3 ม.ค. 2020 เวลา 12:26
📌เรื่องสั้นขนาดยาว ชุดนทีแห่งชีวิตและลมหายใจ
อิยะกับความหมายที่หายไป..6
เรื่อง..อิยะ..ดวงตะวันของหัวใจ
แรงบันดาลใจจากKumano Kodo (熊野古道, Kumano Kodō),Wakayama,Japan
🖌ตอนที่2 นิมิตกับความฝัน
" มีนักเดินทางเพื่อแสวงบุญมากมาย มาที่นี่ จะเรียกว่าแสวงบุญคงไม่ถูกต้องนัก น่าจะเป็นพาใจกลับบ้านซะมากกว่า ที่นี่มีหลายเส้นทางมากระยะทางสั้นไกลต่างกัน ถ้าจะเดินกันจริงจังคงเป็นเดือน ถึงสองเดือนเลยทีเดียว"
พระชราอธิบาย
🔆
ชายหนุ่มจับใจความได้ว่า🍃
คุมาโนะ ดินแดนสำคัญทางจิตวิญญาณของญี่ปุ่นท้าทายกาลเวลา คุมาโนโคโด เป็นหนึ่งในเส้นทางแสวงบุญสองแห่งทั่วโลก ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประวัติของที่นี่ย้อนไปได้ถึงพันปีสถานที่ ที่เป็นเทือกเขาของคุมาโนะได้รับการเชื่อถือว่าเป็น "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตย์ของเทพเจ้า"
🔆
ในสมัยเฮอัน (794-1185) ราชสำนักได้เดินทางเป็นเวลา 30 ถึง 40 วันจากเมืองหลวงเก่าเกียวโตอันห่างไกล เพื่อมาค้นหาสวรรค์บนพื้นพิภพ และก็เป็นที่นี่เอง ที่มีสร้างคุมาโนซันซัง
🔆
ศาลเจ้าใหญ่สามแห่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สามแห่งรู้จักกันรวมๆในชื่อ คุมาโนะซันซัง ได้แก่
-ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮายะทะมะ ไทชะ (ชินงุ)
- ศาลเจ้าคุมาโนะ นาจิ ไทชะ (นาจิ คัทซุอุระ) -ศาลเจ้าคุมาโนะ ฮอนงุ ไทชะ (ทานาเบะ)
🔆
ภูมิทัศน์ของดินแดนเหล่านี้และศาลเจ้าทั้งสามมักได้รับการพรรณนาว่ามีรัศมีอันเป็นปริศนาแผ่ออกมา กล่าวกันว่า คุณลักษณะเหล่านี้ได้รับอิทธิพลมาจากต้นกำเนิดที่แตกต่างและการปฏิบัติบูชาโลกแห่งธรรมชาติ
🔆
จากนั้นภิกษุชราอธิบายข้อดีของการเดินป่า ใจความว่า
"เมื่อเดินเรารู้ว่ากายเราเดินอยู่ เห็นกายทำงาน ขณะกายทำงาน นั่นเป็นการระบายความเครียดของร่างกายหัวใจสูบฉีด แขนขาได้ขยับ ร่างกายขับของเสียทางเหงื่อ ส่วนใจ ใจลักคิด คิดไปนี่นั่น ตามที่จิตเสวยอารมณ์ใดๆก็เป็นระบายความเครียดของจิต เดินไปเห็นกายเคลื่อนไหว เห็นจิตลักคิด เห็นการเกิดดับเห็นการบังคับไม่ได้ เห็นความไม่เที่ยงทางกาย ความไม่เที่ยงทางใจ คุณโยมรู้สึกใหม"
🍃
"ขอรับ แต่ถ้าเราอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดู ก็เห็นได้น้อยอยู่กับตัวเองน้อยลงนะขอรับ"ชายหนุ่มออกความเห็นต่อ
🍃
พระชราพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วกล่าวต่อว่า
"
ในสมัยพุทธกาล พุทธะ จะตำหนิมาก ถ้าอยู่รวมเป็นกลุ่ม ท่านจะไล่ไปไกลๆนั่นโคนต้นไม้เป็นที่อยู่ของพวกเธอ ท่านเล็งเห็นว่าถ้าอยู่กับคนหมู่มาก พูดคุย นินทา ย่อมเกิด "
🍃
"นั่นเพราะท่านให้ไปฝึกจนเป็นนิสสัย เมื่อไปอยู่ที่ใด อยู่ในท่ามคนหมู่มากก็ดี คนเดียวก็ดี มันจะเห็นไตรลักษณ์โดยอัตโนมัติ 🍃
แต่ที่เราเห็นทำทุกวันนี้เห็นหลายสำนักไม่ใคร่ได้บอก บางทีค่อยๆเดินช้าๆ พออกนอกวัดก็เป๋เพราะนอกวัด เขาไม่เดินช้านิ ค่อยๆกินช้าๆแต่นอกวัดก็ไม่เป็นอย่างนั้น 🍃
คนเลยทุกข์เพราะทางโลกและทางธรรมมันไปด้วยกันไม่ได้ ทำให้คนติดวัด ออกนอกวัดก็เอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ อยู่กับสังคมไม่ได้ วิ่งเข้าวัดตลอด อันนี้ใช้ไม่ได้🍃
การเข้าวัดคือการเรียนรู้วิธีการ ส่วนการฝึกต้องทำเอง ต้องหาเวลาฝึกเป็นช่วงๆ เวลาว่างจากการงานก็ ฝึกรู้ฝึกดูกายใจ2-3นาที แล้วทำงานต่อ
ขณะคนที่เขาทำจนเป็นอัตโนมัติขณะที่ทำงานเขาก็ยังเห็นการเกิดดับของกายใจไปพร้อมเลย นี่แหละนาเขาเรียกว่าปฏิบัติแบบไม่ต้องปฏิบัติ เขาจะเห็นเองโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะเห็นด้วยซ้ำแค่รู้สึกเอา"🍃
"ขอรับข้อนั้นท่านเคยพูดไว้ ตอนคราวที่ผมไปเกาะรีบุน เกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น คราวที่พายุเข้า แผ่นดินไหว จนเป็นผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น "ชายหนุ่มนึกขัน
ชายหนุ่มนึกทบทวน
🖌 ...ธรรมโดยไม่ทำ
แรงบันดาลใจ จากเกาะRebun Island (礼文島, Rebuntō)
ค่ำหนึ่งในศูนย์ผู้ประสบภัย...
ผมฝันไปว่า
ท่านเดินกลับมา
แล้วชี้ชวนออกไปหน้าผา
พร้อมเปล่งวาจา
ให้ทนเอาหนาอัตตากำลังโต......
"..เกรี้ยวกราดดั่งเกลียวคลื่น
กระเทาะผืนเซาะร่องช่องหินผา
ให้อดทนเปี่ยมล้นด้วยเมตตา
ธรรมชาติกำลังสอนหนาอย่าร้อนรน
ธรรมชาติธรรมดา ธรรมปฏิบัติ
ย่อมโซซัดโซเซเล่ห์เพลี้ยพล้ำ
ล้มลุกคลานบ้างย่อมตามธรรม
ขอจงจำสิ่งนี้ให้ขึ้นใจ
ปริยัติ ปฏิบัติปฏิเวธ
อย่าปฏิเสธความจริงเหล่านี้หนา
ธรรมทุกธรรมย่อมทำสิ่งที่มีมา
ให้รู้ว่ามีเกิดดับจับที่ใจ....."🍃
"..ธรรมอาจเข้าใจยากนักเพราะไม่ได้เคยยินหรือฟังมาก่อน พยายามเอาหนา เพราะสิ่งที่ยากคือไม่ทำ.."
🖌ตอนทำไม่เข้าใจ
หลังทำจึงเข้าใจ
ผ่านไปจึงเข้าใจธรรม
ว่าไอ่กรูที่ทำยังไม่เข้าใจ
ผ่านมาจึงได้เข้าใจ
และเข้าใจผู้ที่ทำ
ว่าผู้ทำธรรมยังไม่เข้าใจ
วันหนึ่งหลังทำจะเข้าใจ
ว่าที่ทำยังไม่เข้าใจ
และเข้าใจสิ่งที่ทำ
ธรรมจึงปล่อยวางทำ
และไม่ต้องทำเมื่อเข้าใจ🖌
ชายหนุ่มนึกทบทวนอีกครา🍃
จะเข้าห้องน้ำก่อนมั้ยคุณโยม ทางนั้นมีห้องน้ำอยู่ มีม้านั่งพักคลายกล้ามเนื้อกันเถิดหนา"
พระชราชักชวน
"ขอรับ กระผมคงต้องเปลี่ยนเสื้อ "
เหงื่อชุ่มมาก ทั้งที่อากาศเย็นประมาณ6องศา
"ท่านนั่งรอกระผมสักครู่นะขอรับ"
ชายหนุ่มปัดเศษใบไม้ที่ม้านั่ง ก่อนนิมนต์ พระชรานั่งพัก
🍃
หลังจกทำธุระชายหนุ่มจัดแจงถวายน้ำปานะ
จากตู้เครื่องดื่ม ซึ่งที่นี่มีแทบทุกที่ แต่ถ้าเข้าไปในป่าลึกต้องจัดเตรียมไปเอง ที่นี่มีหลายเส้นทาง ทางที่เดินมาเป็นเส้นทางสั้นๆใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ทำเอาเหนื่อยทีเดียว🍃
🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆
"คุณโยมถามเรื่องการกลับชาติมาเกิด เราคงให้คำตอบไม่ได้ เราไม่เล็งเห็นความสำคัญตรงนั้น"
" เราสนใจแต่เพียงเวลานี้ ที่นี่เดี๋ยวนี้ แต่ก็ขออธิบายคร่าวๆ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่คุณโยมลองตรองดูเองหนา" พระชรากล่าวพร้อมอธิบายเสริมว่า
🍃
"ในทางพุทธเรา สอนให้มีการทำสมถะและวิปัสสนาพูดง่ายๆคือทำสมาธิและเจริญปัญญา ให้ง่ายกว่านั้นอีกการจดจ่ออารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเช่นการบริกรรม พุทโท เป็นต้นอย่างนี้เรียว่าการทำสมถะ
ส่วนการเจริญปัญญาก็คือการดูกายและจิตให้เห็นไตรลักษณ์ เกิดมา ตั้งอยู่ดับไป ต้องฝึกทั้งสองอย่าง คนที่ชำนาญเขาจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ถึงเวลาสมควรทำสมาธิมันก็ทำของมันเอง เวลาเจริญปัญญามันก็ทำของมันเอง
ถ้าเรามองจากภายนอกไม่มีทางรู้เลยว่าเขาทำงานภายในอยู่ นั่งที่คุยกันอยู่นี่ เราก็เห็นว่าเธอทำงานภายในไปด้วย จริงใหม" ท่านถาม
🍃
"555เห็นจะจริงขอรับ ผมเห็นอยู่ขอรับ ฟังอยู่บางทีก็รู้เรื่องที่ฟัง บางทีก็เห็นจิตเผลอไปคิด เห็นกายขยับทนอยู่ไม่ได้ มันรู้สึกตัวบ่อยขอรับ บางทีมันก็ไปพักกับลมหายใจขอรับ พอมันหายเหนื่อยมันก็ไปอีกขอรับ"ชายหนุ่ม ยิ้มพรางดูบรรยากาศรอบนอก สดชื่นสบายตา อิ่มเข้าถึงหัวใจ
🍃
"ดีแล้วหนา ดีแล้ว ภิกษุชรายิ้มอย่างอ่อนโยน
บางทีการเห็นอยู่อย่างนั้นบ่อยๆ กลางคืนมาเรานอน กายมันหลับ จิตจะเข้าไปพัก อย่างที่คุณโยมเคยเห็นว่ามันรวมกับลมหายใจ แล้วดิ่งลงไปเกิดสว่างจ้าทุกทิศทาง กายหายเหลือแต่ตัวรู้และผู้ถูกรู้
🍃
บางคราวมันพักอิ่ม ธรรมดาจิตมันเหมือนหมาขี้เรื้อน มันกินอิ่มมันก็ไปวิ่งเล่น ให้มันอยู่นิ่งไม่ได้ มันก็ทำงาน เสวยอารมณ์ต่างๆ สร้างเองเสวยเอง เหมือนหมาตัวมันเป็นขี้เรื้อนวิ่งไปทางไหนก็คันต้องเกาอยู่ดี
🍃
" บางทีก็เห็นอย่างที่คุณโยมบอก เห็นชาติก่อนเป็นใครอะไรยังไง เพราะจิตมันมีสมาธิ มันก็ฉายเอาสิ่งที่มันเก็บไว้ออกมา หรือที่เราเรียกกันสมัยใหม่ว่าจิตใต้สำนึก แล้วก็เข้าไปเสวยอารมฯนั้นๆ ยิ่งจิตละเอียดการเห็นยิ่งชัด ทางพระนี่ เขาเรียกว่านิมิต ต่างจากความฝันตรงที่ว่ามันไม่ได้เกิดจากสมาธิ ความฝันมักลางเลือนเป๋ไปเป๋มา จับต้นชนปลายไม่ถูก"ท่านอธิบายให้เห็นชัด
🍃
"แสดงว่าที่ผมเห็นนั้นเป็นผลจากที่จิตเป็นสมาธิหรือขอรับ"ชายหนุ่มถาม
"คงจะเป็นอย่างนั้น ส่วนใหญ่การระลึกชาติ ก็ระลึกได้ไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะระลึกได้ในชาติที่ที่สำคัญ ที่กระทบใจเป็นอย่างมาก"พระชราตอบ
"แล้วเราจะเชื่อถือได้หรือไม่ขอรับ" ชายหนุ่มเริ่มสับสน
"จงจำไว้หนา ข้อที่จะกันความวิปลาสหรือที่เราเรียกว่าความเห็นผิดได้คือการโยนิโสนมัสิการคือการพิจารณาอย่างแยบคาย โดยอาศัยความรู้ที่ตรงและกัลยาณมิตรแนะนำ โดยเฉพาะคนที่ผ่านมาแล้ว จะแนะนำได้ถูกจุด
🍃
🔆ข้อความหนึ่งที่ควรจำสำหรับนักปฎิบัติคือ”นิมิตมีจริงแต่อย่าเอาจริงกับนิมิต นี่เป็นคำของครูอาจารย์ทางอีสานใต้ที่มีนิสัยพูดน้อยได้กล่าวไว้ เราก็จำท่านมา"🔆
"ขอบพระคุณขอรับ "
"ผมเกือบจะเชื่อมันไปแล้ว555 "ชายหนุ่มขำในความไม่รู้ของตนเอง
"จำไว้หนาสิ่งที่เราเห็นคือเราเห็นจริง แต่เอาจริงจังกับมันไม่ได้ ให้อยู่กับปัจจุบัน บางคนเอาจริงเอาจังกับมัน กลายเป็นเพี้ยนแบบกู่ไม่กลับ นั่นคือวิปลาสโดยสมบูรณ์
หลายคนแยกไม่อกระหว่างความจริงกับนิมิต จิตเขาละเอียดมากเห็นทั้งกลางวันกลางคืน หูแว่ว ภาพหลอน นั่นคือสติที่แข็งเกินไป เราเรียกว่าติดเพ่ง หรือสมาธิกล้าเกิน เป็นหนึ่งในวิปัสสนูกิเลส *"
🍃
"วิปัสสนูกิเลส แปลว่าอะไรหรือครับ"ชายหนุ่มสงสัยกับคำแปลกๆไม่เคยได้ยิน
"วิปัสสนูกิเลสพูดง่ายๆคือหลุมดำ นักปฏิบัติทุกคนต้องผ่านให้ได้แต่ส่วนใหญ่จะติดอยู่ตรงนี้ก้าวข้ามไม่ได้เพราะเหมือนของเล่นที่วิเศษจะสละทิ้งก็เสียดาย หาข้อมูลในเครื่องไร้สายเอาหนา"ท่านอธิบายพร้อมชี้แนะให้ไปค้นคว้าต่อ
"เหมือนคนเสพยาบ้าหรือขอรับ"ชายหนุ่มเปรียบเทียบ
"ทำนองนั้น แต่ต่างกันคือพวกเสพยาติดชั่ว แต่นักปฏิบัติลักษณะนี้เรียกว่าติดดี อันหลังนี้แก้ยากมากว่าติดยาซะอีก เพราะเราชอบดีมากกว่าชั่ว"
"แต่ส่วนใหญ่พวกนี้มักจะหวังนิพพานในชาตินี้เร่งจนตัวเองเบรคไม่ทัน หัวคะมำ ไปไม่เป็นเลย พวกนี้เอาความอยากนำหน้า เริ่มต้นก็ผิดแล้ว อย่าถามหาปลายทางเลยคุณโยม ไปทำสมาธิก็ผิด กลายเป็นผู้วิเศษรู้เรื่องคนอื่นหมดยกเว้นเรื่องที่ควรรู้"
ท่านย้ำ
"จริงขอรับ ใครไม่เจอกับตัว นึกไม่ออกหรอกขอรับ "
🍃
🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆
"พุทธเคยบอกไว้ว่าเราข้ามโอฆะมาโดยไม่พากและไม่เพียร "
"โอฆะคืออะไรหรือขอรับ"ด้วยงงในคำพูดแปลกๆ
"โอฆะ…..โอฆะ 4**
โอฆะ หมายถึง กระแสน้ำกิเลสที่ท่วมทับใจสัตว์โลกให้จมอยู่ในความต่ำทราม มี 4 ประเภท
"รายละเอียดให้กระผมไปหาเอาในเครื่องไร้สายรึขอรับ" ชายหนุ่มเย้า
" หึ หึหึ"พระชราหัวเราะ ที่ถูกชายหนุ่มพูดดักคอ
สรปง่ายๆเลยคือไม่พัก คือไม่หยุด ไม่เพียรคือไม่เร่ง จนเกินกำลัง ทำตามกำลังแต่ไม่หยุด
🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆
(****ชายคนหนึ่งถามพุทธะว่าข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ข้าพระองค์ขอทูลถาม พระองค์ข้ามโอฆะได้อย่างไร ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ท่านผู้มีอายุ เราไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่ ข้ามโอฆะได้แล้ว ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ก็พระองค์ไม่พักไม่เพียร ข้ามโอฆะได้อย่างไรเล่า ฯ
ท่านผู้มีอายุ เมื่อใดเรายังพักอยู่ เมื่อนั้นเรายังจมอยู่โดยแท้
เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ เมื่อนั้นเรายังลอยอยู่โดยแท้
ท่านผู้มีอายุ เราไม่พัก ไม่เพียร ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แลฯ
(โอฆตรณสูตรที่ ๑)
🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆
"เราแค่กำหนดเป้าหมายว่าเราจะเข้าถึงพระนิพพาน แล้วเราก็มาดูวิธีการ ท่านก็บอกไว้ว่าทางไปยังไง
ก็คือมรรคหรือทางมี8ประการ*** เป็นเครื่องกำกับ เหมือนเรามีแผนที่ เข็มทิศยังไงก็ไม่หลงป่า และไม่ตายในป่าแน่นอน สุดท้ายก็ถึงปลายทางอย่างไม่ร้อนใจ ไม่เร่งจนเกิน และไม่หลงทาง" ท่านยิ้ม
"ข้อนี้ในเครื่องไร้สายของคุณโยมก็มีอยู่ ค้นหาเอา ท่านพูดยิ้มๆ
ก่อนชายหนุ่มจะพูดดักอีก
🔆
"แต่สรุปง่ายๆคือการดูกายดูใจอย่างที่มันเป็นให้ง่ายกว่านั้น ก็คือการรู้สึกตัวนั่นแลน้อมให้เห็นไตรลักษณ์คือมรรคหรือทางที่จะพ้นวัฏสงสารนี้ได้"
"เรื่องที่ละเอียดมากนะขอรับ" ชายหนุ่มรำพึง
"ใช่ละเอียดมาก และธรรมดามากจนเราคาดไม่ถึง มัวแต่ค้นหาดาวอื่นที่จะไปอยู่ ดาวที่อยู่นี่ก็ไม่ทำให้มันดี มันจึงยาก
แต่เดี๋ยวนี้ฝรั่งมังฆ้องก็เริ่มมาสนใจ เพราะไอ่ที่เขาทำอยู่ เขาก็คงงงเขาทำไปเพื่ออะไร" ท่านยิ้ม
"คงเป็นเช่นนั้นขอรับ จะเห็นว่าฝรั่งย้อนกลับมาใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ มาหัดอยู่กับตัวเองมากขึ้นเขาคงทำทุกวิถีทางที่ต่อสู่เอาชนะโลก แต่พบว่าที่สู้มาไม่ได้อะไรเลย "ชายหนุ่มเห็นด้วยกับที่พระชรากล่าว
🔆
"ได้เวลาแล้วหนา เดินต่อเถิดคุณโยม"ภิกษุชราชวน
เดินไปสักพักก็จะเจอวัด ที่วัดนี้ลักษณะพิเศษ คือมีน้ำตก ชื่อนาจิ ที่สูงเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น
ขากลับท่านส่งชายหนุ่มที่รถบัส
และคำพูดที่ท่านมักพูดส่งท้ายทุกครั้งคือ
"คุณโยมจงอยู่อย่างไม่ประมาทเถิด "
ชายหนุ่มหลับตาพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ไม่เสียดายที่เกิดมา เอามือสัมผัสหัวใจน้อยๆที่หน้าอก ยิ้มให้กับตัวเอง…อิยะ
🔆
🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆🔆
แนะนำอ่าน อิยะกับความหมายที่หายไป ถาค0
เรื่องขบถ~ยาตรา เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น
โฆษณา