28 ก.พ. 2020 เวลา 11:31 • ไลฟ์สไตล์
การวิ่ง การปั่น กับการใช้ชีวิต#9
การวิ่งเท้าเปล่า ชีวิตคือความเรียบง่าย
การวิ่งถือเป็นการออกกำลังที่อุปกรณ์น้อยที่สุดแล้ว (แต่หลังๆ ชักไม่น้อยนะครับ จัดเต็มก็อุปกรณ์เยอะอยู่ 😝) รองเท้าคู่เดียววิ่งได้เลย แต่ถ้าจะให้เรียบง่ายยิ่งกว่านั้น ก็ต้องวิ่งเท้าเปล่ากันเลย!! ☺️☺️
ปัจจุบันมีนักวิ่งเท้าเปล่าชื่อดังหลายคน มีชมรมวิ่งเท้าเปล่าด้วย และเชื่อมั้ยว่าในอดีตเคยมีนักวิ่งเท้าเปล่าได้เหรียญทองมาราธอนโอลิมปิกด้วย!! 👌
เหตุเกิดในการแข่งมาราธอนในโอลิมปิกปี 1960 ที่ Rome ในปีนั้นมีนักวิ่งโนเนมคนหนึ่งจากเอธิโอเปีย ดินแดนห่างไกลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักในสมัยนั้นเข้าร่วมการแข่งขัน นักวิ่งคนนั้นชื่อว่า Abebe Bikila ครับ
จริงๆแล้ว Bikila เกือบจะไม่ได้มาที่ Rome แต่เป็นเพราะนักวิ่งตัวจริงป่วยกะทันหัน เขาจึงได้รับการเรียกตัวโดยด่วนครับ แต่สิ่งที่ทำให้ชาวโลกต่างตะลึงกันไปตามๆกันคือ Bikila เข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนในโอลิมปิกด้วยการวิ่งเท้าเปล่าครับ!!! ไม่ใช่ว่า Bikila จะจงใจ Barefoot Running ในงานสำคัญระดับโอลิมปิกหรอกนะครับ 😄😄 แต่เป็นเพราะ Bikila โดนเรียกตัวเข้าทีมเอธิโอเปียด่วนมาก จนทำให้ Adidas ซึ่งเป็น Sponsor หลักในการแข่งขันครั้งนั้นมีรองเท้าให้ Bikila เลือกไม่มากนัก แต่เมื่อ Bikila ลองรองเท้าเหล่านั้นแล้วไม่ถูกใจจึงเลือกที่จะวิ่งอย่างที่เขาซ้อมมา นั่นคือ “วิ่งเท้าเปล่า” ล่ะครับ
Bikila วิ่งเท้าเปล่าในมาราธอนโอลิมปิก
เหตุการณ์สนุกไปกว่านั้นครับ เพราะนอกจาก Bikila ไม่เป็นที่รู้จัก พี่แกยังไม่รู้จักใครอีกด้วยครับ!!! ในการแข่งครั้งนั้น Rhadi Ben Abdesselam นักวิ่งจาก Morocco เป็นตัวเต็งครับ ซึ่งจริงๆ Abdesselam ต้องใส่หมายเลข 26 ครับ โค้ชทีมเอธิโอเปียจึงติว Bikila ซะดิบดีว่า ให้พยายามวิ่งให้ทันนักวิ่งเบอร์ 26 ให้ได้ล่ะ แต่พอวิ่งไปเรื่อยๆก็ไม่เจอเบอร์ 26 ซะที Bikila ก็ยิ่งต้องพยายามสุดกำลังเพื่อหาผู้นำให้ได้ โดยไม่รู้เลยว่า Abdesselam เปลี่ยน bib เป็นเบอร์ 185 ซึ่งจริงๆวิ่งคู่กับ Bikila มาตลอดเส้นทาง555 จน Bikila เร่งความเร็วเข้าเส้นชัยได้เหรียญทองโอลิมปิกไปครอง พ่วงด้วย World Record แถมยังเป็นนักกีฬาจาก Sub-Saharan Africa คนแรกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกอีกด้วยครับ เจ๋งจริงๆ 👍👍
Bikila หลังจากชนะ
การวิ่งเท้าเปล่า เป็นวิธีการวิ่งดั้งเดิมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณก่อนที่จะมีรองเท้า คนที่วิ่งจะต้องปรับวิธีการวิ่งให้ซับแรงกระแทกให้มากที่สุด เพราะฝ่าเท้าจะสื่อสารกับสมองตลอดเวลาว่าขณะนี้มีการสะเทือนมากน้อยขนาดไหน นักวิ่งเท้าเปล่าจะรู้สึกตลอดเวลาว่า ขณะนี้ ฝ่าเท้า ข้อเท้า เข่า สะโพก และหลังของตนเองมีความรู้สึกจากแรงกระแทกอย่างไร และจะปรับท่าวิ่งของตนเองให้กลายเป็นท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
❤️ ข้อดีของการวิ่งเท้าเปล่า ❤️
การวิ่งตามธรรมชาติด้วยเท้าเปล่าหรือรองเท้าแบบไม่ยกส้นสูงกว่าปลายเท้า จะทำให้เอ็นร้อยหวายยืดตัวออกขณะวิ่ง นิ้วเท้าทุกนิ้วมีความเป็นอิสระ เท้าจะแผ่ออกตามธรรมชาติขณะลงพื้น ซึ่งการแผ่ออกนี้เป็นกลไกในการซับแรงกระแทกและการทรงตัว ไม่จำกัดการพลิกตัวของฝ่าเท้าในขณะวิ่ง ทำให้กลไกในการซับแรงกระแทกได้ทำงาน เป็นการส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับการทรงตัวจากเท้าไปสู่สมอง ดังนั้น การวิ่งเท้าเปล่าหรือการวิ่งสไตล์เท้าเปล่าด้วยรองเท้าที่เหมาะสม จะสามารถลด ป้องกัน และแก้ไข การบาดเจ็บจากการวิ่งได้
ในขณะเดียวกันก็จะทำให้กล้ามเนื้ออีกหลายส่วนได้ถูกระดมมาทำงาน ช่วยรับแรงกระแทก ช่วยเรื่องการทรงตัว และทำให้กล้ามเนื้อส่วนล่างทั้งหมดได้ทำงานเต็มศักยภาพของมัน นอกจากนี้ การวิ่งเท้าเปล่ายังดีต่อกล้ามเนื้อน่องและเท้า เพราะการฝึกวิ่งเท้าเปล่าทำให้ฝ่าเท้าของเราได้สัมผัสกับพื้นโดยตรง ระบบประสาทหลายจุดที่ฝ่าเท้าจะถูกกระตุ้น ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมการทรงตัว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด 👍👍
ที่สำคัญนักวิ่งเท้าเปล่าจะลงเท้าเบา เวลาวิ่งจะช่วยลดแรงกระแทกที่ข้อเท้า หัวเข่า สะโพก และหลังโดยอัตโนมัติ และจะปรับท่าวิ่งของตนเองให้กลายเป็นท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ทำให้ลดการบาดเจ็บ การวิ่งเท้าเปล่าจะบังคับให้นักวิ่งเอาส่วนหน้าของเท้าลงพื้นก่อนแทนที่จะใช้ส้นเท้า ช่วยลดการบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น การเจ็บบริเวณด้านนอกเหนือหัวเข่า โรคข้อเข่านักวิ่ง หน้าแข้งแตกร้าว อีกทั้งยังเป็นการจัดระเบียบร่างกาย การเรียงของนิ้วเท้าจะแผ่ออกเป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้การทรงตัวของเราดีขึ้น ท่าทางในการยืนและเดินของเราจะถูกจัดระเบียบใหม่ให้ถูกต้อง กล้ามเนื้อน่องจะได้รูป และคนที่เท้าแบนก็จะค่อยๆ มีหลังเท้าที่โค้งสวยขึ้นมาได้ 👌👌
ลองหาโอกาส ลองวิ่งเท้าเปล่ากันดูนะครับ ผมก็จะไปลองดูบ้างเหมือนกัน 😁
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ vrunvride.com wingnaidee.com และ sanook.com
โฆษณา