10 ก.พ. 2020 เวลา 08:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“เงินน้อย” แต่อยากลงทุน!
เราเชื่อว่ามีคนมากมายที่อยากจะเป็นนักลงทุน อยากจะได้เงินจำนวนมาก แต่หลายคนคงสงสัยว่าถ้าอยากเป็นนักลงทุนแต่งบน้อยต้องทำยังไง?
3
สิ่งแรกที่หลายคนมักมองข้ามแต่สำคัญมากๆ คือ เมื่อใดก็ตามที่คิดอยากลงทุน คนส่วนมากมักจะนึกถึง เงินลงทุนและผลตอบแทนก่อนเป็นอันดับแรก
1
“ต้องลงทุนเท่าไหร่ถึงจะได้กำไรเยอะๆ อย่างรวดเร็ว”
การลงทุนจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
เงินที่ลงทุน อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ (ซึ่งส่วนมากจะให้เป็นเปอร์เซ็นต์) และระยะเวลา
2
จริงๆแล้วมีเงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถลงทุนได้ แต่ว่าการมีเงินเพียงอย่างเดียวเราอาจจะลงทุนไม่สำเร็จ เพราะว่าอะไร และต้องทำอย่างไรต้องทำความเข้าใจทีละขั้นตอนดังนี้
การลงทุนไม่ได้เริ่มจากเงิน แต่เริ่มจากทักษะ
หากพูดถึงนักลงทุน คนส่วนมากและเกือบทั้งหมดจะมองว่า นักลงทุนจะต้องใช้เงินเยอะ หลักหมื่น แสน ล้าน หรือมากกว่า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างแรกเลย คือ การเป็นนักลงทุน คืออาชีพที่คนจะทำเป็นอาชีพเสริมของทุกอาชีพ เพราะในโลกของการทำงานยิ่งคนเราอายุมากขึ้น แก่ขึ้น เรื่องประสิทธิภาพในการทำงานจะลดน้อยลง นั่นหมายถึงการสร้างรายได้จากการทำงานก็ลดน้อยลงด้วย
ถ้าคิดดูดี ๆ อาชีพนักลงทุนเป็นอาชีพเดียวที่สวนทาง คือยิ่งแก่ยิ่งรวยนั่นเอง
เพราเหตุผลนี้จึงมีคำถามว่า แล้วอาชีพนักลงทุนจะต้องเริ่มต้นยังไง?
ถ้าใครที่มีความคิดว่าต้องรวยก่อนแล้วค่อยมาลงทุน คุณจะเป็นคนที่พลาดอย่างมาก ยกตัวอย่าง หลายคนเก็บเงินจนเกษียณ แล้วไม่ได้มีความรู้ทางด้านการลงทุนที่ถูกต้อง พอมีเงินก้อนแล้วเอามาลงทุน มาเข้าตลาดหุ้น ถ้าหากคุณเจ้งแล้วจะลุกไม่ได้
เพราะการลงทุนที่ถูกต้องไม่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างรวดเร็ว จริง ๆ แล้วการลงทุนต้องใช้ทักษะเป็นอย่างมาก และการฝึกทักษะต้องฝึกฝนตั้งแต่มีเงินน้อย ๆ หรือยังไม่มีเงินลงทุนเลย
ตัวอย่างการลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ โดยที่ไม่ต้องเลือกหุ้น
สามารถเลือกลงทุนกับ ETF ได้ ซึ่งเป็นกองทุนเปิดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ซื้อขายได้สะดวก(เหมือนหุ้น) ใช้เงินลงทุนน้อย ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำ บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม (บลจ.)
1
ตัวนี้จะคล้ายการลงทุนในที่ดิน ถ้าคุณถือแล้วไม่ขายเลย คุณสามารถส่งตัวนี้เป็นมรดกให้ลูกหลานได้ อารมณ์เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของCP Central AOT ก็คือETF นั่นเอง
และถามว่าในอนาคตบริษัทใหญ่จะล้มง่ายมั้ย? ไม่แน่นอน นับวันยิ่งเติบโตมากขึ้น อัตราการเติบโตของผลกำไรเราก็เพิ่มขึ้นตาม
หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือการฝากประจำ (Fixed deposit) เป็นการเก็บเงินเป็นจำนวนเท่าๆ กันสม่ำเสมอทุกเดือนมีกำหนดระยะเวลาในการฝาก และไม่สามารถถอนได้ทันที ส่วนมากจะตัดเงินจากบัญชีเงินเดือนไปเป็นเงินฝากประจำ ดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน อยู่ที่ไม่เกิน 3% ต่อปี
แล้วคำถามที่ตามมาคือ
ถ้าอยากหัดลงทุนต้องเริ่มต้นที่เงินจำนวนเท่าไหร่ บางคนคิดว่าเป็นหมื่นเป็นแสน ถ้าคิดอย่างนั้นคุณคิดผิด! บางที่เริ่มต้นเพียงหน่วยละ11บาท หากซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย ก็อยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท เท่านั้นก็เริ่มลงทุนได้แล้ว
2
นั่นหมายความว่าทุกคนสามารถเป็นนักลงทุนได้ และการเปิดบัญชีหุ้นหลายคนคิดว่าต้องรวยรึเปล่า ไม่ใช่เลย ยกตัวอย่างว่าหากคุณเดินไปธนาคารกรุงเทพ ไปขอเปิดบัญชีหุ้น คุณยังไม่ต้องเสียเงินสักบาท เปิดไว้ก่อนก็ยังได้ แล้วค่อยเพิ่มเงินลงไปพร้อมกับการฝึกฝนไปในตัวเพื่อให้เกิดความชำนาญ
เคล็ดไม่ลับของการลงทุนคือ ต้องเข้าใจว่าการลงทุนคือซื้ออะไรก็ตาม สิ่งนั้นมูลค่าต้องเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นการลงทุนกับที่ดิน สินทรัพย์ พระเครื่อง หรือของโบราณก็ได้
ซึ่งในการลงทุน ให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้ใช้เวลาเพียงข้ามคืน หากแต่เพียงต้องใช้ความลงตัวของผลตอบแทน และ เวลาที่เหมาะสม
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงต้องหัดลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา เพื่อที่สะสมแต้มบุญไปเรื่อย ๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ได้ในอนาคต และหากมีความรู้ที่ถูกต้อง ก็สามารถทำให้หลายคนเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้
บทความนี้เป็นเพียงสรุปจากเนื้อหาที่หญิงศึกษาด้วยตัวเอง และอยากจะแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ศึกษาไปพร้อมกัน
เพื่อน ๆ ควรศึกษาความรู้จากหลาย ๆ ที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จและมีความสุขในการลงทุนค่ะ
วัยรุ่นลงทุน
#วัยรุ่นลงทุน
#virunlongtun
โฆษณา