ว.วิสัชนา. . .
การตอบแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่นั้น มีด้วยกัน ๒ ลักษณะ กล่าวคือ
๑. การตอบแทนขั้นธรรมดา คือ การตอบแทนพระคุณด้วยวิธีการของลูกทั้ง ๕ ประการ
๒. การตอบแทนขั้นสูงสุด ก็คือ การบำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตร นำพาพ่อแม่ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขโดยการประพฤติปฏิบัติธรรม เหมือนกับที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า
"ลูกที่ระลึกถึงคุณูปการของพ่อแม่อย่างถึงที่สุด หากนำมารดาวางไว้บนบ่าขวา บิดาวางไว้บนบ่าซ้าย ปรนนิบัติอุปถัมภ์บำรุงท่าน ให้ท่านอุจจาระ ปัสสาวะ อยู่บนไหล่ขวา และไหล่ซ้ายนั้น จนกระทั่งล่วง ๑๐๐ ปี ก็ยังไม่ถือว่านี่เป็นการตอบแทนอันสูงสุด"
"ต่อเมื่อใดก็ตาม ที่ลูกได้นำพาบิดามารดาที่ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธา ไม่มีศีลให้มีศีล มีตระหนี่ให้คลายจากความตระหนี่ ไม่มีปัญญาให้มีปัญญา กล่าวโดยรวมก็คือ นำพาพ่อแม่จากที่ไม่มีธรรมะให้หันกลับมามีธรรมะ ลูกคนไหนทำได้เช่นนี้ ถือเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่อย่างสูงที่สุดตามแนวทางพระพุทธศาสนา"
เหมือนกับที่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเคยวางทิฏฐานุคติ (แบบแผนอันดีงาม) ให้เราได้เรียนรู้ กล่าวคือ
พระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นพระอัครสาวกองค์สำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเดินสายบรรยายธรรมทำให้คนมีชีวิตที่หลุดพ้นจากความทุกข์ตรมขมไหม้มามากมายนับไม่ถ้วน ในฐานะพระอัครสาวกซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่ทรงภูมิปัญญาเป็นเอก
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ตราบใดก็ตามที่ท่านยังไม่สามารถโปรดบุคคลผู้หนึ่งให้บรรลุดวงตาเห็นธรรมได้ ท่านก็คงจะรู้สึกอยู่เสมอว่า การทำหน้าที่ของท่านในฐานะพระอัครสาวกยังไม่สมบูรณ์หรือบางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าท่านได้ทำหน้าที่ของพระอัครสาวกสมบูรณ์แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นลูก หากท่านยังไม่ได้กลับไปโปรดโยมมารดาของท่าน ท่านก็คงจะไม่ได้ชื่อว่าทำหน้าที่ของลูกที่สมบูรณ์
ด้วยเหตุดังนั้น แม้ท่านจะทำให้ผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลบรรลุธรรมแล้ว แต่ท่านก็ยังนิพพานไม่ได้ วันหนึ่ง เมื่อท่านแจ้งแล้วว่ากำลังจะถึงแก่นิพพาน ท่านจึงได้ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน และเมื่อไปถึงแล้ว ท่านเลือกที่จะจำวัด (นอน) ในห้องที่ท่านได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยมีโยมมารดาของท่านเป็นผู้ปรนนิบัติพัดวีในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
ตามคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า ในคืนนั้น เป็นคืนที่ท่านอาพาธ (ป่วย) หนักมาก แต่ท่านตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าก่อนที่จะสิ้นใจจะขอชดใช้หนี้ศักดิ์สิทธิ์ระหว่างตัวท่านเองกับโยมมารดาให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อน
และในคืนนั้นก่อนที่ท่านจะถึงแก่นิพพานนั่นเอง ท่านได้แสดงธรรมโปรดโยมมารดาจนได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคล (ผู้แรกถึงกระแสแห่งธรรม คือ พระนิพพาน) ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ท่านได้กระทำหน้าที่ของลูกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว นั่นก็คือ การนำเอาโยมมารดาของท่านมาประดิษฐานไว้ในคุณธรรมอันสูง คือ เป็นพระอริยบุคคล ซึ่งเท่ากับเป็นหลักประกันว่า นับจากนี้ไปอย่างมากที่สุดอีก ๗ ชาติ โยมมารดาของท่านจะได้เป็นพระอรหันต์อย่างเที่ยงแท้ โยมมารดาของท่านไม่มีอันต้องตกต่ำในอบายภูมิ* อีกแล้ว
ถือว่าหนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่ติดค้างกันระหว่างท่านกับโยมมารดาได้รับการชดใช้อย่างถึงที่สุดแล้ว นี่คือตัวอย่างของลูกที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่อย่างถึงที่สุด
*อบายภูมิ คือ ภูมิที่เกิดอันปราศจากความเจริญ มี ๔ ประเภท คือ นรก เปรตวิสัย อสุรกายภูมิ และกำเนิดดิรัจฉาน
ฉะนั้น ลูก ๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีความกังวลว่า แม้จะมีความรักความกตัญญูต่อบุพการีมากเพียงใด เพียรพยายามทำดีกับท่านมากมายนับไม่ถ้วนในเชิงวัตถุแต่ก็ยังรู้สึกว่าน้อย รู้สึกว่าพร่อง ก็ขอให้หันมาตอบแทนท่านด้วยวิธีการตอบแทนขั้นสูงสุด กล่าวคือ นำพาพ่อแม่เข้ามาเดินอยู่บนเส้นทางแห่งคุณงามความดีหรือที่เรียกกันว่าเส้นทางแห่งธรรม ซึ่งหากใครก็ตามที่ทำได้สำเร็จนั่นเอง คือ การตอบแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่อย่างสูงที่สุด และดีที่สุดแล้วตามแนวทางพระพุทธศาสนา
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : หนังสือ "มหัศจรรย์แห่งรัก" Love Analysis | ว.วชิรเมธี
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
