28 ก.พ. 2020 เวลา 10:33 • บันเทิง
ทุคติภพ
เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
เป็นทุคติภพ
เป็นผลจากเศษกรรม ที่เหลือจากนรก
เทวะวิทยา ตอนที่27
หลวงพ่อเพชร พระประธานอุโบสถวัดท่าหลวงพิจิตร
ทุคติภพ
ทุคติภพ มี4
สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
เราได้กล่าวถึง สัตว์นรกไปแล้ว
เหลือเปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
..
..
เปรต
เป็นภพ ที่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์
คนเหล่านี้ เป็นบุคคลตระหนี่ถี่เหนียว
ไม่มีจิต ในการสละทรัพย์
และ บางคนยักยอกทรัพย์ผู้อื่น
..
ผู้อื่น
ในความหมายนี้ คือ ของสาธารณะ ของวัด
รวมถึงของ ญาติพี่น้อง คนทั่วไป
การไปเกิดใน ทุคติภพ
ถ้ากรรมนั้นหนัก
จิต ไปปฏิสนธิ ตั้งแต่ยังไม่ตายจากมนุษย์
..
ถ้าเป็นคนที่ไปรับกรรมในนรก
ชำระกรรมหมดแล้ว
ถ้าไม่มี กำลังกุศล
บุคคลนั้น ต้องไปเกิดในภพเปรต
..
การไปถือภพเปรต
มีอายุขัย นานนัก
พระพุทธเจ้า มาตรัสรู้หลายพระองค์
เปรตก็ยังไม่หมดวาระในภพเปรต
..
นรก มีสภาพถูกทรมาน
เปรต มีสภาพอดอาหาร หิว
แม้จะอยู่ใน เมืองใหญ่
แต่ก็ มองไม่เห็นอาหาร น้ำ
เพราะ ด้วยแรงกรรม
ทุคติภพ เป็นภาพที่มืดสลัว
เปรต และอสุรกาย
ตอนนี้ จะควบเปรต และอสุรกาย ไปพร้อมกัน
อสุรกาย มีภาวะที่ถัดจากเปรต
หากผู้นั้น
ชำระกรรม ในภาวะเปรตเสร็จ
..
เมื่อไม่มีแรงกุศลพอ ไปเกิดในสุคติ
บุคคลนั้น ต้องไปเกิดในภาวะอสูรกาย
ซึ่งเป็นภาวะที่ สามารถหาอาหารกินได้
ต่างจากเปรต หาอาหารได้ยาก
..
อสุรกาย
เป็นผู้ที่ใกล้พ้นจากทุคติ
อสูรกายบางตน จึงมีอานุภาพ
อานุภาพ ในโลกของวิญญาณเกิดจาก บุญ
..
ผู้ที่ละจากเมืองมนุษย์
สมัยเป็นมนุษย์ เป็นเจ้านาย ใหญ่โต
ถ้า ละกายมนุษย์
ไปเกิดในโลกวิญญาณ
ครานี้แหละ กำลังบุญ (พลังงานจิต)
จะเป็น ตัวแสดงอันโดดเด่น
เพราะ ในทุคติ
เป็นภพมืด หรือ เพียงสลัวๆ
ผู้ที่มีแสงสว่างในตัวมาก ก็จะมีพลังมาก
..
ในโลกที่มืดสลัว
พลังงานแสงในตัว เป็นเรื่องสำคัญ
การมีชีวิต อยู่อย่างสงบ
ไม่มี เพื่อนร่วมภพสลัว มาเบียดเบียน ก็เป็นเรื่องที่ดี
..
แต่เนื้อเรื่อง ความเป็นจริง
ในภพมืดสลัว
ต่างมีความ แก่งแย่ง เบียดเบียนกัน
เพื่อให้ได้มาซึ่ง อาหาร ที่อยู่
..
ผู้ชนะ ย่อมเป็นผู้เลือก
เป็นกฏการดำรงค์เผ่าพันธุ์
เลือกอาหาร เลือกคู่สืบทอดเผ่าพันธุ์
เลือกที่อยู่อาศัย
..
แสงสว่างในตัว
ของบุคคลในโลกวิญญาณ
ทั้งภาพมืดสลัว เทวโลกกามาวจร และพรหมโลก
เป็นตัวบอก กำลังกุศลของบุคคลผู้นั้น
เทวดาที่มีบริวารมากติดตาม เป็นเทวดาที่มีแสง
ออกจากตัวมาก เรียกว่า ดวงอาทิตย์ในเทวโลกก็ได้
..
สัมภเวสี
.
สัมภเวสี ในพระบาลี
หมายถึง ผู้แสวงหาภพ
ในความหมายของ ชาวไทย
ก็ใช้เรียก วิญญาณเร่ร่อน
..
เราก็อนุโลมตาม คำไทย
ถามว่า สัมภเวสีสี มาจากไหน
..
มนุษย์เมื่อหมดลมหายใจ
ดวงจิต
ก็ต้องทิ้งร่างที่หมดสภาพ
แสวงหาที่อยู่ใหม่
..
ถ้าจิต ดวงนั้น
ระลึกถึงความดีงาม /กุศล
แรงของกุศล เป็นปฏิสนธิกรรม
นำสู่ สุคติภพ
..
" จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติปาฏิกังขา"
เมื่อจิต เศร้าหมอง ทุคติเป็นที่ไป
อันนี้เป็น พุทธะวัจจนะ
หมายถึง หากก่อนตาย จิตเศร้าหมอง
บุคคลนั้นจะ ไปอุบัติในทุคติภพ
..
ผู้มีบุญ/ผู้ทรงฌาน
กรณี บุคคลนั้น
เป็นผู้ทำกุศลใหญ่ สม่ำเสมอ
รักษาอารมณ์ใจ ในเขตบวก
จิต ของบุคคลนั้น
ไปจองภพใหม่ ตั้งแต่ยังไม่เสียชีวิต
..
ถ้าเป็นผู้ที่ทำ จุตูปปะปาตญาณ
จะเห็น ภาพถัดไปของมนุษย์ สัตว์ได้
มนุษย์บางคน
ก็ ไปจองที่ ในอีกภพ
โดยเฉพาะ ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลบ่อยๆ
..
ผู้ทรงฌาน
สามารถเลือกภพ กำเนิดในเทวโลกได้
แต่ต้องรักษาอารมณ์อุปปะจาระสมาธิ ได้ถึงวันตาย
เพราะอารมณ์อุปปะจาระสมาธิ เป็นอารมณ์ที่
เข้าเขตทิพย์
เศษกรรม นำไปเกิดในภพของสัตว์
ภาวะสัตว์
.
เมื่อบุคคล ที่ไปถ่ายกรรม
จากนรก เปรต อสุรกาย แล้ว
หากคนนั้น กำลังกุศลยังไม่มากพอ
ภาวะของภพกำเนิดถัดไปคือ เกิดเป็นสัตว์
..
สัตว์ ที่มีความเฉลียวฉลาด
ส่วนใหญ่ เคยเกิดเป็นมนุษย์มาแล้ว ทั้งสิ้น
ครั้งเมื่อเกิดเป็นมนุษย์
เป็นผู้ประมาท ล่วงปัญจเวร
หมกมุ่นใน กามารมณ์
อกุศลกรรม บางอย่าง หากตายจากมนุษย์
ก็นำไปปฏิสนธิในภพภูมิของสัตว์
..
บทส่งท้าย
เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ก็ยุติแต่เพียงเท่านี้
ตอนหน้า บุญกิริยาวัตถุ 10
การทำกุศล 10วิธี
เทวะวิทยา ตอนที่27 ยุติแต่เท่านี้
28 กุมภาพันธ์ 2563
17:33 น.
โฆษณา