14 ม.ค. 2020 เวลา 11:37
เรื่องของ..เณรจรจัด🤫
เมื่อครั้งยังเด็ก ตายายกระผมค่อนข้างใกล้ชิดสนิทกับสมภารวัดใกล้บ้าน และมักนำกระผมติดสอยห้อยตามเสมอ ยามปิดภาคฤดูร้อน ตายายเลยให้กระผมบวชเณร ครั้งนั้นกระผมอายุเพียง6-7ปี เณรอ้วนจึงเป็นเณรเด็กที่สุดในวัด และซนเอาเรื่อง
มีครั้งหนึ่ง🌼
เณรอ้วนไปเล่นกองทราย จึงโดนท่านสมภารดุ มันไม่สมควรแก่สมณะ ก็จ๋อยไปพักหนึ่ง เย็นค่ำท่านสมภารให้เณรอ้วนไปนวดตามเคย ปกตินวดเบาๆมักไม่สาแก่ใจพระแก่ๆที่เส้นลึก ครานี้ด้วยความเคืองเล็กๆจึงบีบไม่ยั้ง..แลดูท่านสมภารจะชอบใจ
กระผมยิ่งเคืองไม่รู้จะทำประการใด
ครั้งหนึ่ง 🌼
เณรอ้วนเห็นมะม่วงดกบนต้น จึงอาสาถลกผ้าสบงโจงกระเบน ขึ้นปีนมะม่วง สมภารท่านก็มาจากที่ใดไม่ทันเห็น เณรอ้วนลงจากต้นมะม่วงแทบไม่ทัน โดนดุอีกครั้งว่าไม่สมควรแก่สมณะ และเจ็บใจมากยิ่งขึ้นเมื่อโดนเจ้ามดแดงรุมกัดไข่และปีกาจู้ รวมถึงกัดตามเนื้อตัว
ภาพประกอบไม่ใช้เณรอ้วนแต่เป็นหลาน
รู้สึกโดนบังคับให้ต้องอยู่ในกฏเสมอ แต่ท่านจะใจดีมาก ยามวันพระ คนมาวัดมาก เณรอ้วนเลยกินเพลิน ไม่ทันอิ่มซักที ท่านสมภารเลยพูดดังๆว่า..เอ้า ..กินตามสบาย...ท่านใจดีพูดท่ามกลางคนเต็มศาลา กำลังอร่อยแทบจะสะอึก พวกโยมยิ้มใหญ่หัวเราะคิกคักด้วยท่าทีของเณร
ความโกรธหายไป เพราะท่านจะพาไปเที่ยว บางกอก ตอนนั้นเข้าบางกอกถือว่าเป็นอะไรที่หรู เมืองฟ้าอมรในจินตนาการ
พอเข้าเขตพระนคร ฟ้าอมรไฉนเป็นเยี่ยงนี้ เขาขี่รถลุยน้ำกัน ทำไมไม่แจวเรือ ก็ยังเก็บความสงสัย แล้วทำไมขยะมันแยะมากมาย ลอยละล่องบนผิวน้ำ ช่างไม่น่าภิรมย์ อยากกลับบ้านซะทันที
มาถึงวัดหนึ่งชื่อวัดบวรนิเวศน์วิหาร ตอนนั้นเขาเรียกสั้นๆว่าวัดบวร ท่านสมภารพาเณรอ้วนไปจำวัดก่อนเดินทางไป ทำพิธีหล่อและพุทธาภิเษกที่จังหวัดสมุทรสงคราม
เช้ามาเณรอ้วนซึ่งนอนแยกกับท่านสมภาร ถูกเรียกไปฉันเช้าที่โรงฉัน ขณะเดินก็เจอภิกษุรูปหนึ่ง เด็กอ้วนเดินอุ้ยอ้ายเงยหน้ามองแล้วเดินผ่าน
ภิกษุรูปนั้นหยุด ไต่ถามว่าจากไหน ด้วยใบหน้าที่แลดูยามนั้นว่า..ดุ..แน่ๆ แล้วท่านก็กล่าวคำหนึ่งว่า
"เณรจรจัด" เณรอ้วนได้แต่โมโหแล้วเดินเลี่ยงไป
เมื่อกลับมาจากพระนคร ความเคืองก็ยังมีอยู่ หลังจากสึก นานจนลืมเรื่องนี้ไป
ภาพประกอบไม่ใช่วัดบวรนิเวศน์
จนวันหนึ่งกระผมก็พบภิกษุนั้นโดยบังเอิญ แต่ผ่านทางทีวี ในวันแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช
ใช่แล้วขอรับ..ท่านคือสมเด็จพระสังฆราชในรัชกาลก่อน(รัชกาลที่9) เกล้าผมถึงกับขี้กลากขึ้นหัวในบัดดล พระองค์ท่านคือประมุขฝ่ายสงฆ์และเป็นพระพี่เลี้ยงเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่9ทรงผนวช..แต่ครั้งที่เจอท่านยังไม่ดำรงพระยศสมเด็จพระสังฆราช
ย้อยรอยทำไมถึงพระองค์ท่านกล่าวเช่นนั้น
1.เราไม่มีสัมมาคาระวะ ไม่มีความอ่อนน้อม พระผู้อวุโสเดินผ่านไม่ไหว้หรือแนะนำตัว
อันเป็นธรรมเนียมที่ดีงาม
2.วันนั้น พระลงปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน เพื่อการตักเตือน ปลงเอาบัติ และสวดย้ำพระวินัย
เณรอ้วนหนีไปเที่ยวตลาดไม่บอกท่านสมภาร
เลยไม่ได้ปลงผม..ผมยาวเป็นนกกะลาหัวฟู
หนึ่งเดียวท่ามกลางภิกษุทั้งหลาย แต่ท่านสมภารจะปลงให้คงไม่ทันเพราะต้องรีบไปงาน
สมควรขี้กลากจะขึ้นหัว
ยังสำนึกที่พระองค์ท่านกล่าวอย่างนั้น นับว่าเป็นวาสนาที่โดนท่านเอ็ด
หลายปีก่อนกระผมมีโอกาสศึกษาพระวินัยอย่างจริงจัง และโต้ความกับพระรูปหนึ่งซึ่งสนิทกัน ค้นคว้ามาตอบกันอย่างถึงพริกถึงขิง จึงรู้ว่าพระทุกวันนี้ทำผิดพระวินัยกันมาก ชาวบ้านก็ไม่สนใจ เพราะถือเป็นวินัยพระโยมไม่ควรยุ่ง
แต่..มันสำคัญมาก..เราชาวบ้านจะได้ปฏิบัติต่อสงฆ์ได้ถูกต้อง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ฝากความเป็นศาสดาให้ใครสืบต่อ แต่ยกพระธรรมวินัยให้เป็นศาสดาของถิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านก็มีศีล5เป็นวินัยของฆราวาส
และฝากศาสนาให้กับ สาวก อุบาสก อุบาสิกา หาได้ฝากให้คนใดคนหนึ่ง หรือพวกใดพวกหนึ่งไม่
การดำรงอยู่พระศาสนาตามพุทธยากรณ์5000ปี ก็คงไม่ใช่หน้าที่ใคร...กระมัง😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา