3 ธ.ค. 2019 เวลา 06:00 • ประวัติศาสตร์
"นายกโจว 9"
เมื่อโจวเอินไหลได้มาถึงมณฑลเจียงซีซึ่งเป็นฐานทัพคอมมิวนิสต์จีนทางภาคใต้ หรือ ในตอนนั้นเรียกว่าเจียงซีโซเวียต ในเดือน ธันวาคม ค.ศ.1931
เขาในฐานะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในขณะนั้นได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกองทัพแดงที่เจียงซีโดย ตั้งให้เหมาเจ๋อตงเป็นเลขาธิการของกองกำลังแถวหน้ากับเซียงยิง (Xiang Ying) และโจวเอินไหลเองเข้ารับหน้าที่เป็นหัวหน้ากองทางการเมืองแห่งกองทัพแดงแทนที่เหมาเจ๋อตงแต่เดิม
โจวเอินไหลและเหมาเจ๋อตงในเหตุการณ์ Long March(1935)
ในปี ค.ศ.1933 ทางองค์กรคอมมิวนิสต์สากลได้ส่งตัวแทนมาคุมกิจการภายในพรรคและกองทัพแดงที่เจียงซี มีชื่อว่าโบกู (Bo Gu) และ ที่ปรึกษาชาวเยอรมันชื่อ Otto Braun
โบกู (Bo Gu)
Otto Braun
ในช่วงนั้นเจียงไคเชกได้พยายามส่งกองทัพมาปราบปรามเจียงซีโซเวียตอยู่ถึง 5 ครั้งด้วยกัน แต่กองทัพแดงก็สามารถเอาชนะได้ตลอดโดยใช้วิธีการรบนอกรูปแบบ ซุ่มโจมตีศัตรูและล่าถอยเมื่อเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตามในเดือน กันยายน ค.ศ. 1933 เจียงไคเชกยกทัพมาปราบปรามเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งในครั้งนี้เขาได้เปลี่ยนกลยุทธ์ในการสู้รบใหม่โดยใช้วิธีล้อมศัตรูและโจมตีตีขนาบเข้าไป ซึ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จ กองทัพแดงพ่ายแพ้ไปในที่สุด
1
การเข้าโจมตีของฝ่ายก๊กมินตั๋ง
ในระหว่างการต่อสู้ครั้งที่ 5 เมื่อโจวเอินไหลกับสมาชิกได้ปรึกษากันแล้วและได้ข้อสรุปว่าการต่อสู้ในครั้งนี้กองทัพแดงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน จึงตัดสินใจประกาศละทิ้งฐานที่มั่นในเจียงซี
โจวเอินไหลขณะนั้นได้วางแผนที่จะอพยพทหารกว่า 84,000 นาย และประชาชนบางส่วน ออกไปจากวงล้อมของเจียงไคเชกโดยพยายามให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดและก่อนที่กำลังของเจียงไคเชกจะยึดครองฐานที่มั่นนี้ไว้ได้หมด
โจวเอินไหลได้รับรายงานจากสายลับทางฝั่งกองทัพก๊กมินตั๋งมาว่า ขุนศึกที่เป็นพันธมิตรกับเจียงไคเช็กและกำลังคุมกองทัพใหญ่ล้อมคอมมิวนิสต์จีนอยู่นั้น ไม่ต้องการให้กองกำลังของเขาต้องสูญเสียจากการร่วมมือกับก๊กมินตั๋งมากนัก
โจวจึงได้ส่งคนออกไปเจรจากับขุนศึกนายนั้นจนสำเร็จและสามารถนำกองทัพฝ่าวงล้อมชั้นที่ 1 ออกมาได้สำเร็จโดยไม่มีการสูญเสีย
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงวงล้อมชั้นสุดท้ายของก๊กมินตั๋งกองกำลังคอมมิวนิสต์จีนไม่อาจหลีกเลี่ยงการประทะได้สุดท้ายต้องเข้าต่อสู้กันจนเหลือกองกำลังที่ฝ่าออกมาได้เพียง 36,000 คนเท่านั้น ในเดือน ตุลาคม ค.ศ.1934
3
ขณะนั้นผู้นำคอมมิวนิสต์อย่างโบกู และ Otto Braun เริ่มขวัญเสีย แต่โจวเอินไหลยังคงสงบและคงคำสั่งของเขาในการตีฝ่าวงล้อมออกไปได้
เมื่อออกเดินทาง โจวเอินไหลซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังที่เหลืออยู่ขณะนั้นได้รับฟังข้อเสนอของเหมาเจ๋อตงว่าควรเดินทัพไปยังทางภาคตะวันตกของเมืองกุ้ยโจวซึ่งเหมาคาดว่าในเขตนั้นมีกำลังของศัตรูอยู่ไม่มากนัก ซึ่งขัดกับความคิดของผู้นำพรรคอีกสองคนอย่างโบกู และ Otto Braun
โจวเอินไหลพิจารณาและเห็นด้วยกับความคิดของเหมาเขาจึงสั่งให้นำทัพเดินทางไปยังเมืองจุนอี ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของมณฑลกุ้ยเจียง เมื่อไปถึงก็เป็นไปตามที่เหมาคาดการณ์ไว้บริเวณนั้นการป้องกันของทหารก๊กมินตั๋งอ่อนแอและไกลจากกำลังสนับสนุน ทำให้กองกำลังคอมมิวนิสต์ยึดเมืองได้สำเร็จ
แสดงเส้นทางการเดินทางของคอมมิวนิสต์จีนในเหตุการณ์ Long March
ที่นั่นโจวเอินไหลได้จัดประชุมพรรคเพื่อหาสาเหตุของการพ่ายแพ้ที่เจียงซีและทิศทางการดำเนินงานของพรรคต่อไป
ในที่ประชุมผู้นำพรรค โบกูและ Otto Braun ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากความล้มเหลวในการนำทัพที่เจียงซีสู่ความพ่ายแพ้ แต่โจวยังคงดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคอยู่ เนื่องจากเขาประสบความสำเร็จในการวางแผนเพื่อเอาชนะกองทัพก๊กมินตั๋งในครั้งที่4 และขณะนั้นโจวเอินไหลกำลังสนับสนุนเหมาเจ๋อตงผู้ซึ่งกำลังมีอิทธิพลต่อเสียงภายในพรรค
หลังจากการประชุมครั้งนั้น เหมาเจ๋อตงจึงได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของโจวเอินไหล ตลอดการเดินทางจนกระทั่งถึงมณฑลซานซี โจวเอินไหลจึงมอบตำแหน่งผู้นำพรรคสูงสุดให้เหมาเจ๋อตง ส่วนตัวเขาดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานพรรค นับแต่นั้นมา
2
เหตุการณ์ Long March การเดินทัพทางไกลของฝ่ายคอมมิวนิสต์จีนออกจากมณฑลเจียงซีไปทางตะวันตกและวกขึ้นทางเหนือไปถึงมณฑลซานซี โดยมีระยะทางกว่า 10,000 km ใช้เวลาประมาณ 1 ปี สูญเสียกำลังพลมากมาย สุดท้ายสามารถสร้างฐานที่มั่นใหม่ได้สำเร็จอีกครั้งใน วันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.1935 ที่มณฑลซานซี
การเดินทัพในเหตุการณ์ Long March
เรื่องราวของโจวเอินไหลภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตงจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามได้ในตอนถัดไปครับผม
สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ /\
References:
โฆษณา