6 ม.ค. 2020 เวลา 11:31 • ปรัชญา
# ชายผู้เกือบจะถูกแขวนคอ
การเอาชนะความโกรธแค้นต่อศัตรูที่ดีที่สุดก็คือ การสร้างแรงบันดาลใจที่มากพอจะขับเคลื่อนตัวเราให้ไปไกลกว่าจุดที่เราเป็นอยู่ได้ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
เหตุจากข่าวลือ
ในปี 1918 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งกำลังถึงจุดแตกหัก อีกทั้งยังมี ข่าวลือ แพร่สะพัดไปทั่วว่า "เยอรมันกำลังยุแหย่และปลุกปั้น ให้คนนิโกรก่อกบฏ"
จึงทำให้ ลอเรน ซี โจนส์ ชาวนิโกร ผู้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียน ไพนีย์ วูดส์ ในรัฐมิสซิสซิปปี ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สนับสนุนชนชาติของตนให้ลุกฮือขึ้นก่อกบฏ
ผลกระทบ
เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ ในระหว่างที่ ลอเรน  กำลัง เทศนาให้บรรดาสัตบุรุษและสีกา ชาวนิโกร ฟังธรรมอยู่ในโบสถ์นั้นเอง ชาวผิวขาวกลุ่มหนึ่งที่เดินทางผ่านมาเห็นเขากำลังเทศนาอยู่ จึงหยุดฟัง
ซึ่งในตอนนั้น ลอเรน กำลังเทศนาว่า "ชีวิตของมนุษย์เราก็คือการต่อสู้ซึ่งชาวนิโกรทุกคนจะต้องคาดอาวุธ และต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความผาสุก"
สถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ
เมื่อฟังยังไม่ทันจบดี ชาวผิวขาวก็ด่วนสรุป และพูดกันไปเองว่า "อะไรนะ ต่อสู้ อาวุธ อย่างนั่นหรอ มันกำลังจะก่อกบฏเป็นแน่" ชาวผิวขาวเลือดร้อน จึงรีบควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปเรียกคนในหมู่บ้าน ให้ตรงมาที่โบสถ์ทันที
และเมื่อชาวบ้านมาถึง พวกเขาก็ใช้เชือกมัดรอบตัวของ ลอเรน ไว้ พร้อมทั้งลากตัวเขาไปตามถนนเป็นระยะทางกว่าหนึ่งไมล ์
โอกาส
จนถึงจุดหมายกลางเมือง พวกเขาก็จับให้ ลอเรน ยืนบนกองฟืนที่เตรียมไว้สำหรับ แขวนคอ และเผาไฟ
แต่แล้วก็มี ชายคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า "ทุกคน ให้เจ้าตัวดำปี๋คนนี้พูดเสียหน่อย ก่อนเราจะเผามัน เอ้า พูดสิ พูดสิโว้ย"
ความบริสุทธิ์ใจ
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ลอเรน ที่ยืนอยู่บนกองฟืน พร้อมทั้งบ่วงที่ผูกคอ ก็เริ่มเล่าถึงชีวิตของเขา และเป้าหมายของเขาว่า
" ครั้งหนึ่ง ผมเคยอ่านชีวประวัติ ของ บูเกอร์ ที วอชิงตัน ผมจึงเกิดแรงบันดาลใจ อันแรงกล้า ที่พร้อม แม้แต่จะเสียสละชีวิตของตัวผมเอง เพื่อสร้างสถาบันการศึกษาให้แก่ชาวนิโกร ผู้มีฐานะยากจนให้จงได้
เพราะเหตุนี้ ผมจึงเลือกเดินทางมา อยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลความเจริญที่สุด อย่างเมือง แย็คก์ซัน รัฐมิสซิสซิปปี แห่งนี้
ความหมายที่แท้จริง
หากไม่มี อาวุธ ที่หมายถึงคลังความรู้ และไม่มี การต่อสู้ ที่หมายถึง การลงมือทำงานหาเงิน ชาวนิโกรที่ยากจน และโดนเหยียดสีผิวอย่างพวกเรา คงแย่แน่ ๆ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมอบการศึกษาให้แก่เด็กชาย และเด็กหญิงผู้ซึ่งไม่เคยเข้าโรงเรียน มีความสามารถ และความรู้มากพอในการประกอบอาชีพเป็นชาวไร่ชาวนา เป็นช่างเครื่องยนต์ เป็นคนครัว และเป็นแม่บ้าน
อีกทั้งชาวผิวขาวจำนวนไม่น้อยก็ยังมีส่วนช่วยเหลือผม ให้สามารถก่อตั้งโรงเรียนเล็ก ๆ กลางแจ้ง ที่อยู่ด้านในป่า โดยมีตอไม้เป็นโต๊ะเรียนให้กับเด็ก ๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้อีกด้วย"
ผลที่ได้รับ
เมื่อ ลอเรน พูดจบ ก็มีชายชราคนหนึ่ง พูดขึ้นมาว่า "ฉันเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้พูดความจริง เขากำลังปฏิบัติงานที่น่ายกย่องเป็นอย่างมาก มันเป็นความเข้าใจผิดของพวกเราเสียมากกว่า ฉะนั้นเราควรจะช่วยเหลือเขาแทนที่จะแขวนคอเขานะ"
หลังจากนั้น ชายชราและฝูงชนก็ร่วมกันบริจาคเงินเป็นจำนวน 52 เหรียญ 40 เซน เพื่อสบทบทุนในการสร้างโรงเรียนของ ลอเรน ให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย
คำตอบที่มอบให้
หลังจากเหตุการณ์นั้นสิ้นสุดลง ลอเรน ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ เมื่อมีผู้คนเข้ามาถามเขาว่า "คุณเกลียดชังพวกคน ที่ลากคุณไปตามถนน และตั้งใจแขวนคอ พร้อมทั้งจะเผาคุณหรือไม่"
ลอเรน จึงตอบกลับไปว่า "ผมมี งานยุ่งมากเกินกว่าจะไปเกลียดชังใคร ผมไม่มีเวลาที่จะไปทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีเวลาที่จะเศร้าเสียใจ และจะไม่มีบุคคลใด ที่สามารถบังคับผม ให้เกลียดชังใครได้ เพราะเป้าหมายของผมสำคัญกว่าความเกลียดชังมากนัก"
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า "ความโกรธแค้นที่ปราศจากเหตุผลที่ดี ก็เหมืิอนดังการเผาบ้านทั้งหลังเพื่อไล่หนูเพียงตัวเดียว"
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา