1 ก.พ. 2020 เวลา 13:00
#MSInfographic : ปัจจุบันเม็ดเงินที่หมุนเวียนในฟุตบอลไทยมีมูลค่าเท่าไหร่?
กีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการแข่งขัน ชิงชัยในสนามเพียงอย่างเดียว แต่ธุรกิจและเม็ดเงิน ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลในกีฬาลูกหนัง คอยขับเคลื่อนกีฬานี้ให้ก้าวไปข้างหน้า
วงการฟุตบอลไทยในปัจจุบัน ได้เข้าสู่โลกธุรกิจอย่างเต็มตัว มีนักธุรกิจมากมายเลือกลงทุนกับธุรกิจฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเจ้าของทีม หรือสปอนเซอร์ ทำให้วงการฟุตบอลไทย เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ซีรีส์ "ฟุตบอลไทย...แท้จริงอยู่ตรงไหน?" ของ Main Stand ในครั้งนี้ จะพาไปดูมูลค่า และเม็ดเงินที่หมุนเวียน อยู่ในวงการฟุตบอลไทย ว่าในตอนนี้ มูลค่าของฟุตบอลไทย อยู่ในจุดไหนในปัจจุบัน
เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ย้อนไปในปี 2016 เว็บไซต์ Transfermarkt เว็บไซต์ที่จัดมูลค่าให้กับนักฟุตบอล ที่ได้รับการยอมรับ และน่าเชื่อถือมากที่สุดแหล่งหนึ่งของโลก ได้ตีมูลค่าฟุตบอลลีกไทยไว้ที่ 33.343 ล้านปอนด์ หรือราว 1,336 ล้านบาท
แต่เพียงแค่ฤดูกาลถัดมา ในปี 2017 มูลค่าไทยลีกก้าวกระโดด เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว โดยไทยลีกมีมูลค่าสูงถึง 70.04 ล้านปอนด์ หรือราว 2,806 ล้านบาท
เหตุผลที่ในปี 2017 มูลค่าของไทยลีกเติบโตอย่างมหาศาล มีเหตุผลมาจากกการย้ายตัว ของนักเตะหลายรายในช่วงปีนั้น ที่มีมูลค่าหลายสิบล้าน เช่น การย้ายตัวของธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่มีมูลค่ามากถึง 50 ล้านบาทไทย
ประกอบกับการออกไปเล่นที่ประเทศญี่ปุ่น ของชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำให้ฝีเท้าของนักฟุตบอลไทย เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในระดับเอเชีย ย่อมทำให้มูลค่าของไทยลีก เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ทำการวิจัยการเติบโตของไทยลีก และพบว่าเม็ดเงินที่หมุนเวียน ในฟุตบอลลีกไทย เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นลำดับอย่างมั่นคง ทั้งในแง่ค่าตัวและค่าเหนื่อยของนักฟุตบอล ที่เพิ่มขึ้นไม่มีสิ้นสุด
จำนวนเม็ดเงินที่ไหลเวียน อยู่ในลีกจำนวนมาก ทำให้มูลค่าของลีกมีความมั่นคง เพราะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ โครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแรงของลีก
ในฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา คือฤดูกาลที่ไทยลีก มีมูลค่าสูงสุด ที่ 72.68 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,912 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการลดจำนวนทีมในลีก ทำให้การแข่งขันในลีกสูงขึ้น ทุกทีมต้องพัฒนา หานักเตะที่มีคุณภาพเข้าสู่ลีก การแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น
นอกจากนี้ ยอดผู้ชมในสนาม ในฤดูกาล 2019 ได้เพิ่มขึ้นจากหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นการบ่งบอกว่า ฟุตบอลไทยกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ทำให้มูลค่าของลีกได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่มีผลสำคัญต่อมูลค่าของไทยลีก คือ ความเป็นมืออาชีพที่เพิ่มขึ้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา หลายสโมสรมีการปรับตัว ทั้งการปรับปรุงสนาม สร้างสนามซ้อมที่ได้มาตรฐาน การลงทุนในด้านเยาวชน ที่เห็นเป็นรูปธรรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ลีกไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดด
รายได้สูง กำไรต่ำ
ปัจจุบันสโมสรฟุตบอล ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทีมกีฬา แต่เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่า สามารถต่อยอดจากชื่อและโลโก้สโมสร ในการหารายได้เข้าสู่องค์กร หรือใช้เป็นพื้นที่ในการโปรโมตธุรกิจพันธมิตรได้อีกด้วย
จากข้อมูลที่เผยแพร่ในปี 2019 เราได้เห็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีรายได้พุ่งสูง 784 ล้านบาท และสโมสรเอสซีจี เมืองทอง มีรายได้อยู่ที่ 503 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะทั้งสองทีมมีชื่อเสียงมายาวนาน มีแฟนคลับหนาแน่น ต่อยอดธุรกิจกับสปอนเซอร์ได้เป็นอย่างดี ทำกิจกรรมกับแฟนคลับ ขยายฐานกองเชียร์อยู่เสมอ รวมถึงเป็นสองทีมที่มียอดขายของที่ระลึก เช่น เสื้อแข่ง, ผ้าพันคอ ระดับแถวหน้าของไทยลีก
แม้ว่าในปัจจุบัน สโมสรฟุตบอลแถวหน้าของไทยลีก จะมีรายได้ระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไป แต่หากมองถึงเรื่องกำไร-ขาดทุนสุทธิแล้ว จะพบว่าสโมสรไทย มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งการทุ่มเงินซื้อตัวผู้เล่น ค่าเหนื่อยของนักเตะที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้สโมสรฟุตบอลไทย มีกำไรน้อยมาก
บุรีรัมย์ มีกำไรเพียง 17 ล้านบาท ด้านเอสซีจี เมืองทอง มีกำไรเพียง 7 ล้านบาท หรือในส่วนของสโมสรการท่าเรือ มีกำไร 5 ล้านบาท จากรายรับ 233 ล้านบาท และราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีกำไร 1 ล้านบาท จากรายได้ 124 ล้านบาท
ที่น่าตกใจที่สุดคือสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งมีรายรับมากถึง 302 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ของไทยลีก แต่กลับขาดทุนมากถึง 199 ล้านบาท
สำหรับเวทีระดับโลก การได้กำไรน้อย ของสโมสรฟุตบอล ไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ สโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีกำไรเพียง 10 ล้านปอนด์ ในปี 2018 (408 ล้านบาท) หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีกำไร 26 ล้านปอนด์ (1,062 ล้านบาท) จากรายได้มากกว่า 500 ล้านปอนด์ของทั้งสองทีม
1
กระนั้นสโมสรฟุตบอลไทยจำเป็นต้องป้องกันการขาดทุนของสโมสร เพราะหากมองไปที่สโมสรฟุตบอลชั้นนำในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซนอล, เลสเตอร์ ซีตี้, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ไม่มีทีมใดขาดทุนแม้แต่ทีมเดียว แม้ว่าแต่ละทีม จะมีรายจ่ายมากกว่า 100 ล้านปอนด์ก็ตาม
ฟุตบอลไทยในปัจจุบัน ไม่ต่างจากฟุตบอลอังกฤษ มีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียน มีค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เติบโต ค่าตัวและค่าเหนื่อยนักเตะเพิ่มขึ้นในทุกปี สโมสรพัฒนาสู่ความเป็นแบรนด์ มีมูลค่าทางการตลาด เป็นมากกว่าสโมสรฟุตบอล
แต่ท่ามกลางกองเงินมหาศาล วงการฟุตบอลไทยต้องให้ความสำคัญ กับความมั่นคงของสโมสร เหมือนอย่างสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ เพราะแม้ฟุตบอลไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่รากฐานของเราเติบโตมาได้เพียงแค่ 10 ปี บางครั้งการพยายามแล่นเร็วเกินไป อาจทำให้ฟุตบอลไทย แหกโค้งตกข้างทางโดยไม่รู้ตัว
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา