Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คิดต่าง | พูดต่าง
•
ติดตาม
2 ธ.ค. 2019 เวลา 13:21 • การศึกษา
เคยไหม...ที่คุณถูกเมินเพราะคุณพูดไม่น่าสนใจมากพอ
เคยไหม...ที่คุณรู้สึกว่าเวลาฉันพูดมันช่างไม่มีเสน่ห์และชีวิตชีวาเอาเสียเลย
เคยไหม...ที่คุณรู้สึกไม่มั่นใจในการพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก
ว่าแต่ว่า...จะทำอย่างไรให้ฉันพูดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพกันละ?
ถ้าหากคุณมีคำถามนี้เด้งขึ้นมาให้หัวแล้วละก็...
งั้นเรามาเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า😁
ก่อนเข้าสู่เคล็ดลับ เรามาทำความเข้าใจเรื่องของการสื่อสารกันซักเล็กน้อยกันก่อนดีมั้ยครับ
อัลเบิร์ต เมห์ราเบียน(Albert Mehrabian) นักวิชาการด้านการสื่อสารได้อธิบายผลวิจัยของเขาในเรื่องของการสื่อสารว่า โดยทั่วไปแล้วการจะสื่อสารให้ประสบความสำเร็จได้นั้นประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ
• คำพูด(หัวข้อ/ข้อมูล/เนื้อหา/คำศัพท์)เพียงแค่ 7% เท่านั้น
• น้ำเสียงในการพูด 38%
• ภาษากาย 55% ซึ่งนั่นมีผลอย่างมาก
คำพูด < น้ำเสียง < ภาษากาย
การเลือกใช้คำพูดที่แตกต่างเพื่อสื่อความหมายเดียวกันนั้นมีผลต่อการสื่อสารเพียง 7% เท่านั้น ตัวอย่างเช่น เชิญรับประทาน เชิญทาน นิมนต์ฉัน(ตามอิริยาบถ) ก็มีความหมายเหมือนกันคือ กินสิ
ต่อมาคือการใช้น้ำเสียง(Mood & Tone) ซึ่งมีผลในการสื่อสารมากถึง 38% ตัวอย่างที่ทุกคนจะเห็นภาพชัดมากที่สุดคือคำว่า ขอโทษ แน่นอนว่าคำๆนี้เมื่อใช้น้ำเสียงที่แตกต่างกันย่อมทำให้ความรู้สึกของผู้ฟังเปลี่ยนไปตามน้ำเสียงที่ได้ยิน คนหนึ่งขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ส่วนอีกคนทำเสียงขึงขังกระแทกน้ำหนักเสียง
หรือคุณอาจมีเพื่อนซักคนหนึ่งที่พูดจาไม่มีโทนเสียง(Monotone) ทื่อๆไม่มี Dynamicในการเล่นเสียงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการพูดคุย
“วันนีเธอเป็นยังไงบาง กินคาวมารึยัง วันนีชันรูสึกไมคอยสบายเลย”
กับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่พูดจาฉะฉาน เต็มเสียง มีลูกเล่นชั้นเชิงยิงมุขตลกในการพูด เพื่อนคนนี้จึงได้รับความน่าสนใจมากกว่าเพื่อนคนแรก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรน้ำเสียงในการพูดถึงมีผลในการสื่อสารมากถึง 38%
และมาถึงส่วนสำคัญที่สุดในการสื่อสารคือภาษากาย(Body Language) ก่อนอื่นเลย อยากให้คุณจำให้ขึ้นใจว่า “มนุษย์เชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน”
.
ผู้พูดคือผู้ส่งสารและสารนั้นประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ภาพและเสียง โดยภาพจะทำหน้าที่ดึงความสนใจแรกเห็น(First Impression) และเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพและเสียงนั้นทำงานสัมพันธ์กัน เมื่อนั้นความน่าสนใจจะเกิดขึ้นทันที
.
ร่างกายของคุณคือส่วนหนึ่งของสารที่คุณนำเสนอ อากัปกิริยาที่คุณแสดงออกผ่านสีหน้าท่าทางต่างๆโดยที่คุณไม่ต้องพูดเลยแม้แต่คำเดียว นั่นหมายความว่าโดยธรรมชาติร่างกายของคุณสื่อสารได้มากกว่าคำพูดนั่นเอง
.
ยกตัวอย่างเช่น หากมีใครสักคนเดินเข้ามาหาคุณแล้วบอกว่าเขาปวดท้องเหลือเกิน แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าออกอาการแถมยังพูด Monotone ใส่คุณอีก คุณจะเชื่อหรือไม่ว่าเขาปวดท้องจริงๆ กับอีกคนหนึ่งที่นั่งฟุบอยู่บนทางเดิน เอามือกุมท้องแน่น หน้าตาแสดงออกถึงความเจ็บปวดชัดเจน เมื่อคุณเดินเข้าไปถามว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า เขากลับบอกคุณว่าเขาโอเค เขาสบายดี คุณจะเชื่อคำพูดของเขาหรืออาการที่เขาแสดงออกมา
.
ในการสื่อสารบ่อยครั้งที่คุณต้องเจอเหตุการณ์ที่ภาพทำงานไม่สอดคล้องกับเสียง ดังนั้นหากคุณได้เรียนรู้ภาษากายในอิริยาบถต่างๆที่คุณหรือคนอื่นแสดงออกมา เช่นอาการกระสับกระส่าย ร้อนรน อาการของคนโกหก ฯลฯ นั่นจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ข้างหน้าได้อย่างดี หรืออีกนัยหนึ่งคือคุณจะนำหน้าคนอื่นก้าวหนึ่งเสมอ อีกทั้งในการพูดคุยสื่อสารนั่นมีรายละเอียดที่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้สายตาในการมอง การใช้มือหรือการใช้อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย รวมไปถึงทิศทางการเคลื่อนไหวในส่วนต่างๆ สิ่งเหล่าส่งผลต่ออารมณ์และความน่าสนใจในการสื่อสารทั้งสิ้น โดยเราจะมาเรียนรู้กันแบบเจาะลึกใน Part ถัดไปในเรื่องของภาษากายกันแบบจัดเต็ม
.
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน
• คิดต่าง| พูดต่าง #thinktang •
1 บันทึก
2
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาษากายเดอะซีรี่ย์ โดย คิดต่าง | ทำต่าง
1
2
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย