26 ก.พ. 2020 เวลา 00:53
การเดินทางของชีวิต
#สู่อิสรภาพของชีวิต
"งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข" ประโยคติดหูที่ได้ยินตั้งแต่เด็ก สอนเราว่าเราต้องทำงานเพื่อให้ได้เงิน และความสุขเกิดจากการมีเงินให้ใช้ ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีรายได้จากการทำงานหนักถึงหนักมากอย่างที่เป็นกันอยู่
ในยุคสมัยที่เรากำลังเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ๆ จากเทคโนโลยีต่างๆ อนาคตของเราจะหวังพึ่งเงินจากการทำงานได้มากน้อยแค่ไหน ธุรกิจที่ดูมั่นคงมีประวัติยาวนานหลายแห่งกลับต้องปิดตัวลง เมื่อ AI เข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ ถึงเวลานั้นมนุษย์อย่างเราจะหารายได้จากการทำงานได้อย่างไร
เราไม่อาจรู้ว่าเราจะมีเวลาทำงานเพื่อหาเงินได้จนถึงเมื่อไหร่ อายุเกษียณกับอายุงานจะเหมือนกันหรือเปล่า เราจะทำตามเป้าหมายการเงินในแต่ละช่วงชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องรายได้เพื่อช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างมั่นคงกันครับ
1
มีรายได้ให้พอกับรายจ่าย..ไม่เฉพาะวันนี้แต่ตลอดไป
การมีรายได้ที่เพียงพอสำหรับรายจ่าย เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตในสังคมที่ใช้เงินในการดำรงชีพ เมื่อเรามีรายได้ที่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายที่จำเป็น เราก็ดำรงชีวิตให้รอดไปได้โดยไม่ต้องสร้างหนี้ และถ้ามีรายได้เหลือจากการใช้จ่ายก็สามารถเก็บเป็นเงินออมต่อไป เราสามารถแบ่งรายได้เป็น 2 ประเภท ตามการได้มาของรายได้ คือ
รายได้ประเภทที่ 1 : รายได้ที่เกิดจากการทำงาน หรือที่เรียกว่า Active Income
คือรายได้ที่จะเกิดจากการทำงาน หากเราหยุดทำงาน รายได้เหล่านี้ก็จะหายไป เช่น เงินเดือน โบนัส ค่าจ้างงาน กำไรจากสินค้าหรือบริการที่เราต้องลงมือเอง เป็นต้น เป็นรายได้ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เพราะเราถูกสอนให้ทำงานเพื่อให้ได้เงินนั่นเอง การทำงานอาจเป็นการทำงานประจำ การทำงานเสริม หรือการทำงานอิสระ อย่างที่คนรุ่นใหม่กำลังนิยมในปัจจุบัน และรายได้ประเภทนี้มักสัมพันธ์กับการศึกษาของเรา
เมื่อเป็นรายได้จากการทำงาน จึงมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และประสิทธิภาพของร่างกาย เมื่อเราทำงานอย่างหนักให้มีรายได้มากขึ้น ร่างกายก็จะถูกใช้อย่างหนัก สุขภาพร่างกายก็จะทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว รายได้ที่หามาได้อาจต้องนำไปรักษาสุขภาพ
1
www.unsplash.com
รายได้ประเภทที่ 2 : รายได้ที่ได้รับโดยไม่ต้องทำงานด้วยตัวเอง หรือ Passive Income
รายได้ประเภทนี้มีความหลากหลายมาก เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ผลประโยชน์จากลิขสิทธิ์ เป็นต้น เป็นรายได้ที่เป็นดอกผลจากทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เรามี คือรายได้ที่เกิดจากการให้เงินหรือให้ทรัพย์สินทำงานแทนเรา แต่ไม่ใช่รายได้จากการขายทรัพย์สินนั้น
รายได้ประเภทนี้คงจะไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องสะสมหรือสร้างทรัพย์สินในรูปต่างๆ ขึ้นมาก่อน คงมีคนเพียงส่วนน้อยที่มีรายได้ส่วนนี้จากทรัพย์สินที่ได้รับโดยไม่ต้องสร้างขึ้นมาเอง เช่นจากการรับมรดกเป็นต้น ใน Blockdit มีใครเป็นคนส่วนน้อยนี้บ้างหรือเปล่าครับ
www.pexels.com
เมื่อรายได้แยกได้เป็น 2 ประเภท สำหรับคนที่มีเฉพาะรายได้ประเภทที่ 1 การอยู่รอดก็คือการที่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต เพราะมีรายได้จากการทำงานเป็นหลัก แต่สำหรับคนที่มีรายได้ทั้ง 2 ประเภท ก็สามารถวางแผนกำหนดเป้าหมายการเงินสำหรับช่วงชีวิตแต่ละช่วง โดยเฉพาะเป้าหมายสำหรับเกษียณอย่างมีคุณภาพ มีเงินใช้เพียงพอหลังจากเลิกทำงาน บทความการวางแผนทางการเงินจะให้ความสำคัญกับคน 2 กลุ่มนี้ โดยมุ่งจะทำให้เรามีรายได้ประเภทที่ 2 เพิ่มขึ้น ทั้งจากการออมเงินที่เหลือมาจากรายได้ประเภทที่ 1 และการบริหารเงินออมและการลงทุนให้เพิ่มพูน
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้จากรายได้ประเภทที่ 2 ให้เพียงพอต่อรายจ่ายของตนเอง ซึ่งหากเราสามารถสร้างรายได้ประเภทที่ 2 ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิต ก็เท่ากับเรามี"อิสรภาพทางการเงิน" เราไม่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายอีกต่อไป คนรวยส่วนมากคือคนที่จัดอยู่ผู้มีรายได้ประเภทนี้ แต่คนที่มีรายได้ประเภทที่ 2 นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวยเสมอไป แต่คนรวยหากบริหารรายรับรายจ่ายไม่ดี เงินส่วนนี้ก็มีวันหมดไปได้ จึงอาจไม่ได้มีอิสรภาพทางการเงินจริง
คนที่มีอิสรภาพการเงินจริง จะมีความมั่นคงและมีรายได้เพียงพอต่อรายจ่ายไปตลอด หากมีความรู้ทางการเงินการลงทุน รู้จักตัวเอง รู้จักพอดี ไม่ต้องกินหรูอยู่แพง แต่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ก็มีอิสรภาพทางการเงิน และ อิสรภาพของชีวิตได้ในแบบของตัวเอง เพียงแต่ต้องรักษาและบริหารทรัพย์สินให้เกิดรายได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอแม้ในเวลาที่แตกต่างกัน
เมื่อรายได้จากทรัพย์สินหรือรายได้ประเภทที่สองเป็นรายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินต่างๆ จึงต้องสร้างหรือสะสมทรัพย์สินในรูปต่างๆ ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินให้เพียงพอ เพื่อให้ทรัพย์สินเหล่านั้นสร้างรายได้ให้เรา เราจะสะสมหรือสร้างได้อย่างไร วิธีการสร้างรายได้แบบที่ 2 โดย
1. การออมและการลงทุน โดยนำเงินออมไปลงทุนผ่านสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ เช่น เงินฝากธนาคาร พันธบัตร/ตราสารหนี้ กองทุน หุ้น ทองคำ เงินดิจิตอล หรือซื้อทรัพย์สินเพื่อนำไปให้เช่า เป็นต้น
2. การสร้างสินทรัพย์ทางปัญญาขึ้นมา คือการเปลี่ยนชิ้นงานที่ทำขึ้นให้เป็นสินทรัพย์ทางปัญญาเพื่อสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง ปัจจุบันบางอาชีพแม้จะมีวิธีการทำงานเหมือนกันแต่หากเราปรับเปลี่ยนจากการทำขึ้นมาเพื่อแลกเป็นเงิน มาเป็นทำให้เป็นสินทรัพย์ที่เราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่สามารถก่อรายได้ รายได้จากลิขสิทธิ์ที่ได้รับ ก็คือ Active Income จากการทำเป็นทรัพย์สินที่เราจะทยอยรับเงินไปเรื่อยๆ จากลิขสิทธิหรือความเป็นเจ้าของนั้น
1
โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คนมีโอกาสในการแสดงออกได้ง่ายขึ้นและต้นทุนต่ำจากการที่ข้อจำกัดต่างๆ ถูกทำลายไป การสร้างสินทรัพย์ทางปัญญาเหล่านี้ ในปัจจุบันเราสามารถใช้ความชอบ ความถนัดเฉพาะด้านของเรา สร้างสินทรัพย์ขึ้นมา เมื่อเป็นเรื่องที่เราถนัดและเราชอบแม้งานชิ้นนั้นๆ อาจสร้างรายได้ไม่มากแต่ก็ช่วยให้เรามีความสุขในการทำ และเมื่อสะสมชิ้นงานไปได้มากขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ลองหาว่าเราชอบอะไร และสิ่งที่เราชอบสามารถทำเป็นทรัพย์สินที่สร้าง Passive income ได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากได้ความสุขแล้วก็ยังได้เงินด้วย เพียงแต่เราทำให้ตัวเองมีความรู้เรื่องลิขสิทธิและกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่เรามี
1
ในยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ คนที่มีรายได้มากกว่า 1 แหล่ง และมีรายได้จากทรัพย์สินในสัดส่วนที่สูง ไม่มีหนี้สินระยะยาว ก็น่าจะรับมือการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่ลำบากนัก
การสร้างอิสรภาพทางการเงิน ด้วยการออมและการลงทุน ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี ยิ่งมีโอกาสบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้ง่าย แต่การสร้างทรัยพ์สินทางปัญญาความเห็นส่วนตัวคือสามารถเริ่มได้ทุกช่วงอายุ และสามารถสร้างทั้งสองวิธีควบคู่กันไป หากยังไม่สามารถสร้างทรัพย์สินทางปัญญา ก็เริ่มจากการออมและการลงทุน การสร้างความรู้ทางการเงินเพื่อเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการการเงินในระยะยาว
1
สำหรับทรัพย์สินทางปัญญาควรเริ่มจากการหาความรู้ความเข้าใจ ฝึกฝนทักษะต่างๆ จนพร้อมก็จะสามารถสร้างทรัพย์สินขึ้นมาได้ วิธีเริ่มที่ไม่ยาก ก็เริ่มจาก Blockdit ในการฝึกทักษะการเขียน ซึ่งช่วยสร้างทักษะและพัฒนาความรู้ให้เราได้ดี
เชื่อหรือไม่ว่าในอนาคต คนรุ่นต่อๆไปอาจจะต้องพึ่งรายได้ที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน(passive income) เป็นรายได้หลักมากกว่ารายได้จากการทำงาน (active income) เพราะการทำงานอาชีพส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วยการทำงานของระบบ AI และ หุ่นยนต์ เมื่อบางอาชีพหายไป คนรุ่นต่อไปก็จะทำงานรายได้จากการทำงานได้ลดลง ทำให้ลดความสำคัญลงโดยปริยาย แล้วคนจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย ก็ต้องหาจากรายได้แบบ passive income มาทดแทนนั่นเอง เพราะรายได้แบบ passive income น่าจะถูกทดแทนด้วย AI และหุ่นยนต์ไม่ได้ทั้งหมด แต่ในทางกลับกัน AI และหุ่นยนต์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราหารายได้แบบ passive income ได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นนอกจากเราจะสร้างอิสรภาพทางการเงินให้กับตัวเราเองแล้ว เราก็ควรเตรียมความพร้อมให้กับทายาทสำหรับการก้าวสู่อิสรภาพทางการเงินในอนาคตด้วยเช่นกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา