22 ม.ค. 2020 เวลา 16:17 • สุขภาพ
Beauty Gadgets "อุปกรณ์เพิ่มความสวย"
EP.1 : เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ
ทำไม...เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอถึงเป็นอุปกรณ์เพิ่มความสวยได้???
จากปัญหาวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 💨 ในขณะนี้
เราทุกคนมีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากาก N95 ทุกครั้ง เมื่อออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ซึ่งหลายคนก็ประสบปัญหาว่า สิวขึ้น!!! ตามกรอบหน้ารอบๆ หน้ากาก
แล้วที่นี้จะทำอย่างไรดี 🤔 ระหว่าง ...
❎ ไม่ใส่หน้ากาก 🤧
✅ ใส่หน้ากาก 😷
แต่... รู้หรือไม่ ⁉️
การที่หน้าของเราสัมผัสฝุ่น PM 2.5 โดยตรงก็ทำให้เราเป็นสิวอยู่ดี 😱
เพราะฝุ่น PM 2.5 รวมถึงมลภาวะอื่นๆ เช่น แสงแดด รังสียูวี สามารถทำให้
ผิวระคายเคืองบอบบางได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เป็นสิวง่าย มีริ้วรอยจุดด่างดำ
..... ใส่หน้ากากก็สิวขึ้น ไม่ใส่หน้ากากก็สิวขึ้น .....
พบกับตัวช่วยของปัญหานี้...."เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ"
เพราะเจ้าอุปกรณ์ตัวจิ๋วนี้ ผู้ผลิตเค้าเคลมว่า กำจัดฝุ่น PM 2.5 ได้
ซึ่งนั่นหมายความว่า เราไม่ต้องใส่หน้ากากและเราก็ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้
ดังนั้น หน้าเราก็ไม่เป็นสิว
"เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ"
โดยหลักการของเครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอของทุกแบรนด์ คือ
ผลิตประจุลบ (Negative Ion) ออกมาจากตัวเครื่อง เพื่อสร้างเป็นม่านไอออนบริเวณใบหน้า เมื่อประจุไอออนสัมผัสกับอนุภาคต่างๆ ในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ไวรัส แบคทีเรีย ก็จะทำให้ฝุ่นละอองนั้นตกร่วงลงมาที่พื้น
.... เปรียบเสมือนฝุ่นวิ่งมาชนกำแพงแล้วน็อคร่วงลงพื้นไป พอฟื้นขึ้นมาก็ลอยฟุ้งกลับเข้าไปสู่อากาศ ....
ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/38zoIPh
ตัวอย่างและหน้าตาของอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นแบบพกพาตัวจิ๋ว
✅ ข้อดีตามที่ผู้ผลิตกล่าวอ้าง ได้แก่
1. ดักจับฝุ่นละออง และมลภาวะบริเวณใบหน้าได้
2. กำจัดแบคทีเรียได้ประมาณ 96.8%
3. น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
4. ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์หรือไส้กรอง
❎ ข้อเสีย
1. ต้องชาร์จแบตเตอรี่ทุกวัน
2. มีคนกล่าวว่า เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ จำเป็นต้องปล่อยประจุลบในปริมาณที่สูงมาก เพื่อสร้างม่านไอออนบริเวณใบหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดโอโซน ซึ่งเป็นก๊าซพิษ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อสูดดมเข้าไป
3. ราคาแพง (ราคาโดยเฉลี่ยของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือจะเริ่มต้นที่ 4,xxx บาท)
ทั้งนี้ ได้มีเสียงวิพากวิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นวงกว้างเรื่องประสิทธิภาพของการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ของ "เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ" ว่า
.... ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้จริง เมื่อนำมาใช้ในสถานที่เปิด ....
จากข้อมูลข้างต้น จึงอยากให้ทุกคนพิจารณาถึงความเหมาะสม
..... ระหว่าง....
💡 การเลือกใช้หน้ากาก N95 ที่ราคาต่อชิ้นประมาณ 35 บาท
ซึ่งหากเราเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน (365 วัน ใน 1 ปี)
เราก็จะจ่ายเงินอยู่ที่ 35 x 365 = 12,775 บาท/ปี
แต่เราไม่ได้ออกนอกบ้านกันทุกวัน ใช่มั้ยคะ
สมมติว่า เราออกนอกบ้านแค่วันจันทร์-วันศุกร์ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนหน้ากากทุกวันเพราะว่า ใส่แปบเดียว (มีใส่ซ้ำในบางวัน)
คิดว่าใน 1 ปี เราใช้หน้ากาก N95 จำนวน 240 ชิ้น
เราก็จะจ่ายเงินอยู่ที่ 35 x 240 = 8,400 บาท/ปี
.... ดูเหมือนว่า จำนวนเงินที่จ่ายค่าหน้ากาก N95 จะสูงกว่าเงินค่าเครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ หากเราต้องซื้อหน้ากากเปลี่ยนใส่ทุกวัน
แต่ทั้งนี้ ก็แลกกับ "ความมั่นใจว่า ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้จริง"
หรือ
💡 การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศแบบห้อยคอ
การที่อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถนำเข้ามาขายได้ในหลายๆ ประเทศ เช่น อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่นและไทย ย่อมต้องมีผลการทดสอบว่า
ตัวเครื่องมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น
แต่ในแง่ของการใช้จริง เมื่อเราอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรือขณะที่เราทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เช่น วิ่ง เครื่องจะสามารถปล่อยประจุลบออกมา ให้ปกคลุมบริเวณใบหน้าของเราได้เพียงพอตลอดเวลาหรือไม่
ซึ่งข้อนี้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง
และนี่ก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ In-trend ของยุคนี้ ที่สามารถช่วยป้องกันฝุ่นและมลภาวะในอากาศ ให้เรามีผิวสวยแข็งแรง ไม่อ่อนแอ บอบบางแพ้ง่าย ค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา