9 ม.ค. 2020 เวลา 09:28
การเดินทางของชีวิต
#สอนลูกให้ใช้เงิน "เป็น"
อีกไม่กี่วัน ก็จะเป็นวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 นึกถึงสมัยเป็นเด็กเมื่อนานมาแล้ว โรงเรียนมีของขวัญวันเด็กให้ทุกปี ที่ได้รับประจำคือ สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด และจำได้ว่าเคยได้รับกระปุกออมสินในวันเด็กด้วย
เมื่อนึกถึงกระปุกออมสิน ก็คงจะต้องนึกถึงธนาคารออมสินที่ส่งเสริมการสร้างนิสัยการออมเงินและการฝากเงินมายาวนานต่อเนื่องถึงปัจจุบัน วันเด็กแห่งชาติในปีนี้ทราบว่าธนาคารออมสินเปิดรับฝากเงินเป็นกรณีพิเศษเพื่อปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่วัยเยาว์ พร้อมทั้งแจกของที่ระลึก“กระปุกคิดส์ดี คิดส์พลังบวก” ให้แก่เด็กที่มาฝากเงินหรือเปิดบัญชีด้วยตัวเองตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
นอกเหนือจากการวางแผนการศึกษาเพื่ออนาคตของลูกแล้ว พ่อแม่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างนิสัยและพฤติกรรมการใช้เงินให้กับลูกด้วย
เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินในการซื้อของใช้ประจำวันและสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ พบว่ากลุ่มตัวอย่างกว่า 50 % ยอมรับว่ามีสไตล์การใช้เงินเหมือนพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว จึงสะท้อนให้เห็นว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนานิสัยและพฤติกรรมในด้านต่างๆ ของเด็ก ที่จะเรียนรู้จากพ่อแม่ และนำไปสู่การพัฒนานิสัยและพฤติกรรมต่างๆ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แบบอย่างการใช้เงินของพ่อแม่ จะเป็นการซึมซับทางตรงที่สุดของลูก เด็กจะเรียนรู้การใช้เงินว่าพ่อแม่ซื้อทุกสิ่งอย่างที่อยากได้ หรือซื้อของที่จำเป็น เขาจะเรียนรู้ว่าอะไรฟุ่มเฟือยหรือไม่ก็จากการใช้เงินของพ่อแม่
วิธีสอนโดยแบ่งเงินออกเป็นส่วนต่างๆ เช่น ส่วนแรกเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่จำเป็น ส่วนที่สองคือเงินออมของครอบครัว ส่วนที่สามคือเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการเรียนของลูก และส่วนสุดท้ายคือเงินส่วนที่เหลือซึ่งเราควรจะใช้เงินเงินส่วนนี้ในเรื่องอื่นๆ ก่อนหลังอย่างไร หากให้ลูกมีส่วนร่วมในเรื่องการคิดก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เขาคิดเป็น และเห็นคุณค่าของเงินด้วย
พ่อแม่ควรสอนลูกถึงที่มาของเงินสำหรับใช้จ่ายในครอบครัวด้วยว่ามาจากการทำงานของพ่อแม่หรือมาจากรายได้อะไรให้ลูกเห็นว่าไม่ได้เป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ เพื่อให้เขาเห็นความสำคัญของเงิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะติดตัวลูกไปจนเป็นพฤติกรรมในอนาคต
ช่วงเวลาใช้เงินจึงเป็นช่วงเวลาสอนลูกได้เป็นอย่างดี อยากให้ลูกเป็นแบบไหน เริ่มจากตัวเราก่อน ในวันเด็กที่จะมาถึง ลองมอบบทเรียนการใช้เงินให้ “เป็น” ให้กับลูกเพื่อพื้นฐานที่ดีครับ
การสอนลูกให้รู้จักที่มาของเงิน การแบ่งเงินและตัดสินใจใช้เงินให้เป็น สามารถปูพื้นได้ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กวัยก่อนเข้าเรียนหรือวัยอนุบาลที่ลูกอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจการสอนด้วยคำพูด สามารถสร้้างนิสัยจากการลงมือทำเรื่องต่างๆ เช่น
- การออมเงิน
ออมเงินใส่กระปุกออมสินใบใส ๆ ที่ช่วยให้ลูกเห็นเงินที่เพิ่มขึ้นจนค่อยๆ เต็มในกระปุก และยิ่งใส่มากก็ยิ่งเต็มเร็วขึ้น
- การใช้เงิน
บอกให้ลูกได้รู้ว่าของแต่ละชิ้นที่ซื้อมีราคาเท่าไหร่ และมีผลกับเงินในกระปุกที่ลูกเก็บออมอย่างไร ตัวอย่างเช่น หากลูกอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ ให้ลูกใช้เงินในกระปุกซื้อ ลูกจะเห็นว่ากระปุกไม่เต็มสักทีและเงินในกระปุกยังลดลงไปด้วย สำหรับเด็กเล็กๆ วิธีการแบบนี้จะดีกว่าการสอนด้วยการบอกด้วยคำพูด
เมื่อลูกโตขึ้นในระดับประถมศึกษา สามารถเพิ่มระดับการสอนให้ลูกเข้าใจมากขึ้น ให้ลูกรู้จักการตัดสินใจเลือกใช้จ่ายอย่างเหมาะสม โดย
- การตัดสินใจเลือกกับโอกาสที่จะเสียไป
ให้ลูกได้ตัดสินใจว่าจะนำเงินไปใช้กับของอะไร ตัวอย่างเช่น ถ้านำเงินไปใช้ซื้อเกมส์ ก็จะไม่เหลือเงินสำหรับซื้อรองเท้าคู่ใหม่
- การได้เงินจากการทำงาน
สำหรับคนไทยวิธีนี้อาจต้องประยุกต์ โดยให้เป็นการได้เงินเพิ่มจากเงินที่พ่อแม่ให้ตามปกติ ก็จะช่วยให้ลูกรู้จักกตัญญูและรู้จักค่าของเงินจากการทำงาน ไม่ควรเป็นการให้เปล่าๆ แต่ควรสอนให้ลูกรู้จักการทำงานเพื่อได้เงินเพิ่ม เช่นการมีหน้าที่นำขยะไปทิ้ง การช่วยทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น
- การชะลอการซื้อ
เพื่อเลี่ยงการใช้เงินตามความอยากได้หรืออารมณ์ในขณะนั้น อาจสอนให้ลูกเดินเลือกของอื่นๆ ก่อนและถ้ายังอยากได้ค่อยกลับมาซื้อ และควรสอนให้ลูกมีจำนวนเงินที่ตัวเองควรใช้ในแต่ละวัน เมื่อใชช้เงินจนครบจำนวนของวันนั้นแล้ว ก็ควรรอไปในวันต่อไปแทน ข้อดีคือการสร้างวินัยการใช้เงิน และ ลูกได้มีเวลาทบทวนว่ายังต้องการหรือไม่เมื่อความอยากได้ลดลง
นิสัยการใช้เงินที่ดี หรือ การใช้เงินให้เป็น สามารถสอนได้ตั้งแต่เด็กซึ่งจะติดตัวไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ และ พ่อแม่คือผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างนิสัยการใช้เงินให้กับลูกของตน
นิสัยการใช้เงินที่ดี จะเป็นเกราะป้องกันลูกในอนาคตเมื่อลูกออกเดินทางชีวิตด้วยตัวเอง จะได้รู้จักบริหารการเงินของตัวเอง
ขอบคุณที่มาของขัอมูล
- กระทรวงศึกษาธิการ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา