
3.หากคุณไม่เคยรู้เรื่อง 3 สารพิษอันตรายมาก่อน คุณก็สามารถเข้าใจเรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ได้
เข้าใจตรงกันนะครับ
เริ่ม!!
ย้อนเวลากลับไปสมัยพระเจ้าเหา ประเทศไทยเราก็เป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เพรียบพร้อม
แผ่นดินส่วนใหญ่แม้ไม่ได้ถูกอ้อมด้วยภูเขาและลุ่มแม่น้ำใหญ่
แต่แผ่นดินไทยก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในขุมทองด้านทรัพยากรธรรมชาติของเอเชียทีเดียวเชียว
.
นั่นเป็นเหตุทำให้พี่น้องชาวไทย ตั้งแต่สมัยก่อนนับมาจนถึงสมัยนี้ มีอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรซะส่วนมากถ้านับย้อนไปสัก 20 ปี แผ่นดินไทยนี้ก็เรียกได้ว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
อยากกิน ออากปลูกอะไร เราก็ทำได้เลย
.
แต่สมัยนี้ทุกสิ่งที่เราเคยมีก็มีวิวิฒนาการ ใหม่ๆซะหมด
จากสมัยก่อนที่ใช้ควายไถนาก็มีรถไถมาแทนที่
จากที่มีการช่วยกันเกี่ยวข้าว ก็ใช้ รถเกี่ยวแทน
ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องจักรที่มาแทนที่เหล่านี้ เป็นสิ่งใหม่ที่หวังให้ มนุษย์อย่างเราๆสบายมากขึ้น
แต่ที่น่าสนใจที่สุด มันไม่ใช่แค่เครื่องจักร เพราะมนุษย์ได้สร้างสิ่งใหม่ที่เกษตรกรไทยหลงรักมากๆขึ้นมา
นั่นคือพวกน้ำยาด้านการเกษตร
นี่จึงเป็นเหตุให้หลายๆอย่างเปลี่ยนไป เพราะ น้ำยาพวกนี้ช่วยให้มีผลผลิตไวขึ้น ต้นทุนลดลง
แต่มันก็ต้องแลกด้วยราคาที่แพงคือ ธรรมชาติแบบเดิมๆที่สูญเสียไป
ในน้ำแทบไม่เหลือปลา เพราะน้ำยามีผลให้ปลาลดประชากรลง
ในนายังมีข้าว แต่ก็ไม่ใช่ข้าวธรรมชาติอย่างที่มันควรเป็น
และนักวิชาการหลายคนก็เริ่มเห็นสิ่งที่มันเปลี่ยนไปหลายปี
พวกเขาได้เริ่มศึกษาน้ำยาเหล่านี้และค่อยๆพบว่า มันมีสถิติต่อ การเสี่ยงเสียชีวิตของมนุษย์
.
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ปี 2562
เรียกได้ว่าเป็นปีที่ประเทศไทยเกิดประเด็นใหญ่ที่สุดดด้านการเกษตรประเด็นนึงก็ว่าได้
เพราะ น้ำยาเคมีต่างๆที่เกษตรกรไทยสุดแสนจะรักมัน ถูกผู้ใหญ่ในกระทรวงของรัฐบาลบอกว่า
“ฉันจะห้ามใช้สารพวกนี้แล้วนะ”
ดราม่าจึงบังเกิด...
.
ดราม่าสุดเริ่ดมันเริ่มอย่างที่ทุกคนเข้าใจเลยครับ
เริ่มแรกมันมีสองฝั่งหลักๆคือ
ฝั่งที่1.กระทรวงของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
ฝั่งนี้บอกว่าจะไม่ให้ใช้ 3 สารพิษอันตราย ซึ่งมีชื่อที่จำยากๆว่า
พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต สาเหตุที่จะแบนเพราะเห็นว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพระยะยาวนะ!
ฝั่งที่2.กลุ่มพี่น้องเกษตรกรไทย
ฝั่งนี้บอกว่า มันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะหากไอ้ 3 ตัวนี้ถูกแบนไป เกษตรกรไทยจะต้องเพิ่มต้นทุนการผลิตสูงมากๆแบบนี้ค่าสินค้าก็ต้องขายแพงขึ้นนะ แล้วใครจะมาซื้อ
แล้วกระทรวงของรัฐไม่ได้ศึกษา 3 สารพวกนี้ชัดเจนเลยว่า มันให้คุณให้โทษมากแค่ไหน เราไม่เห็นด้วย!
เมื่อมีสองฝั่งเกิดขึ้น เขาก็เถียงกันยาวมากครับ
และเมื่อถึงคราวสรุปก็กลายเป็นว่า ไทยจะจบปัญหานี้ด้วยการ
“พร้อมแบน 3 สารอันตราย”
.
เรื่องทั้งหมดก็ดูเหมือนจะจบใช่มั้ยหล่ะครับ
แต่นั่นไม่ใช่ตอนจบ
เพราะหลังมีประกาศบอกว่าจะแบน 3 สารอันตราย รัฐบาลได้ค้นพบปัญหาทีหลังว่า
ไอ้หยา ซวยแล้วว
เพราะที่กระทรวงต่างๆถียงกับกลุ่มเกษตรกรชาวไทย นานๆนั่นหน่ะ
มันเป็นแค่ปัจจัยภายในครับ
.
แต่กระทรวงต่างๆแทบไม่ได้มองไปที่ปัจจัยภายนอกเลย..
เล่าง่ายๆนะครับคือ นอกจากบ้านเราจะกินพืซผัก เนื้อสัตว์โน่นนี่ในประเทศแล้ว
เรา ยัง มี ของ นำ เข้า จาก ต่าง ประ เทศ
ดูปากณัชชานะคะ
เรา ยัง มี ของ นำ เข้า จาก ต่าง ประ เทศ
ซึ่งไอ้ของที่นำเข้ามานั่นหน่ะ มันมาจากหลายทางมาก ทั้งพี่จีนแผ่นดินใหญ่ และดินแดนห่างไกลอย่าง อเมริกา!!
ซึ่งนี่แหละเป็นดราม่ายกที่สอง!
เพราะโซเชียลช่วงที่ประกาศแบน 3 สารออกมาครับ
เราก็คงเห็นๆเขารุมด่ากันว่า เราปิดหูปิดตาในประเทศแต่ไปนำของจากจีนเข้ามาไม่หยุด
แต่เรื่องของจีน มันก็เป็นแค่ชุดข้อมูลที่เขาด่ากันในโซเชียล มันไม่ได้มีผลต่อไฟเขียวไฟแดงต่อการแบนแต่อย่างใด
รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็เหมือนจะผิวปาก ไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งนี้
แต่จะมีใครหารู้ไม่ว่า ปัญหาใหญ่มันตู้มมมมมเข้ามาแล้ว
.
ปัญหาที่ว่าไม่ได้มาจากจีน ไม่ได้มาจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงแต่อย่างใด
แต่ปัญหาใหญ่ มาจากข้อตกลงที่ไทยเคยได้รับมาจาก อเมริกา!!
สิ่งๆนั้นเรียกว่า สิทธิ GSP
มันคืออะไร
GSP อธิบายง่ายๆคืออเมริกาเขารวยแล้ว เขาเลยให้ประเทศเล็กๆกำลังพัฒนาเอาสินค้าเข้าไปขายในประเทศเขาโดยที่เราไม่ต้องเสียภาษีใดๆ แต่ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขโน่นนี่ของเขา
.
นี่แหละคือสิ่งที่มาสะกิดให้การแบน 3 สารในบ้านเราชะงัก ทันที!
เพราะพี่ทรัมป์หลังจากทราบเรื่องว่าไทยจะแบน 3 สาร ซึ่งได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต
และประเด็นคือ “อเมริกายังใช้ ไกลโฟเซตอยู่”
1 วันต่อมา กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการแบน 3 สารถึงกับต้องตาค้าง ร้องอู้วหูวววววเลยครับ
เพราะ อเมริกา ประกาศว่าจะระงับสิทธิ GSP ไทย
พร้อมมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาเป็นนัยว่า
“เฮ้ย ไทยแลนด์ บ้านยูจะแบน 3 สารจริงดิ
บ้านไอยังใช้ 1 ใน 3 ของที่ยูจะแบนนะเว้ย มันจะมีผลอะไรยังไงกับการนำเข้าสินค้าบ้านไอรึเปล่า
เอาเป็นว่า ไออยากให้ยูช่วยอนุเคราะห์พิจารณาเรื่องนี้ดีๆนะ ก็เราทำโน่นนี่กันไว้เยอะ เรามันคนกันเอง
ยูอย่าพึ่งแบนไกลโฟเซตเลย เนอะ
ไอไม่ได้กดดันยูนะ แค่อยากให้เก็บไปคิด ระหว่างไอให้ยูไปคิด คุณมึงก็เตรียมโดนระงับ GSP ไปก่อนละกัน
บรัย”
พอเจอจดหมายลายลักษณ์อักษรข้อนี้เข้าให้
วันถัดมาผู้ใหญ่หลายคนในกระทรวงก็หัวร้อน โชว์เหนือเลยครับ บอกว่ายังไงเราจะทำเพื่อพี่น้องแล้ว
ยังไงเราก็จะแบน เราไปทำตลาดประเทศอื่นๆเพิ่มก็ได้ สู้เว้ยยย
.
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มเกษตรกรที่ดูเหมือนจะเคยหมดไฟ กลับมามีพลังเถียงอีกครั้ง
โดยบอกว่า เห็นไหมอเมริกามันจะเล่นเราแล้ว พวกเราก็กินแห้วถึยงจนแพ้แล้วครั้งนึงครั้งนี้ช่วยฟังหน่อยเหอะว่าสารพวกนี้มันก็ไม่ได้อันตรายอะไรขนาดนั้น ถ้าพวกคุรในกระทรวงเคยทำเกษตรก็จะรู้ว่าถ้าคนมันใช้เหมาะสมมันก็ให้คุณมากกว่าให้โทษ
แต่กระทรวงต่างๆก็กดปุ่มโกรธให้กับสิ่งนี้
และเดินหน้าที่จะแบนต่อ.........
.
นับจากเกิดประเด็นแบน GSP ก็นับได้ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. โน่นครับ เพราะผมลงโพสต์เก่าๆซีรี่ส์ข่าวไว้อยู่
ทีนี้เนี่ยนะ
มันก็เหมือนกับว่าประชาชนเราจะรับรู้ไปในทางเดียวกันว่า กระทรวงที่เกี่ยวข้องเขาเจ๋งจริงหว่ะ กล้าพูดกล้าทำ
.
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
มาวันนี้มีดราม่าพลิกล็อคโผล่ขึ้นมาครับ
เพราะพวกผู้ใหญ่ในกระทรวง คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิต แห่งกระทรวงอุตสาหกรรม ของพลังประชารัฐ ออกมาบอกว่า
“เราพิจารณาแล้วนะ ไกลโฟเซต มันก็ไม่ได้แย่ ขนาดนั้น เอาเป็นว่าแบน 2 ตัว(ยืดเวลาไปก่อนอีกนิด) ส่วนไกลโฟเซต เราเก็บไว้ควบคุมละกัน...”
.
แค่นั้นแหละ ระเบิดลงตู้มมมเลย
พวกเกษตรกรก็ไม่พอใจสิครับ
เขาสู้มาแทบตาย
บอกว่าไม่ให้แบนทั้งหมดเพราะมันไม่ได้ต่างกัน เราสู้มาตั้งนาน แต่สุดท้ายรัฐบาลแค่ทำตามคำฝรั่ง
พาราควอตมันก็ไม่ปนเปื้อนไม่ตกค้างนะ แล้วทำไมเว้นไว้แค่ไกลโฟเซต เพราะประเทศนอกเขายังใช้หรอ?
ในขณะเดียวกัน
คนที่อยู่ในส่วนเกี่ยวข้องในกระทรวง มันก็จะมีกลุ่มนึงที่เขาบอกให้แบนๆไปเลยเขาก็ไม่เห็นด้วย
อย่างคุณอนุทิน แห่งกระทรวงสาธารณสุขเขาก็ออกมาบอกเลยว่าผิดหวังจริงๆ
.
ซึ่งดราม่าวันนี้ยังไม่จบแค่นั้นครับ
เพราะไบโอไทย เขาก็ออกมาเลยว่าเฮ้ย ทำแบบนี้มันไม่ถูก เพราะ มันมีเคสเมืองนอกที่คนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตายเพราะไกลโฟเซตนะ แล้วไอ้อีก 2 สารที่ยืดเวลาไปก่อนนั่นหน่ะ รัฐต้องการเอื้อ ให้ผู้นำเข้าสารพวกนี้ได้ขายของหมดสต็อคก่อนรึเปล่า
จะยืดเวลาออกทำง่าวอะไร?
อันนี้ก็อีกประเด็นนึง
จอบอ
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้แหละครับเป็นดราม่า 3 สารอันตราย
คำถามคือ เถียงกันยาวๆนานๆแบบนี้ สรุป ใครยังจะได้ประโยชน์จากผลประโยชน์เรื่องนี้บ้าง
ผมตั้งเป็นสมมติฐานเล่นๆครับ
1.นายทุนที่นำสารพวกนี้มาสต็อคเก็งกำไรขาย มีโอกาสได้ถ่ายสินค้าออกก่อนดดนแบน
2.อเมริกายังสามารถนำเข้าสินค้าที่ใช้ไกลโฟเซตได้อยู่เพราะเราไม่แบนแล้ว
แล้วใครเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้
1.กลุ่มเกษตรกร เพราะไม่รู้จะหาอะไรมาทดแทน ในการเร่งทำผลผลิตให้ทันตลาด
2.ประชาชน เราๆอาจได้ กินได้ใช้ ข้าวของพืซผลทางการเกษตรที่ราคาแพงขึ้นในเศรษฐกิจยุคนี้
สรุปเลยละกัน
เรื่องทั้งหมดมันมีดราม่าจากแค่ 3 ทางครับ
คือพี่น้องเกษตรกร กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และอเมริกา
ดังนั้นหากอยากจบดราม่าให้ได้ เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปยาวๆแหละ
เล่าแค่นี้แหละครับ
ไม่มีข้อคิดแต่อย่างใด
แค่อยากให้ได้ทันข่าวทันเหตุการณ์บ้านเมืองกันครับ
I’m sam
ฝากตามไลค์ไปเรื่อยๆชอบเมื่อไหร่ค่อยติดตามครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา