4 ม.ค. 2020 เวลา 08:23
🎯เรื่องสั้นขนาดยาวชุดนทีแห่งชีวิตและลมหายใจ....
อิยะและความหมายที่หายไป..6
เรื่อง อิยะ..ดวงตะวันของหัวใจ (ตอนจบ)
ตอน:อภินิหารเด็กน้อย
สนามบินคันไซโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ชายหนุ่มแบกเป้เดินทางออกสถานีรถไฟ เพื่อไปยังสนามบินที่เชื่อมกัน ขึ้นบันไดไปยังชั้นสามของอาคารสนามบิน จะมีร้านรวงมากมายขายของฝาก
ชายหนุ่มเหลือบ เห็นผ้าเหลืองแต่ไกล …"ท่านมาส่งกระผมหรือขอรับ "พระชรายิ้มพยักหน้าตอบรับ
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างมาก และคิดว่าท่านคงมีอะไรจะบอกกล่าว จึงเอ่ยปากถาม " กระผมว่าท่านต้องมีธุระอะไรบอกกระผมได้ครับ กระผมยินดีช่วย"
กรี้ด !กรี้ด !กรี้ด !เสียงเด็กกรีดร้อง ล้มตัวลงไปดิ้นพล่านที่พื้น ชายหนุ่มตกใจหมายจะเข้าไปช่วย แต่ภิกษุชรารั้งมือไว้ สักพักเด็กน้อยก็หยุดแล้วเดิน ตามผู้ปกครองน่าจะเป็นพ่อแม่ของเธอกระมัง แต่ดูเขาไม่สนใจต่อเหตุการณ์ลูกเธอที่อยู่ตรงหน้า กลับปล่อยให้เด็กดิ้น กรีดร้องโวยวายจนผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแตกตื่น แล้วจู่ๆก็ลุกเดินตามตามเฉยมีเพียงสะอึกสะอื้นกอดตุ๊กตาพี่หมีเดินดุ่ยๆตามผู้ปกครองของเธอไป
🔆
"เธอรู้ไหม เด็กคนนั้นต้องการอะไรจึงหวีดร้องอาระวาดขนาดนั้น"
ชายหนุ่มมองไปยังจุดที่เด็กน้อยแสดงอภินิหารเมื่อสักครู่ พร้อมกับเอ่ยว่า " ตรงนั้นมีร้านขายของเล่นนี่ครับ เด็กหญิงนั้นคงต้องการ ของเล่นบางอย่างในนั้น แล้วพ่อแม่เธอคงไม่ซื้อให้กระมังครับ"
🔆
"ใช่แล้วคุณโยม…จิตของเราก็เช่นกัน "
"เป็นอย่างไรขอรับ ชายหนุ่มสงสัย"
"จิตของเราก็เหมือนเด็กน้อย ที่เห็นอะไรที่ถูกตาต้องใจก็วิ่งเข้าหา ไม่ชอบอะไรก็ผลักใส เห็นเด็กฝั่งกระนู้นไหม พ่อพยายามป้อนยาเด็กทารก เเต่เด็กก็เบือนหน้า พ่นยาที่ป้อนไหลออกสองข้างปาก ร้องให้จ้า ไม่กินยาถ่ายเดียว"ท่านชี้ไปที่ม้านั้งฝั่งตรงข้าม
🔆
"งั้นจิตของเรามันก็แย่น่าดู เพราะเราทำอะไรมันไม่ได้เลย ถ้ามันอยากฆ่าคนขึ้นมา เราก็ไม่แย่หรือขอรับ "ชายหนุ่มชักกังวล
🔆
" ธรรมชาติของจิตเราห้ามไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่เราสามารถพัฒนาได้" พระชรากล่าว
" อย่างไรหรือขอรับ"
"ธรรมดาเด็กต้องการของเล่น จะพยายามให้ได้มันมาเมื่อไม่ได้ก็ย่อมแสดงออกเพื่อให้ได้สิ่งนั้น นั้นเป็นการระบายอารมณ์ออกมา สักพักก็เหนื่อย เพราะรู้ว่าดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ เด็กนั้นก็ยอมเดินตามพ่อแม่ต้อยๆ เห็นไหม"
🔆
" แต่ธรรมชาติมักให้ของขวัญวิเศษท้าทายยิ่งกว่านั้นคือ การลืม 🍃
เมื่อเด็กนั้นอยากได้สิ่งใดก็ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจน เขาเรียนรู้และจดจำได้เอง เมื่อเขาถึงวัยที่จะเข้าใจก็จะเข้าใจเอง
จิตจะเรียนรู้ที่จะรับมือกับสิ่งที่มากระทบ ทั้งสิ่งที่โหยหา ทั้งสิ่งที่ผลักออก ทั้งสิ่งที่เฉยๆ
มากระทบ กระทบจนจิตมันเรียนรู้มันฉลาด
" จิตเหมือนสิ่งที่ถูกรู้ก็คือเด็กนั่น ผู้ปกครองก็เหมือนผู้รู้ ผู้รู้ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ดูและรู้สึกว่าเด็กทำอะไรอยู่ตรงหน้า ไม่ก้าวก่าย ปล่อยให้ผู้ที่ถูกรู้แสดงอาการไป สุดท้ายเด็กก็จะเข้ากฏของจิงเกอเบล* จำได้ไหม " พระชราถาม
🔆
"555จำได้ขอรับเป็นกฏที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน"
🔆
.
ชายหนุ่มจำได้เมื่อตอนไปปีนเขาTsubakuro -dake เทือกเขาJapan Alps
ภิกษุชราขอดูของวิเศษที่ให้ชายหนุ่มไว้เมื่อคราวเจอกันที่ดอยขุนตาล
🔆
หนึ่งในนั้นคือกระดิ่งเมื่อชายหนุ่มนำไปวางทาบกับภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า ก็จะเข้าใจ นั้นคือกฎของไตรลักษณ์ เกิดมา ตั้งอยู่และดับไป ตามแนวโค้งของกระดิ่ง
เพราะฉะนั้นการที่จะให้จิตเขาพัฒนาจนสู่ความหลุดพ้น หรือsecret**
" เพราะฉะนั้น สิ่งที่กระผมพึงกระทำคือ แยกผู้รู้ ออกจากสิ่งที่ถูกรู้ ธรรมดาเราจะเห็นจิต(สิ่งที่ถูกรู้)ไม่ได้ แต่เราสามารถเห็นอาการของจิตได้ ทุกข์ สุข ชอบไม่ชอบ หรือเฉยๆ เกลียดชังหรือโหยหาอยากได้มาครอบครอง หรือผลักออก ตรงนี้เราเห็นได้ ใช่ใหมขอรับ "พระชรายิ้มและพยักหน้า
🔆
" ถูกแล้วเราดีใจเป็นหนักหนาที่คุณโยมเข้าใจ เมื่อคุณโยมเห็นบ่อยๆคุณโยมจะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างน้อมเข้าสู่กฏของจิงเกอเบลทั้งหมด คือกฏของไตรลักษณ์ เกิดมาตั้งอยู่ดับไป ทุกอย่างเสื่อมสลายไม่คงทนอยู่ ทุกอย่างไม่ตัวมีตนไม่มีเราเขา "
🔆
"แล้วเราทำไปถึงเมื่อไร"
"คุณโยมดูเอาเถิด คุณโยมเห็นเด็กคนนั้นมั้ย เห็นผู้เป็นแม่ป้อนอาหาร เราจะรู้มั้ยว่าเด็กคนนั้นจะอิ่มเมื่อไร วินาทีใด แม้กระทั่งเด็กหรือเป็นแม่ก็ไม่รู้ได้ หรือชายที่อยู่ในครัวร้านนั้น กำลังลับมีดอย่างขมักเขม้น เขาจะรู้มั้ยว่าใบมีดจะคมเมื่อใด"
🔆
ชายหนุ่มยิ้ม "ขอรับกระผมเข้าใจแล้ว เรามีหน้าที่ทำส่วนจิตเขาจะเข้าใจเมื่อไรเป็นเรื่องของเขา ใช่มั้ยครับ"
🔆
"จริงๆ แล้ว การดูจิต ให้ผลทันที่ ทันทีที่เราเห็นความโกรธ แล้วความโกรธก็จางไปตามกฏของจิงเกอเบล เราก็ไม่ทำร้ายคนอื่นทั้งกาย วาจา ชีวิตเราก็ปกติสุข เช่นนั้นใช่หรือไม่ "พระชรายิ้ม
🔆
"ขอรับกระผมคงไม่ไปตีเขา เสียค่าปรับหรือเขาตาย คงได้นอนคุกกินข้าวแดงตลอดชีวิตเป็นแน่ อย่างเห็นอะไรก็อยากได้ เห็นความอยากได้ ก็คงไม่ไปลักขโมย หรือแย่งเมียชาวบ้านหรือเป็นชู้เขา"
" โอว..ศีล5ครบเลยนี่ครับ "
"หึ หึ "พระภิกษุพยักหน้า
แล้วพูดต่อไปว่า" ศีลแปลว่าความเป็นปกติ เมื่อเราปกติ สังคมปกติ เราก็มีความสุข จริงมั้ย "ท่านถาม
"จริงขอรับ ขอบพระคุณท่านมากขอรับ วันนี้ท่านจุดเทียน1ดวง มีโอกาส กระผมคงได้จุดให้คนที่เขาต้องการจาก1ดวงคงสว่างไสวไปทั่ว เราก็ไม่ต้องเดินคลำเส้นทางที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใด อย่างนี้กระผมก็ไม่เกรงกลัวต่อมัจจุราช ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ผมเห็นทางสว่างแล้วขอรับ"ชายหนุ่มเอ่ย
🔆
"ยินดีด้วยหนา มรรคเกิดแล้วหนทางเกิดแล้ว ดำเนินตามมรรคา ยึดมั่นในทางที่เดิน โดยไม่พัก และไม่เพียร "
"ไปเถิดหนา เขาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว ขอคุณโยมจงตั้งอยูบนความไม่ประมาทเถิด"
ชายหนุ่มน้อมไหว้ก่อนลาขึ้นเครื่องด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ
🔆
จบ...🙏❤
*,**หาอ่านได้ ในอิยะกับความหมายที่หายไป ภาค0เรื่องขบถ~ยาตรา ตอนกฏของจิงเกอเบล,และ secret
....🖍ท้ายเรื่อง...
ในความเป็นจริงในเรื่องราวยังมีต่อ แต่ผู้โม้เล็งเห็นว่าเพียงแค่นี้คงเพียงพอสำหรับผู้สนใจ ส่วนรายละเอียดลึกลงไป ยังมีช้อต ที่ตื่นเต้นและพลิกความคาดหมาย เพราะคนที่เราไม่รู้ว่าใครที่หมายชีวิตชายหนุ่มอีก6ปียังคงเป็นปริศนา
ชายหนุ่มนามว่าอิยะ และภิกษุชรา ในตอนนทีแห่งชีวิตและลมหายใจ จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น
และความหมายที่หายไปคืออะไร ..คำตอบมีอยู่แล้วเพียงรอคนที่จะเข้าใจ
🔆
ไว้หากมีโอกาสและเวลา และคนที่พร้อมจะเข้าใจ ไว้สาธยายใหม่ season หน้าไม่รู้เมื่อใด ขอบคุณสำหรับการติดตาม เขียน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ต้องขออภัย เพราะเขียนจากประสบการณ์ที่ไม่ใคร่ได้อ้างอิงจากหลักวิชาการมากนัก เพียงแต่มาบดให้เข้าใจง่ายตามกำลังใจของคนโม้(หรือเปล่า555)
🔆
ขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจให้ออกเดินทางแสวงหาความหมายของชีวิต
ขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงและผองเพื่อนที่แสดงและไม่แสดงความคิดเห็น
🔆
ขอบคุณสำหรับอะไรก็ตามที่จัดสรรดลใจให้การเดินทางและงานเขียนไหลลื่นมาจนเกือบ3เดือน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากสำหรับการเขียนงานครั้งแรก ขอบคุณขอรับ🙏❤🙏 😊
โฆษณา