5 ธ.ค. 2019 เวลา 06:00 • การศึกษา
ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก...ทุกสงคราม...ทุกเกมการแข่งขัน
.
ผลลัพธ์ที่ปลายทางของสิ่งเหล่านี้มีเพียง 2 แบบเท่านั้น คือ ชนะ หรือ แพ้
และผู้ชนะทุกคนมักมีการเตรียมความพร้อมเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น
“ทำอย่างไรจึงจะถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่าย เพราะ ผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าจะเป็นผู้คุมเกมเสมอ
และสร้างโอกาสแห่งชัยชนะได้อย่างมหาศาล”
ตอนที่สองมาแล้วนะจ๊ะ
รวมไปถึงในการสนทนาเพื่อโน้มน้าวหรือเพื่อเป้าหมายบางอย่าง หากคุณไม่สามารถถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายได้ คุณแทบไม่มีโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณเลย
ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องของเทคนิคการอ่านภาษากายกันนะครับ😁
จาก Part 1 คุณคงเข้าใจแล้วว่าภาษากาย(Body language) นั้นมีความสำคัญอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณสามารถอ่านภาษากายและแปลความหมายของอากัปกิริยาของอีกฝ่ายได้ นั่นเท่ากับว่าคุณสามารถเป็นผู้คุมเกมในการสนทนาและประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
แน่นอนว่าการรับมือกับผู้ที่มีพลังบวก(Positive) ย่อมรับมือง่ายกว่าผู้ที่มีพลังลบ(Negative) แต่จะทำอย่างไรให้เราสามารถควบคุมพลังด้านลบนั้นได้ คำตอบง่ายๆคือสังเกตปฏิกิริยาด้านลบของอีกฝ่าย โดยจะขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆได้แก่ ใบหน้าและร่างกาย
ภาพตัวอย่าง
1. ใบหน้า : นักวิจัยพอล เอ็กแมน(Paul Ekman) กล่าวว่าการแสดงออกทางสีหน้ามีความหลากหลายและมีผลโดยตรงกับอารมณ์ความรู้สึกโดยปกติแล้วคนเรานั้นจะสื่อสารอารมณ์บางอย่างออกมาเพียงแค่การแสดงออกทางสีหน้าเท่านั้น รอยยิ้มอาจบ่งบอกถึงความเห็นชอบ ความพึงพอใจหรือการมีความสุข การทำหน้าบึ้งตึง ขมวดคิ้วอาจเป็นสัญญาณบอกถึงความไม่พึงพอใจ หรือมีความทุกข์บางอย่าง อีกทั้งการแสดงออกบนใบหน้าสามารถช่วยให้เราตัดสินใจไว้วางวางใจหรือเชื่อถือในบุคคลนั้นๆได้หรือไม่อีกด้วย
.
ตัวอย่างการแสดงออกผ่านสีหน้า ได้แก่ ความสุข ความโศกเศร้า ความโกรธ แปลกใจ รังเกียจ หวาดกลัว สับสน ตื่นเต้น ฯลฯ
.
• ดวงตา/สายตา : ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เพราะดวงตามีความสามารถในการเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดและที่สำคัญยิ่งกว่าคือดวงตาจะทำงานอย่างเป็นธรรมชาติตามอารมณ์ ความรู้สึกหรือกล่าวคือแววตาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถโกหกได้นั่นเอง คุณอาจใช้ประเมินสถานการณ์จากแววตาของอีกฝ่ายได้จากสัญญาณต่อไปนี้
- การจ้องมอง : ขณะที่คุณกำลังสนทนา อีกฝ่ายกำลังจ้องตาของคุณในขณะที่คุณกำลังอธิบายนั่นหมายความได้ว่าเขากำลังสนใจสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่ อย่างไรก็ตามหากคุณถูกจ้องมองนานจนเกินไปอาจทำให้เกิดความรู้สึกอื่นๆ(อาจบวกหรือลบก็ได้) หรือในทางตรงกันข้ามเมื่อคุณสบตาอีกฝ่ายแล้วอีกฝ่ายหันหน้าหนี หลบสายตา ก็อาจหมายถึงเขากำลังฟุ้งซ่าน อึดอัด หรือพยายามปกปิดความรู้สึกบางอย่างอยู่
- การกระพริบตา : เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องกระพริบตา แต่หากคุณลองสังเกตดูดีๆคุณจบพบว่าอีกฝ่ายนั้นกระพริบตาเร็วหรือช้ากว่าปกติ หากคุณเจอคนที่กระพริบตาเร็ว นั่นอาจหมายความว่าเขากำลังเป็นทุกข์ ร้อนรนหรือไม่สบายใจ แต่หากคุณเจอคนที่กระพริบตาช้ากว่าปกติ(ทั้งจังหวะและจำนวน) อาจหมายความว่าเขากำลังควบคุมบางอย่างอยู่โดยเจตนา
- ขนาดของม่านตา : เป็นส่วนที่สังเกตเห็นได้ยากที่สุด และจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกสนใจหรือตื่นเต้น ม่านตาจะขยายกว้างขึ้น
• ปาก : เป็นอีกหนึ่งปัจจัยจำเป็นในการอ่านภาษากาย ลองประเมินสัญญาณของปากต่อไปนี้
- การเม้มปาก : การทำให้ริมฝีปากถูกตรึงให้แน่นขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงความไม่พึงพอใจหรือความไม่ไว้วางใจ
- การกัดปาก : อาจกำลังหมายถึงความกังวลหรือความเครียด(หากไม่ใช่การรู้สึกหมั่นเขี้ยวต่อแฟนหนุ่ม/สาวของคุณ)
- การปิกปาก : โดยทั่วไปคนเรามักปิดปากเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่าง(อาจบวกหรือลบก็ได้)
- การยิ้มหรือเบะปาก : การยิ้มอาจเป็นสัญญาณของภาษากายที่ดี แต่การยิ้มนั้นสามารถตีความหมายได้หมายแบบ รอยยิ้มอาจแสดงออกถึงการพึงพอใจ มีความสุขโดยแท้จริง หรือปกปิดความรู้สึกที่ไม่ดี ในทางกลับกันการเบะปากอาจแสดงถึงความไม่พึงพอใจหรือความทุกข์บางอย่าง
.
เพิ่มเติม : หากคุณเจอคนที่พูดพร้อมกับการสัมผัสที่ใบหน้า ปาก จมูกหรือเส้นผม มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอกซักเท่าไหร่นัก มีเรื่องครุ่นคิดตลอดเวลา มีความหวาดหวั่น กลัวความผิดพลาดและพยายามปิดบังข้อด้อยบางอย่างของตนเอง
ภาพตัวอย่าง
2. ร่างกาย : กายแสดงออกทางร่างกายเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้เป็นอย่างดี ดังตัวอย่าด้านล่างนี้
- การกอดอก : อาจแสดงถึงการปกป้องหรือป้องกันตัวเองจากโลกภายนอก มักปิดกั้นความคิดเห็นจากผู้อื่น หรือแตกต่างออกไปในอิริยาบทอื่นๆเช่น การแสดงความโกรธ ความไม่พึงพอใจ
- การท้าวเอว : อาจแสดงถึงความพร้อมในการทำงาน หรือในอิริยาบทอื่นๆ อาจแสดงถึงการควบคุม การวางอำนาจ และความก้าวร้าว
- การเอามือไขว้หลัง : อาจแสดงถึงความเบื่อหน่ายหรือกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
- การเคาะโต๊ะเร็วโดยใช้นิ้ว : เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเบื่อหน่าย
- กัดเล็บ : เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเครียดและวิตกกังวล
- การหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเมื่อกำลังอยู่ในระหว่างการสนทนา : เป็นการเอาตัวเองจากความอึดอัดใจในสถานการณ์ทางสังคม หรือเป็นการหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนรอบข้าง
- มองนาฬิกาบ่อย : อาจหมายถึงความรีบร้อน หรือการกำลังรู้สึกเสียเวลา
- การนั่งทิ้งตัวและเหม่อลอย : แสดงถึงความไม่ใส่ใจกับสิ่งที่คุณกำลังพูด
- ท่าทางการนั่งที่ค่อนข้างบีบคล้ายกับการซ่อนลำตัวรวมถึงการไขว้แขนและขา : อาจแสดงถึงวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว หรือเป็นการแสดงความไม่เป็นมิตร ปิดกั้นบางอย่าง
- ท่าทางการนั่งที่เปิดด้านหน้าลำตัวหันหน้าหามาคุณด้วยท่านั่งที่ผ่อนคลาย : แสดงถึงความเป็นมิตรและเต็มใจ
- การถอนหายใจ เป็นการบรรเทาสภาวะทางอารมณ์ในด้านลบเมื่อเกิดความเศร้า ความโกรธ หรือความไม่พึงพอใจบางอย่าง และยังบ่งบอกถึงสภาวะทางอารมณ์ในด้านบวกเมื่อรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ได้อีกด้วย
การเคาะโต๊ะเร็วโดยใช้นิ้ว
จากที่กล่าวมาจะสังเกตได้ว่า มีไม่น้อยเลยที่การแสดงออกทางภาษากายอาจแปลความหมายได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ ทั้งนี้ทั้งนั้น การแสดงออกเหล่านี้อาจไม่สามารถตีความได้เพียงแค่ทิศทางเดียวเพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกเป็นหลัก ซึ่งจิตใต้สำนึกถูกหล่อมหลอมจากสภาพแวดล้อม สังคม และเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เกิดการแสดงออกที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล
.
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนของผมคนหนึ่งมักจะนั่งพูดคุยกับคนอื่นด้วยท่าทางบีบตัวและไขว้แขนขา นั่นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะเขามีความสูงถึง 192ซม. ซึ่งทำให้เขาดูตัวใหญ่กว่าคนปกติมาก เขาจึงมักพยายามลดขนาดของตัวเองลงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกกดด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของเขา หรือแม้กระทั่งตัวผมเอง ผมมักจะนั่งเคาะโต๊ะหรือหน้าขาของตัวเองด้วยนิ้วเสมอ ไม่ใช่เพราะผมกำลังเบื่อหน่ายหรือกังวลใจ แต่มันกลับทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้นและใช้ความคิดได้อย่างลื่นไหล
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น อากัปกิริยาต่างๆขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ หากคุณเริ่มรู้สึกได้ว่าการแสดงออกของอีกฝ่ายเริ่มชัดเจนมากขึ้น จากสีหน้า แววตา หรือท่าทางต่างๆ คุณคาดเดาได้เลยทันทีว่าเขาอาจกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อคุณสามารถอ่านอากัปกิริยาของอีกฝ่ายออก คุณก็สามารถรับมือเหตุการณ์ตรงหน้าของคุณได้และนี่แหละคือการนำหน้าอีกฝ่ายก้าวหนึ่งเสมอ
.
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน
• คิดต่าง | ทำต่าง #thinktang •
.
😄แถมนิดนึงนะครับ ใกล้จบแล้ว😄 : การเตรียมใบหน้าเพื่อพบกับผู้อื่นเป็นครั้งแรก การยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณอยู่ในอิริยาบทที่ไม่ได้ยิ้ม “การยกคิ้วให้สูงขึ้นกว่าปกติซักเล็กน้อย และยิ้มเล็กๆ(ย้ำว่าเล็กๆ) จะทำให้หน้าคุณเปิดมากขึ้นและจะทำให้คุณดูเป็นมิตรยิ่งขึ้น”
โฆษณา