4 ก.พ. 2020 เวลา 13:20 • ความคิดเห็น
เจาะลึก Bitcoin Halving ในปีนี้จะส่งผลยังไงต่อราคา Bitcoin
ขอบคุณภาพจาก https://changelly.com
ในเดือนพฤษภาคม 2020 Bitcoin จะเกิดเหตุการณ์ "Halving" เป็นครั้งที่ 3
ในอดีตก่อนเกิดเหตุการณ์ Halving ได้ 6 เดือนราคา Bitcoin พุ่งทยานขึ้นมาประมาณ 1.7 เท่าและเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 2.6 เท่า
ขอบคุณภาพจาก Changelly.com
ขอบคุณภาพจาก https://twitter.com/marco93104155/status/1214482392909520896
Bitcoin Halving คืออะไร ?
อธิบายสั้น ๆ ก็คือ "ลดการสร้าง Bitcion ลงครึ่งหนึ่ง"
1
อธิบายให้ยาวกว่านั้นหน่อยก็คือ
"ระบบจะทำการลดอัตราการขุด(ผลิต) Bitcoin ลงครึ่งหนึ่ง"
อธิบายให้ยาวสุด ๆ เลยก็คือ
"ทุก ๆ 210,000 Block (ประมาณทุกๆสี่ปี) รางวัลของนักขุดสำหรับบล็อกขุดในเครือข่าย Bitcoin จะลดลงครึ่งหนึ่งและเหรียญใหม่จะเริ่มปรากฏขึ้นช้าลงสองเท่า และจะเกิดขึ้นจนกว่า Bitcoin จะมีปริมาณสุทธิสูงสุดคือ 21 ล้าน Bitcoins ซึ่งประมาณการไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2140"
2
ขอบคุณภาพจาก https://www.investopedia.com
มาถึงจุดนี้ หลายคนยังไม่เข้าใจว่า Block คืออะไร ? แล้วการขุดคืออะไร ? ซึ่งรายละเอียดนั้นมีมากพอสมควร ในบทความนี้จึงจะขอสรุปสิ่งที่ควรรู้คร่าว ๆ
1
ทำไมต้องมีการ Halving ?
เหตุผลง่าย ๆ เลยก็คือ "การเลียนแบบพฤติกรรมและทำ Bitcoin ให้เป็น Safe Heaven เหมือนทองคำ" ซึ่งทำให้ Bitcoin ถูกขนานนามว่า "ทองคำแห่งโลกดิจิทัล (The Digital Gold)"
3
เจตนารมของผู้สร้าง Bitcoin คือวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2008 ที่ทำให้เกิดการผลิตเงินจำนวนมากเข้ามาอัดฉีดเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
Satoshi Nakemoto จึงต้องการสร้างระบบการเงินที่มีอัตราผลิตที่แน่นอนมีจำนวนจำกัดและคาดเดาได้เหมือนทองคำที่ไม่ถูกรัฐบาลควบคุม
7
ขอบคุณภาพจาก https://www.btcnn.com
ทองคำนั้นเป็นสินทรัพย์เดียวในประวัติศาสตร์โลกที่มูลค่าไม่ลดลงในระยะยาว เนื่องจากคุณสมบัติสำคัญคือ "ทองคำมีอยู่อย่างจำกัด" ไม่สามารถผลิตขึ้นมาโดยง่าย และ "เป็นที่ต้องการทั่วโลก"
3
ที่ Bitcoin ถูกเรียกว่า Digital Gold เพราะว่าในสมัยแรกนั้น ทองคำนั้นหาได้ง่าย มีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทองคำกลับหายากขึ้นเรื่อย ๆ และมีต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทองคำที่หมุนเวียนในระบบส่วนใหญ่เป็นทองคำที่ผลิตขึ้นมานานแล้ว มากกว่าที่จะเป็นทองคำที่ผลิตขึ้นใหม่
ขอบคุณภาพจาก https://coingape.com/
การขุด(ผลิต) Bitcoin เกิดขึ้นได้ยังไง?
1
1.ต้นกำเนิดระบบการทำงานของ Bitcoin
- ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้สร้างระบบที่เรียกว่า "Blockchain" ออกมา เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัล จากการปั๊มเงินออกมาเรื่อย ๆ ได้ตามใจชอบ
- โดยการทำงานของอัลกอริทึม จะกำหนดปริมาณเงินในระบบไว้ไม่ให้เกิน 21 ล้านหน่วย ทำให้ Bitcoin เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากมีระบบป้องกันเงินเฟ้อ
1
Satoshi Nakamoto
2. การขุด Bitcoin
- คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่เปลี่ยนรูปแบบมาใช้คอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบ Bitcoin ใช้ในการทำ/บันทึกธุรกรรมต่าง ๆ และได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน Bitcoin
- แต่ก่อนจะเป็นเจ้าของ Bitcoin และได้ค่าตอบแทน จะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ใครถอดสมการได้ก่อนก็จะได้รับรางวัลในการเป็นเจ้าของ Bitcoin ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง
5
ขอบคุณภาพจาก https://arstechnica.com/
- เพื่อรักษาให้จำนวน Bitcoin มีการเกิดใหม่อย่างสม่ำเสมอ ระบบ Blockchain จึงมีสิ่งสำคัญที่เรียกว่า ค่า Difficulty ซึ่งบ่งบอกถึง "ระดับความยาก" ของการขุดหรือการแก้ไขสมการคณิตศาสตร์นั่นเอง
- โดยทุก ๆ 2016 Block จะเกิดการปรับค่า Difficulty โดยจะปรับขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับว่า Block ที่ขุดได้ในเวลาที่ผ่านมานั้นเฉลี่ยแล้วมันมากกว่าหรือน้อยกว่า 10 นาที
หากมากกว่า 10 นาทีค่า Difficulty จะปรับลดลง
หากน้อยกว่า 10 นาทีค่า Difficulty จะปรับเพิ่มขึ้น
- ทำให้ไม่ว่าจะมีจะมีนักขุดมากแค่ไหนหรืออุปกรณ์ดีแค่ไหนค่า Difficulty จะควบคุมให้ Bitcoin นั้นถูกขุดได้ในอัตราเฉลี่ยทุกๆ 10 นาที
3
ขอบคุณภาพจาก https://blockchain-review.co.th
นั้นทำให้ไม่ว่าจะมีจะมีนักขุดมากแค่ไหนอุปกรณ์ดีแค่ไหนค่า Difficulty จะควบคุมให้ Bitcoin นั้นถูกขุดขึ้นมาในอัตราเฉลี่ยทุกๆ 10 นาที
3.มูลค่าของ Bitcoin มาจากไหน
ในสมัยก่อนคนยังไม่รู้จะเอา Bitcoin ไปใช้อะไร มูลค่าเลยต่ำ ไม่ต่างจากการมองเพชรเป็นก้อนหิน
1
แต่ปัจจุบัน Bitcoin ได้ถูกนำมาใช้สอยในตลาดอย่างหลากหลาย เช่น
- เป็นสกุลเงินที่ชำระสินค้าได้
- เป็นตัวกลางการโอนเงินต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องผ่านธนาคาร (และไม่ต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคาร)
- ใช้เป็น Safe Heaven เหมือนทองคำ
- การซื้อขายเก็งกำไร
3
สิ่งเหล่านี้ทำให้ Bitcoin มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมาก
Bitcoin เป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ไม่สามารถขุดเพิ่มได้เกิน 21 ล้าน BTC แต่มูลค่าของ Bitcoin ไม่ได้เป็นเพราะมันมีอยู่อย่างจำกัด
การมีจำนวนจำกัดนั้นทำให้ Bitcoin เป็น Safe Heaven ที่น่าเชื่อถือ แต่ขณะเดียวกัน หากไม่มีใครต้องการใช้มัน Bitcoin ก็ไม่มีค่าอยู่ดี
เช่น น้ำมันบนโลกมีจำกัด แต่ทุกวันนี้เริ่มมีพลังงานทดแทน เช่น รถพลังงานไฟฟ้า ก็ทำให้น้ำมันมีมูลค่าต่ำลง และหากวันหนึ่งมีแหล่งพลังงานที่ดีกว่าและทดแทนน้ำมันได้ 100% ก็จะไม่มีใครต้องการน้ำมันอีกต่อไป น้ำมันก็จะกลายเป็นของไร้มูลค่าทันที
ขอบคุณภาพจาก https://blockchain-review.co.th
4. Halving
- วันแรก Bitcoin เริ่มทำงาน ใน Genesis Block นั้นมี Bitcoin อยู่ 50 BTC และหลังจากนั้นในทุกๆ Block ที่ขุดได้ (ทุกๆ 10 นาทีโดยประมาณ) จะมี Bitcoin ถือกำเนิดขึ้น 50 BTC
- โดยซอฟต์แวร์ Bitcoin นั้นได้เขียนเงื่อนไขซึ่งก็คือการ Halving ไว้ว่า “ในทุก 210,000 Block ที่ขุด Bitcoin ได้ Bitcoin ที่ถูกผลิตขึ้นใหม่และมอบเป็นรางวัลแก่นักขุดจะลดลงครึ่งหนึ่ง”
- ระยะเวลา 210,000 Block นั้นคำนวณได้ใกล้เคียงกับเวลา 4 ปีทำให้ Bitcoin ในปัจจุบันมีการ Halving ไปแล้วสองครั้ง
- ครั้งที่ 1 (พ.ย. ปี 2012) ลดจาก 50 เป็น 25 BTC ตอนนั้นมี Bitcoin ถูกผลิตขึ้นมา 10,500,000 BTC
- ครั้งที่ 2 (ก.ค. ปี 2016) ลดจาก 25 เป็น 12.5 BTC ตอนนั้นมี Bitcoin ถูกผลิตขึ้นมา 5,250,000 BTC
- ครั้งที่ 3 เหลืออีก 97 วัน โดยลดจาก 12.5 เป็น 6.25 BTC
- และใน 4 ปีต่อ ๆ ไปก็จะลดเหลือ 3.125 1.5625 ไปเรื่อย ๆ
- ในปี 2140 Bitcoin จะถูกผลิตครบ 21 ล้าน BTC
ขอบคุณภาพจาก https://www.ig.com
ขอบคุณภาพจาก https://www.ig.com
ผลลัพธ์ต่อราคา Bitcoin จากการ Halving ที่ผ่านมา
1st Halving ปี 2012
ราคา Bitcoin จาก $12.22 พุ่งถึง $1,242 ปลายปี 2013
2nd Halving ปี 2016
ราคา Bitcoin จาก $652.14 พุ่งถึง $20,000 (All-time high)
3rd Halving ปี 2020
???
ตามหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นแล้ว : อัตราการเกิดของ Bitcoin ลดลง > Supply ลดลง > ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น
ตีความหมายคือ ทำให้ Bitcoin จะหายากขึ้น ในขณะที่ Demand เพิ่มขึ้นหรือเท่าเดิมส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณภาพจาก https://bitcoinaddict.org
อย่างไรก็ตามยังมีนักวิเคราะห์บางกลุ่ม ที่มีความเห็นต่างออกไป ดังนี้
Willy Woo นักวิเคราะห์ Crypto เตือน "อย่าคาดหวังว่าราคา Bitcoin จะกลับมาหลังจาก Halving ที่กำลังจะมาถึงนี้"
นักวิเคราห์ Crypto เปิดเผยว่าเขามีความกังวลเกี่ยวกับราคาของ Bitcoin ไม่ใช่แค่ในระยะสั้นเท่านั้น – แต่ถึงยังรวมไปถึงช่วงหลังจากเกิดการ halving เดือนพฤษภาคม 2020 ไปแล้วด้วย
ขอบคุณภาพจาก https://u.today/crypto-trader-willy-woo-bitcoin-will-rise-in-2020-but-theres-one-if
“ผมคาดว่า Bitcoin จะมีความผันผวนมากขึ้น ในระยะสั้นนั้นเป็นขาลงชัดเจน และอย่าคาดหวังว่าราคาจะกลับมาหลังจากเกิดการ Halving เหมือนในอดีต”
เขายังอ้างถึงแนวโน้มในอดีตของ Bitcoin ย้อนไปที่ช่วงการเกิด Halvings เมื่อสองครั้งก่อนหน้านี้ ปี 2012 และ 2016 หลังจาก Halvings ผ่านไปไม่กี่เดือนตลาด Bitcoin ก็กลายเป็นตลาดกระทิง
"ครั้งนี้ราคาร่วงไปถึง 7500$ และนักขุดหลายคนจะพากันเทขายและออกจากตลาดไป หลายคนคิดมันจะเหมือนในอดีต ที่มีการปั้มราคาก่อนถึง Halvings 6 เดือน แต่พวกเค้าก็ต้องล้มเหลว"
1
ขอบคุณภาพจาก https://www.chula.ac.th/cuinside/24541
ข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่ขัดแย้งว่าราคา Bitcoin อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก
1. ปัจจุบัน Bitcoin ที่ผลิตขึ้นแล้วมีประมาณ 18 ล้าน BTC หรือ 85% ของ Bitcoin ทั้งหมด นั่นหมายถึง Bitcoin ที่หมุนเวียนในระบบคิดเป็น 85% ของ Bitcoin ทั้งหมดแล้ว
2. การ Halving ครั้งนี้ไม่เหมือน Halving 2 ครั้งก่อน
ครั้งแรก Bitcoin ถูกผลิตขึ้นมาแล้ว 50% จากทั้งหมด
ครั้งที่ 2 Bitcoin ถูกผลิตขึ้นมาแล้ว 75% จากทั้งหมด (+25%)
ครั้งที่ 3 Bitcoin ถูกผลิตขึ้นมาแล้ว 87.5% จากทั้งหมด (+12.5%)
3. Bitcoin ที่จะผลิตหลักจาก Halving ครั้งที่ 3 จะมีเพียง 6.25% หรือปีละ 1.8% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ Bitcoin ที่มีอยู่แล้ว
1
4. สัดส่วน Supply ที่ลดลงจากการ Halving ทุกครั้งน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ราคาอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ขอบคุณภาพจาก https://www.igcsecentre.com
บทสรุปและความเป็นไปได้
1. อย่างไรก็ตามหลักการในเชิงจิตวิทยากล่าวว่า "การลดลงของทรัพยากรใดก็ตาม จะมีผลอย่างมากต่อคนหมู่มากที่จะพยายามหาเหตุผลใด ๆ ก็ตาม มารองรับความเชื่อที่ว่า สิ่งเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น"
2. Bitcoin ยังเป็นทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัด แม้จะถูกผลิตเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่หลังการ Halving สัดส่วนที่ผลิตจะเป็นสัดส่วนที่น้อยลงเสมอ และที่ผ่านมาสัดส่วนของ Bitcoin ที่ผลิตนั้นก็มีมากเมื่อเทียบกัน แต่ราคา Bitcoin ในระยะยาวก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้นหมายความว่า หาก Demand ของ Bitcoin นั้นเท่าเดิมหรือมากขึ้นราคา Bitcoin หลังจากนี้ควรจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา