25 ก.พ. 2020 เวลา 01:28
ประวัติศาสตร์รำลึก,
#เปลี่ยนมุมมองมหาอำนาจสู่มิตรอย่างสยาม, #ต้องใหญ่โตแค่ไหนถึงจะใหญ่โตราวกับรับซาร์เรวิช, (ตอนที่ 2)
1) #เปลี่ยนมหาอำนาจสู่มิตรสนิทอย่างสยาม,
-เป็นที่ปรากฏแล้ว ในกำหนดตารางเดินทางของมกุฎราชกุมารซาร์เรวิช แกรนด์ ดุ๊ก นิโคลัส ที่ได้เสด็จ และประทับในประเทศต่างๆ ล้วนเป็นเวลายาวนานกว่าสยาม ทั้งสิ้น เช่น
* ใช้เวลาเสด็จประทับประมาณ 18 วันในอียิปต์,
* ใช้เวลาประมาณ 21 วันในอินเดีย
* ใช้เวลาประมาณ 21 วันในญี่ปุ่น,
ในขณะที่มาเยือนสยาม ตามคำทูลเชิญ ในระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม พุทธศักราช 2434 เป็นเสด็จเยือน ที่ใช้เวลาสั้นที่สุด เพียง 5 วัน,
แต่เป็นที่น่าสนใจยิ่ง จากนานาอารยประเทศ เพราะสยามกลับใช้เวลาสั้นๆเพียง 5 วันนี้ ในการต้อนรับ และเปลี่ยนมุมมองของซาร์เรวิช จนสามารถผูกมิตร กับมหาอำนาจรัสเซีย ได้อย่างแน่นแฟ้น ลึกซึ้ง, ดังที่ปรากฏในบันทึกของเจ้าชายอุคทอมสกี้ (Esper Esperovich Ukhtomsky) ในหนังสือ Travels in the East of Nicholas II ซึ่งเขียนถึงสยาม ในวันสุดท้ายของการเสด็จประทับในสยามว่า,
"...พรุ่งนี้แล้วที่พวกเราจำจะต้องกล่าวคำอำลาจากดินแดนแห่งความสุขนี้ไป ภาพอันน่าอัศจรรย์และตื่นเต้นมากมายที่เราได้เห็นตลอดสัปดาห์นี้ จะยังคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป การจากประเทศสยามไปในคราวนี้ เหมือนกับต้องแยกจากเพื่อนสนิทที่เรารู้จักมักคุ้นมานาน และจะทำให้พวกเราอาลัยมาก"
“สยาม ...ทำอย่างไร ใน การเปลี่ยนมหาอำนาจรัสเซียสู่มิตรสนิทแห่งสยาม ในเวลาเพียง 5 วัน...”
2)#ใหญ่โตราวกับรับซาร์เรวิช,
2.1)พระองค์ทรงให้ซาร์เรวิช ได้สัมผัสถึงความจงรักภักดี แลน้ำใจสัตย์ซื่อ ที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวสยามต่อพระเจ้าแผ่นดินอันเป็นที่รัก และสหายต่างชาติของพระองค์ท่าน ซึ่งยากที่จะเห็นถึงน้ำใสใจจริง จากบรรดาประชาราษฎร์ในแผ่นดินใดที่ซาร์เรวิชได้พบเห็นจากการเดินทาง เหมือนเช่นที่สัมผัสจากสยามในยุคนั้น,
-โดยในวันที่ 22 เวลาเช้า 2 โมง ได้ทรงเชิญแกรนด์ดุกซาร์เรวิช เสด็จลงเรือพระที่นั่งสุริยมณฑลที่หน้าสุนันทาลัย แล่นขึ้นไปพระราชวังบางปะอิน เวลาเย็น โดยมีราษฎรมาเฝ้ารับเสด็จ และรอถวายของซาร์เรวิช, แลมีแข่งเรือถวายทอดพระเนตร, บ่าย 5 โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนินออกพระที่นั่งวโรภาษพิมาน พร้อมด้วยแกรนด์ดุกซาร์เรวิช
เสด็จพระราชดำเนินประทับหน้ามุขพระที่นั่ง โปรดเกล้าฯ ให้เดินแห่ราษฎรถวายของซาร์เรวิชผ่านหน้าพระที่นั่งไป ราษฎรประมาณสามพันเศษ เดินเป็นพวกกันตามชายหญิง มีของถวายซาร์เรวิช คนละสิ่งสองสิ่ง เช่น กระบวนรวงข้าวทำเป็นฉัตร แลชะลอมบรรจุผลไม้ แลกรงสัตว์ต่างๆ มีนก กระต่าย นากกินปลา แลอื่นๆ ทั้งของใช้ เช่น หมอนขวาน โม่แป้ง เป็นต้น ซึ่งบรรดาของมูลค่าเล็กน้อยจากราษฎรเหล่านี้ กลับปรากฏในบันทึกของเจ้าชาย อุคทอมสกี้ (Esper Esperovich Ukhtomsky) ว่า
"...ความประทับใจที่เราได้รับจากที่นี่ เกิดขึ้นราว 5 โมงเย็นวันนี้ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาพร้อมด้วยเจ้านายเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตลอดจนข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดทั้งหลาย ทุกคนลงไปยังลานกว้างหน้าพระที่นั่ง..”
“..ตรงลานกว้างมีประชาชนมารอเข้าเฝ้าเป็นจำนวนมาก ถึงเป็นการรับเสด็จอย่างเรียบง่าย แต่ทุกคนก็กระทำด้วยน้ำใสใจจริง เป็นการแสดงความรู้สึกอันบริสุทธิ์ใจของผู้คนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย, .....สัญชาตญานของชาวสยามผู้มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของพวกเขาเป็นอานิสงส์ที่ถูกเผื่อแผ่ไปยังองค์รัชทายาทของรัสเซียด้วย “
“ภาพของการพบปะฉันมิตรและการแสดงความรักใคร่เห็นอกเห็นใจกันที่บางปะอิน ระหว่างสมเด็จพระบรมฯ กับชาวบ้านธรรมดาจะเป็นสักขีพยานให้รำลึกอยู่เสมอว่า มิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างเราชาวรัสเซียและชาวสยาม จะดำรงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน ในความทรงจำของพวกเราและเขาทั้งหลาย...”
2.2)พลายซาร์เรวิช,
-วันที่ 23 เวลาเช้า 2 โมง เสด็จลงเรือพระที่นั่งโสภณภควดี แล่นออกไปทางท้ายเกาะไปพะเนียด ...เสด็จประทับพลับพลาใหญ่มุขกลาง บนกำแพงพะเนียด
กรมช้างกันช้างในพะเนียด เปิดช้างเล็กออก กันช้างใหญ่ไว้แล้ว เสด็จประทับพลับพลาเล็ก ทอดพระเนตรจับช้างกลางแปลง แล้วเสวยกลางวัน เสร็จแล้วคล้องช้างพลายในพะเนียด
ในวันแรกนี้ คล้องได้แต่ช้างงาตัวใหญ่ตัวเดียว ช้างพลายตัวนี้ เลยได้ชื่อเรียกกันต่อมาว่า”พลายซาร์เรวิช”,ในวันต่อมา คล้องช้างได้หลายเชือก ตรัสถามซาร์เรวิชว่า จะประทานลูกช้างเล็กๆไปเล่นในเรือรบสักตัวหนึ่งจะโปรดหรือไม่..ซาร์เรวิชทรงยินดีที่จะได้ จึงโปรดให้ขุนพิชัยกุญชร (แจ้ง) เลือกคล้องลูกช้างรูปร่างงดงามได้ตัวหนึ่ง เพิ่งหย่านม สูงสัก 2 ศอกเศษ
แต่เกิดเหตุ ด้วยแม่ช้างไม่ยอมพรากจากลูก หาทางแก้เอาลูกช้างกลับเข้าโขลงไปจนได้ ซาร์เรวิชทอดพระเนตรเห็นความฉลาดของแม่ช้าง จึงทูลพระพุทธเจ้าหลวง ขอประทานคืนลูกช้างตัวนั้น เป็นบำเหน็จแก่แม่ช้าง ก็ทรงพระกรุณา,
2.3)งามปราณีต เอาใจใส่อย่างสมพระเกียรติ,
-โดยเจ้าชาย อุคทอมสกี้ (Esper Esperovich Ukhtomsky) ได้กล่าวถึงความปราณีต เอาใจใส่ของชาวสยามในบันทึก อีกว่า,
"...ห้องพักของพวกเราอบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของพันธุ์พฤกษา และน้ำอบอันรัญจวนใจ ความเป็นเจ้าของบ้านผู้เอื้อเฟื้อแบบชาวสยามนี้ เราเคยอ่านในบันทึกของนักเดินทางมาบ้าง แต่ก็เพิ่งจะค้นพบด้วยตัวเอง ในวันนี้มันคงเป็นความประทับใจที่คงจะลืมไม่ได้ง่ายนัก"
-นอกจากนี้ ส.พลายน้อย ก็ได้บรรยาย ความ”ใหญ่โตราวกับรับซาร์เรวิช” ไว้ใน “เกร็ดโบราณคดี ประวัติศาสตร์ไทย” ว่า “...เวลาค่ำ กำหนดว่า จะมีการประชุมเดือนหงาย ซึ่งเรียกว่ามูนไลต์ ปาตี (Moonlight Party) ฤาจันทรประภาสโมสรที่ศาลาพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร คือมีร้านเลี้ยงอาหาร แลของดื่มต่างๆ แลบุหรี่หมาก ทั้งแจกพวงมาลัย แลช่อดอกไม้ ซึ่งทำอย่างประณีต 4 ร้าน ปลูกอย่างปะรำผูกม่านตกแต่งงดงาม, ผู้เชื้อเชิญดื่มสุรา แลสูบบุหรี่กินหมาก ให้พวงมาลัย แลช่อดอกไม้นั้น จัดหญิงซึ่งพูดอังกฤษได้ ประจำทุกร้าน ร้านละสองคน, เวลาบ่าย เมื่อซาร์เรวิช กลับจากพะเนียด ยังเห็นทำร้านกันโกลาหลอยู่ พอค่ำลงจุดไฟฟ้าแลโคมญี่ปุ่น โคมหิ้วสว่างไสวแล้ว จัดร้านเสร็จบริบูรณ์ โปรดให้แกรนด์ดุกซาร์เรวิชทั้งพวกรัสเซียแลเจ้านาย ข้าราชการเดินเที่ยวเล่น มีแตรเป่า 2 วง, เวลา 2 ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ทรงพระดำเนินพร้อมซาร์เรวิช ข้ามสะพานเสาวรสมาทอดพระเนตรแห่คบไฟซึ่งมีกระบวนต่างๆ คือแตรทหารวงหนึ่งนำหน้า คนผู้ชายถือคบเดินเป็นคู่ มังกรเพลงแคนเดินรำแลขับร้องต่าง แลพลทหารเรือถือกิ่งไผ่ติดเทียน แลคนเป่าปี่ ตีฉาบ สิงโตล่อแก้ว ผู้หญิงถือเทียน ลาวเป่าขลุ่ย คนถือพุ่มเทียน แลละครเรื่องรามเกียรติ์ชุดหนึ่ง รำถวายตัว แลมีทหารถือเทียนโคมบัว เป็นที่สุด เวลา 5 ทุ่มเสด็จขึ้น ซาร์เรวิชแลพวกรัสเซีย เจ้านาย ข้าราชการ ยังนั่งแลเดินเล่นอยู่ จน 7 ทุ่ม...”
โปรดติดตาม ในตอนหน้าซึ่งจะเป็นตอนจบที่หลายๆท่านขอมาทางอินบ๊อกซ์ ให้เพิ่มเรื่อง ของพระราชทานที่ระลึกระหว่างสองราชวงศ์ ซึ่งน่าสนใจมากเช่นกันครับ,
สวัสดี และขอจบ เพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ,
ร้อยเรียงข้อมูล (T.Mon)
23/2/2020
ภาพ และข้อมูลสนับสนุนส่วนหนึ่ง: เกร็ดโบราณคดี ประวัติศาสตร์ไทย- ส.พลายน้อย, Chulalongkorn, King of Siam. Far from Home - Fern von Zuhause - Loin des siens. Bangkok:
Chulalongkorn University, European Studies Programme, 1997,เบื้องหลังการเยือนกรุงสยามของมกุฎราชกุมารรัสเซีย
มิติการเมืองใหม่สมัย ร.5, อ.ไกรฤกษ์ นานา,หนังสือฉายาลักษณ์สยาม ,หนังสือ Travels in the East of Nicholas IIเป็นต้น,
โฆษณา