21 ก.พ. 2020 เวลา 10:00 • ศิลปะ & ออกแบบ
รีวิวสั้น “Natura Vive Skylodge” ธุรกิจ “โรงแรมแขวนลอยฟ้า”
ทำไมคุณต้องปีนขึ้นหน้าผาสูงกว่า 1,300 ฟุตด้วยตัวเองเพื่อเข้าห้องพัก ?
แนวคิดเป็นอย่างไร ?
โรงแรมที่ตั้งอยู่บนผาสูงเหนือหุบเขา Sacred Valley ในประเทศเปรูแห่งนี้ เลือกทำธุรกิจโดยการขายประสบการณ์อันหวาดเสียว ลุ้นระทึก ตื่นตาตื่นใจ ด้วยการให้ผู้เข้าพัก ต้องปีนหน้าผา ที่มีความสูงกว่า 1,300 ฟุต หรือประมาณ 400 เมตรเหนือพื้นดิน...
เพื่อขึ้นไปยังตัวห้องพักที่มีลักษณะเป็น แคปซูลโปร่งใส ซึ่งถูกแขวนติดไว้บนเขาสูงเสียดฟ้า ภายใต้ Concept ที่ว่า “Life is worth living” หรือ “ชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า”
ซึ่งแน่นอนว่า กลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักปีนเขา รวมไปถึงกลุ่มคนที่นิยมการท่องเที่ยวผจญภัย และรักธรรมชาติ ที่ทะยอยแวะเวียนมาพักที่โรงแรมแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
Credit : naturavive.com
แน่นอนว่า แม้จะดูเป็นการเสี่ยงอันตรายมากกว่ามาพักผ่อน แต่จริงๆ แล้วทาง Natura Vive Skylodge มีการรับรองความปลอดภัยในการเข้าพักในโรงแรมอย่างเต็มที่
ตั้งแต่การมี Staff เป็นนักปีนเขาที่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพ มาเป็นผู้คอยดูแลแขกอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยอุปกรณ์ Support การปีนเขาที่มีมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น Suite สำหรับสวมเพื่อป้องกันการได้รับบาดเจ็บ หรือ Zipline ที่ช่วยรับประกันความปลอดภัยได้อย่างดี
ซึ่งจะมีการเทรนนิ่งให้แขกก่อนเริ่มปีนจริง และระหว่างทางขึ้น ก็ได้มีการติดตั้งจุดยึดเกาะที่มีลักษณะคล้ายบันไดเหล็กเอาไว้หลายจุด เพื่อให้ง่ายต่อการปีนสำหรับมือใหม่อีกด้วย
Credit : coupleawanderers.com
หลังเหน็ดเหนื่อยจากการปีนผาจนสามารถขึ้นมาถึงด้านบนได้แล้ว คุณจะพบกับห้องพักแคปซูลโปร่งใสขนาด 24 x 8 ฟุต 3 หลัง และมีแคปซูล Lobby ส่วนกลางอีกหนึ่งหลัง
Credit : travelzoo.com
Credit : cheriseandshine.com
Credit : naturavive.com
ทั้งหมดเป็นโครงสร้างอลูมิเนียมพิเศษที่มีคุณสมบัติทนต่อสภาพอากาศ ซึ่งจะถูกยึดติดเข้ากับผาหิน
พร้อมขึงด้วยสายเคเบิลที่มีความทนทานสูง เพื่อเป็นโครงสร้างแขวนรับน้ำหนักตัวแคปซูลอีกชั้น (ตรงนี้ทางโรมแรมระบุไว้ชัดเจนมากว่า อุปกรณ์ทุกอย่างผ่านการรับรอง CE และมีกระบวนการตรวจเช็คคุณภาพ และบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด)
Credit : coupleawanderers.com
Credit : naturavive.com
ฟังก์ชั่นภายในห้องพักจะเป็นชุดเครื่องนอน โต๊ะกินข้าว และห้องน้ำเล็กๆ สามารถจุได้สูงสุด 4 คนต่อแคปซูล มีหน้าต่างทั้งหมด 6 บาน สามารถเปิดเพื่อรับลม และถ่ายเทอากาศได้ นอกจากนี้ยังมีประตูทางออกฉุกเฉินด้านบน เพื่อให้สามารถหนีออกมาจากแคปซูลได้ทันเวลาหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา
Credit : inhabitat.com.com
เมื่อมองออกไปด้านนอกผ่านผนัง Polycarbonate ใส ที่ทำหน้าที่แทนกระจก คุณจะพบกับวิว 300 องศาอันสวยงามของหุบเขา Sacred Valley ด้านล่างคือแม่น้ำ ไร่นาเขียวชอุ่ม และหมู่บ้านเล็กๆ ตามแบบชนบท ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง
Credit : naturavive.com
โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่จะได้สัมผัสกับแสงของหมู่ดาวระยิบระดับในท้องฟ้ายามราตรี เป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่การสวีทมากที่สุด จึงไม่แปลกที่กลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรมจะเป็นคู่รักหนุ่มสาว
Credit : naturavive.com
Credit : coupleawanderers.com
แต่ถ้ามาเป็นกลุ่มก็สามารถเลือกทำกิจกรรม Adventure สนุกๆ ได้เช่นกัน ด้วยการโรยตัวบนสลิงไปยังจุดชมวิวต่างๆ ในหุบเขา เพื่อชมความงดงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ในความสูงระดับนี้ ทางโรงแรมได้โฆษณาเอาไว้ว่า คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นนก ที่ได้โบยบินไปบนท้องฟ้าเลยทีเดียว !!
Credit : coupleawanderers.com
Credit : naturavive.com
Credit : travelzoo.com
สำหรับเรทราคาในการเข้าพักที่ Natura Vive Skylodge นั้นจะอยู่ที่คืนละประมาณ 25,000 บาท/คน (รวมค่าอาหารและกิจกรรมทั้งหมด 2 วัน 1 คืน) และจำกัดเฉพาะแขกที่อายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
มาลองคำนวณกันเล่นๆ ถ้าแขกเข้าพัก Maximum ที่ 12 คน
โรงแรมเล็กๆ แห่งนี้จะมีรายได้ประมาณ 300,000 บาทต่อคืนเลยทีเดียว!!
ถ้าเป็นรายได้ต่อเดือนจะขนาดไหน ทุกท่านลองบวกลบคูณหารกันดูนะครับ..
รีวิวสั้นตอนนี้จริงๆ ผมสนใจที่ตัวสถาปัตยกรรมครับ เพราะเห็นทางโรงแรมโฆษณาไว้ว่าเป็น "Unique in the world, the first hanging lodge." หรือ โรงแรมแขวนลอยฟ้าแห่งแรกของโลก
แต่พอไปดูข้อมูลแล้วเห็นว่าโมเดลธุรกิจนี้น่าสนใจ จึงพยายามเล่าทั้งในมุมการออกแบบ และการตลาด เผื่อจะเป็น Inspiration สำหรับบางท่านที่จะลงทุนในธุรกิจโรงแรมได้ ถ้าชอบก็ฝากติดตามกันในตอนต่อๆ ไปด้วยนะครับ แล้วแจกัลล
เรียบเรียงโดย : BETA SPACE
โฆษณา