12 มี.ค. 2020 เวลา 12:36
ทำไมน้ำอสุจิจึงเหนียว ?
และทำไมอัณฑะมนุษย์ใหญ่มาก ? (ใหญ่กว่ากอริลล่าเสียอีก)
หมายเหตุ: เนื้อหาย่อและเรียบเรียงมาจาก หนังสือ เรื่องเล่าจากร่างกาย นะครับ (เอาของเก่ามารีไซเคิลใหม่เพราะอยากมีส่วนช่วยลดปัญหาโลกร้อนครับ)
ช่วงนี้ โควิดระบาดมีเรื่องให้ตื่นเต้นเยอะแล้ว
เรามาคุยเรื่องบ้านๆ ธรรมดาๆ กันบ้างดีไหมครับ
เอาเรื่องที่เราเห็นกันจนชิน จนเราแทบจะไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับมันเลย
เคยสงสัยกันไหมครับว่า
หนึ่ง ทำไมน้ำอสุจิจึงเหนียว พุ่งออกมาได้แป๊บเดียวก็แข็งแล้ว
สอง ทำไมน้ำอสุจิต้องพุ่งแรงขนาดนั้น
สาม ทำไมอัณฑะของมนุษย์จึงมีขนาดใหญ่
2
ทั้ง 3 หัวข้อนี้มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ครับ
เรามาเริ่มกันที่อัณฑะก่อนครับ
1.
โดยปกติในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วๆ ไป ขนาดของอวัยวะต่างๆ จะแปรผันไปตามขนาดของร่างกาย เช่น
ถ้าตัวใหญ่กว่าหัวใจก็มักจะใหญ่กว่า ตับก็มักจะใหญ่กว่า
เหตุผลก็ตรงไปตรงมา คือ อวัยวะที่ใหญ่กว่าก็จะงานใหญ่ได้ดีกว่า
ถ้าจะมีข้อยกเว้น ก็มักจะมีคำอธิบายว่าทำไมอวัยวะนั้นจึงเล็กกว่าที่ควรจะเป็น
6
ถ้าเรานำผู้ชายไปยืนเทียบกับกอริลล่าและชิมแปนซี
เราจะพบว่าถ้าเทียบขนาดของร่างกายแล้วกอริลล่าจะตัวใหญ่ที่สุด รองมาเป็นมนุษย์ และชิมแปนซีตัวเล็กที่สุด
แต่ถ้านำอัณฑะออกมาเทียบขนาดกัน ลำดับจะกลับทิศ
โดยอัณฑะของชิมแปนซีจะมีขนาดใหญ่สุด รองมาเป็นมนุษย์ และเล็กที่สุดคือกอริลล่า
4
ไหนๆก็เทียบขนาดของอัณฑะแล้ว ก็เทียบขนาดของอวัยวะเพศไปด้วยเลยดีไหมครับ
ขณะที่แข็งตัวเต็มที่ อวัยวะเพศชายโดยเฉลี่ยจะยาวประมาณ 5 นิ้ว
อวัยวะเพศของชิมแปนซีจะยาวประมาณ 3 นิ้ว ส่วนกอริลล่าจะยาวประมาณ 1 นิ้วกว่าๆเท่านั้น
3
คำถามคือ ทำไมธรรมชาติถึงให้อัณฑะเราใหญ่กว่าพี่บึกอย่างกอริลล่าแต่เล็กกว่าชิมแปนซี และ
ทำไมอวัยวะเพศผู้ของกอริลล่าจึงมีขนาดสั้นที่สุด และของมนุษย์ยาวที่สุด ?
สิ่งเหล่านี้มันบอกอะไร ?
4
2.
สังคมของชิมแปนซีจะค่อนข้างซับซ้อนกว่าสัตว์อื่นๆ (แน่นอนว่ายกเว้นมนุษย์)
โดยชิมแปนซีอยู่กันเป็นฝูงใหญ่แล้วในฝูงใหญ่ก็ยังมีแยกเป็นฝูงย่อยๆ เป็นก๊ก เป็นเหล่าอีกมากมาย
3
สังคมของชิมแปนซีจะมีลำดับขั้นว่าใครใหญ่กว่า ใคร และลิงทั้งหลายจะรู้ว่าตัวมันอยู่ในลำดับไหน
ลิงที่อยู่อันดับเหนือกว่าจะมีสิทธิ์ผสมพันธุ์กับตัวเมียและกินอาหารก่อนลิงเบอร์หลังๆ
เมื่อชิมแปนซีตัวเมียพร้อมผสมพันธุ์ มันจะประกาศให้โลกรู้ด้วยก้นที่แดงและบวม
เมื่อลิงตัวผู้ทั้งหลายเห็นก้นที่แดงมันจะมีอารมณ์เพศขึ้นมาทันที แต่ลิงระดับล่างๆต้องรอไปก่อน
เพราะ alpha male และลิงเบอร์ต้นจะมีสิทธิ์ได้ผสมพันธุ์ก่อน
2
หลังจากที่ลิงเบอร์หนึ่งผสมพันธุ์กับตัวเมียเสร็จแล้วมันก็จะป้องกันไม่ให้ลิงตัวผู้อื่นเข้ามาผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวนั้นด้วยการคอยวิ่งไล่ตัวผู้อื่นที่พยายามเข้ามาใกล้ เพราะอสุจิจะยังไม่ผสมกับไข่ในทันทีแต่จะถูกเก็บไว้ในช่องคลอดลิงตัวเมียได้อีกเป็นวัน ถ้าลิงตัวผู้ตัวอื่นมาผสมพันธุ์ในช่วงนี้ อสุจิของลิงตัวใหม่ก็ยังมีลุ้นที่จะได้เข้าเส้นชัยไปผสมกับไข่ได้ก่อน
4
แต่เรื่องราวมันวุ่นวายเพราะในขณะที่ลิงเบอร์หนึ่งเที่ยววิ่งไล่ลิงตัวผู้อื่น ลิงตัวเมียก็จะเที่ยววิ่งไปยื่นก้นให้ลิงตัวผู้อื่นๆ ผสมพันธุ์อีกหลายตัวเช่นกัน
13
ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ชิมแปนซีตัวเมียไข่ตกมันจะผสมพันธุ์กับตัวผู้เป็นจำนวนมาก ในบางครั้งมันสามารถจะผสมพันธุ์กับตัวผู้เป็นสิบตัวได้ภายในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว
4
คำถามคือ ชิมแปนซีตัวเมียต้องการอสุจิจากตัวผู้หลายๆตัวไปเพื่ออะไร ?
พฤติกรรมที่แปลกเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ที่ผมบอกว่าแปลกเพราะโดยทั่วไปแล้วตัวเมียจะช่างเลือกว่าจะผสมพันธุ์กับใครบ้าง และตัวเมียทั่วไปจะพยายามมองหาตัวผู้ที่มีพันธุกรรมดี ถ้าชิมแปนซีตัวเมียอยากได้พันธุกรรมที่ดี มันน่าจะพอใจที่ได้ผสมพันธุกับลิงเบอร์ต้นๆ ไม่กี่ตัว (ซึ่งแข็งแรงและฉลาด) แล้วพอใจแค่นั้น
แต่ทำไมมันถึงผสมพันธุ์กับลิงตัวผู้เกือบทั้งฝูง?
2
ว่ากันว่าเราไม่สามารถจะเข้าใจพฤติกรรมของภรรยาโดนไม่ไปดูพฤติกรรมของสามีได้
เช่นเดียวกันครับเราอาจจะไม่เข้าใจพฤติกรรมของลิงตัวเมียได้ถ้าไม่ดูพฤติกรรมของลิงตัวผู้
2
และก็เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อศึกษาพฤติกรรมของลิงตัวผู้เราจะเห็นว่า ต้นเหตุที่ลิงตัวเมียมีพฤติกรรมสำส่อนหรือที่เรียกว่า promiscuosu เช่นนั้น ทั้งหมดมันเริ่มมาจากพฤติกรรมแบบหนึ่งของตัวผู้ นั่นคือ ...
ลิงตัวผู้จะฆ่าลูกลิงเกือบทุกตัวที่มันรู้ว่าไม่ใช่ลูกของมันหรือลูกลิงที่ไม่มีพ่อมาคุ้มครอง (เช่นกำพร้าพ่อ)
1
ดังนั้นการที่ชิมแปนซีตัวเมียผสมพันธุ์กับตัวผู้ให้มากที่สุด จึงเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่า ฉันเป็นพ่อของลูกลิงตัวนั้นหรือเปล่า
ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผล เพราะตัวผู้มักจะไม่ฆ่าลูกของตัวเมียที่มันเคยผสมพันธุ์ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นมันยังช่วยป้องกันภัยอันตรายและช่วยหาอาหารให้ลูกลิงทุกตัวที่เกิดจากลิงตัวเมียที่มันผสมพันธุ์ด้วยเป็นครั้งคราว
ดังนั้นในสังคมชิมแปนซีถ้าเราศึกษาแค่เพียงผิวเผินจะเหมือนว่าชิมแปนซีตัวผู้นั้นรักเด็ก
แต่แท้ที่จริงๆ แล้วทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมันไม่รู้ว่า "นั่นจะเป็นลูกฉันหรือเปล่า”
4
3.
เมื่อชิมแปนซีตัวเมียผสมพันธุ์กับตัวผู้หลายตัวในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผลที่ตามมาคือ
ภายในช่องคลอดตัวเมียจึงเต็มไปด้วยอสุจิจากชิมแปนซีตัวผู้หลายตัวปนกัน
สนามรักจึงเปลี่ยนเป็นสนามรบ
4
อสุจิหลายพันล้านตัวในช่องคลอดต้องต่อสู้แข่งขันกันและจะมีเพียงอสุจิตัวเดียวเท่านั้นที่จะได้เข้าไปผสมกับไข่
เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้อสุจิของตัวเองชนะศึกในช่องคลอดนี้
ลิงแต่ละตัวจึงงัดกลยุทธ์หลายๆอย่างออกมาแข่งขันกัน โดยจะมีกลยุทธ์หลักๆ 2 อย่างด้วยกันคือ
2
หนึ่ง ขนาดของกองทัพที่ใหญ่ และ
สอง ความสามารถในการขัดขวางการเคลื่อนกำลังของกองทัพอสุจิอื่นๆ
เรามาเริ่มที่ขนาดของกองทัพที่ใหญ่กันก่อน
2
4.
เมื่อโอกาสแพ้หรือชนะวัดกันที่ขนาดของกองทัพ
อสุจิมาก โอกาสชนะก็มากขึ้น การผลิตอสุจิจำนวนมากจึงสำคัญ
1
การจะผลิตอสุจิให้ได้มากๆ โรงงานผลิตหรืออัณฑะจึงต้องมีขนาดใหญ่
ด้วยเหตุนี้ชิมแปนซีแม้ว่าจะมีขนาดร่างกายที่เล็กสุด แต่จะมีขนาดอัณฑะใหญ่กว่ามนุษย์และกอริลล่า
5.
ในสัตว์ทั้งหลายโดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเห็นตัวผู้ตัวใหญ่กว่าตัวเมีย (ภาษาวิทยาศาสตร์เรียกความแตกต่างของร่างกายระหว่างตัวผู้กับตัวเมียว่า sexual dimorphism)
คุณสามารถลงเงินพนันไปได้เลยว่า (โอกาสถูกสูง) ลักษณะสังคมจะเป็นแบบที่ตัวผู้หนึ่งตัวมีตัวเมียหลายตัว เพราะตัวผู้ต้องสู้กันเพื่อแย่งชิงตัวเมีย จึงเกิดการคัดเลือกที่ทำให้ตัวผู้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
6
ยิ่งขนาดตัวผู้ใหญ่กว่าตัวเมียมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะท้อนให้รู้ว่าขนาดของฮาเร็มยิ่งใหญ่ขึ้นตามเท่านั้น (อยากครอบครองตัวเมียเยอะๆ ก็ยิ่งต้องสู้มากขึ้น)
และนั่นก็คือสังคมในแบบของกอริลล่าครับ
สังคมของกอริลล่าจะอยู่เป็นฝูงฮาเร็ม ที่มีตัวผู้เป็นจ่าฝูงหนึ่งตัว (หรือสองตัวแต่พบไม่บ่อย) และตัวเมียหลายตัว
การที่กอริลล่าตัวผู้จะได้ฮาเร็มมาครอบครองได้มันต้องต่อสู้แย่งชิงกับตัวผู้อื่นๆ
2
แม้ว่าการเลือกคู่ผสมพันธุ์วิธีนี้ ตัวเมียจะไม่มีสิทธิ์เลือกตัวผู้เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ
3
แต่ถ้ามองอีกมุมระบบนี้ก็มีข้อดีของมัน คือตัวเมียไม่ต้องทำอะไรแค่นอนรอเฉยๆ ให้ตัวผู้สู้กันเอง
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงตัวเมียทั้งหลายก็จะได้ตัวผู้ที่ดีที่สุด แข็งแรงที่สุด ซึ่งหมายถึงพันธุกรรมและโภชนาการที่ดี มาเป็นพ่อพันธุ์
4
นอกไปจากนี้ระบบนี้เป็นระบบที่ตัวเมียแบ่งปันตัวผู้ที่ดีที่สุดระหว่างกันโดยไม่ครอบครองไว้เป็นของตัวเอง
ดังนั้นโอกาสที่ตัวเมียแต่ละตัวจะได้ตัวผู้ที่ดีที่สุดจึงค่อนข้างสูงแม้ว่าตัวเมียนั้นจะไม่ใช่ตัวเมียที่เด่นที่สุดก็ตาม
3
เมื่อกอริลล่าตัวผู้มีฮาเร็ม มันเลยไม่ต้องไม่ต้องกังวลว่าจะมีตัวผู้อื่นเข้ามาแข่งผสมพันธุ์
อสุจิของกอริลล่าเลยชิลล์ เพราะไม่ต้องไปแข่งกับใคร แค่แข่งกับอสุจิที่มาจากอัณฑะเดียวกันเท่านั้น
2
เมื่อไม่ต้องไปแข่งกับใคร อัณฑะจึงไม่โดนกดดันให้สร้างกองทัพที่ใหญ่
อัณฑะของกอริลล่าจึงเล็กที่สุดแม้ว่ามันจะมีร่างกายใหญ่โตที่สุดก็ตาม
1
สำหรับโฮโม เซเปียนส์ ซึ่งมีขนาดอัณฑะอยู่ตรงกลางระหว่างชิมแปนซีและกอริลล่า
ร่วมไปกับขนาดของร่างกายที่โดยเฉลี่ยผู้ชายจะตัวใหญ่กว่าผู้หญิงประมาณ 10-15%
จึงสะท้อนให้เห็นว่าในอดีตอาจจะหลายหมื่นหรือเป็นแสนปีมาแล้ว
อสุจิของผู้ชายจำเป็นต้องแข่งกับอสุจิที่มาจากอัณฑะอื่นๆ
5
แต่นั่นก็เป็นแค่กลยุทธ์แรกที่อสุจิใช้ต่อสู้กัน
กลยุทธ์ที่สองที่อสุจิใช้คือ การขัดขวางการเคลื่อนกำลังของกองทัพอสุจิอื่นๆ
1
6.
ถ้าเราพิจารณาดูจะเห็นว่าการที่น้ำอสุจิเหนียวเป็นลักษณะที่แปลก
เพราะน้ำอสุจิหรือซีเมนส์ (semens) หน้าที่ของมันคือ ส่งตัวอสุจิให้ว่ายน้ำไปหาไข่
ยิ่งน้ำอสุจิยิ่งเหลว ยิ่งใส ก็น่าจะช่วยให้อสุจิว่ายได้เร็วขึ้น
ในทางตรงกันข้าม น้ำอสุจิที่เหนียว น่าจะมีผลให้อสุจิว่ายน้ำได้ยากขึ้น
แล้วทำไมน้ำอสุจิของมนุษย์จึงวิวัฒนาการมามีลักษณะเหนียวหนืดและยังแข็งได้เช่นนี้ ?
3
วิธีหนึ่งที่จะทำให้เราเข้าใจร่างกายของมนุษย์ได้มากขึ้นคือ
การไปศึกษาร่างกายของสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ตระกูลลิงทั้งหลาย
แล้วนำสิ่งที่พบมาเปรียบเทียบกับร่างกายของมนุษย์
ความคลุมเครือที่ไม่ชัดเจนบางอย่างอาจจะชัดเจนขึ้นได้ครับ
2
ดังนั้นคำถามคือ น้ำอสุจิของสัตว์อื่นๆเป็นอย่างไรกันบ้าง ?
คำตอบที่เราจะได้รับคือ
ไม่ได้มีแต่น้ำอสุจิของมนุษย์เท่านั้นที่เหนียวและแข็งได้แต่
น้ำอสุจิของสัตว์จำนวนมากก็เหนียวและแข็งตัวได้เช่นเดียวกัน
ความเหนียวหนืดและความแข็งของอสุจิจะแตกต่างกันไปในสัตว์แต่ละสปีชีส์
สัตว์บางสปีชีส์ก็มีน้ำอสุจิที่เหนียวและเมื่อแข็งตัวแล้วจะแข็งกว่าของเรามาก
สัตว์บางสปีชีส์จะใสกว่าและเมื่อแข็งตัวจะนุ่มกว่าของเรา
2
การที่ลักษณะเช่นนี้พบได้ในสัตว์หลายชนิด มันบอกกลายๆว่า
ลักษณะเช่นนี้อาจจะมีประโยชน์ในการส่งต่อพันธุกรรมบางอย่าง
ลักษณะเช่นนี้จึงถูกคัดเลือกให้วิวัฒนาการมาได้
ดังนั้นคำถามที่เราอยากรู้คือในสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ความหนืดและการแข็งตัวของอสุจิมีประโยชน์อย่างไร ?
1
7.
ในธรรมชาติการแย่งสืบพันธุ์ระหว่างตัวผู้ทั้งหลายไม่ได้จบแค่การจีบและการเลือกคู่เท่านั้น แต่ตัวผู้ทั้งหลายยังต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเมียไปผสมพันธุ์กับตัวผู้ตัวอื่นอีกด้วย ไม่เช่นนั้น อสุจิของตัวเองที่เข้าไปในร่างกายตัวเมียอาจจะไม่ได้ไปผสมกับไข่
2
วิธีที่สัตว์ต่างๆใช้นั้น มีหลากหลายมาก เช่น
แมลงวันตัวผู้จะผสมสารเคมีบางอย่างปนไปกับอสุจิ เมื่อตัวเมียได้รับสารเคมีนั้นตัวเมียจะหมดอารมณ์ทางเพศ และไม่ยอมให้ตัวผู้อื่นๆ เข้ามาผสมพันธุ์ด้วย
ตั๊กแตนบางชนิดจะมีสารเคมีผสมในอสุจิซึ่งจะทำให้ตัวเมียมีกลิ่นที่ตัวผู้อื่นไม่ชอบและไม่อยากเข้าใกล้
แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สัตว์หลายชนิดใช้กันคือ การอุดช่องสืบพันธุ์ของตัวเมียเอาไว้หรือที่เรียกว่า copulation plug (copulation หมายถึงการผสมพันธุ์ ส่วน plug ก็เหมือนคำว่าปลั๊กไฟ คือเสียบเข้าไปอุดไว้)
3
แมลงปอตัวผู้จะคาอวัยวะเพศของมันเอาไว้ในช่องสืบพันธุ์ของตัวเมียอีกระยะหนึ่งหลังจากที่มันหลั่งอสุจิ เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิของตัวผู้อื่นมีช่องทางเข้าไป (เคยเห็นแมลงปอก้นติดกันไหมครับ)
5
กิ้งกือบางชนิด ตัวผู้ (ซึ่งตัวเล็กกว่าตัวเมีย) จะคาอวัยวะเพศค้างไว้แล้วขึ้นไปขี่อยู่บนตัวเมีย ตัวเมียไปไหนมันก็จะขี่ไปด้วย
4
กระรอก แมงมุมบางสายพันธุ์ หนูและแมลงอีกหลายชนิดเมื่อตัวผู้ผสมพันธุ์กับตัวเมียเสร็จจะป้องกันตัวเมียไม่ให้ไปผสมพันธุ์กับตัวผู้อื่นๆ ด้วยอสุจิที่เหนียวและแข็งซึ่งมันจะไปอุดช่องผสมพันธุ์ของตัวเมียไว้ การอุดอาจเป็นอย่างถาวรหรือชั่วคราวก็ได้
2
ดังนั้น คำถามที่เราสนใจคือ การที่น้ำอสุจิของมนุษย์เหนียว เป็นเพราะมันออกแบบมาให้ทำหน้าที่อุดไม่ให้อสุจิของผู้ชายอื่นเข้าไปผสมพันธุ์ เช่นเดียวกับของตัวผู้อื่นๆ หรือไม่?
3
เรารู้ว่าในช่วงที่ชิมแปนซีตัวเมียตกไข่ (ติดสัด) มันจะผสมพันธ์กับตัวผู้หลายตัว
อสุจิของตัวผู้แต่ละตัวเลยต้องแข่งกันว่าใครจะเข้าไปผสมพันธุ์กับไข่ได้ก่อนกัน
เรารู้อีกว่ากอริลล่าอยู่เป็นฮาเร็มจึงไม่มีตัวผู้ตัวอื่นมาผสมพันธ์กับตัวเมียของมัน
อสุจิของกอริลล่าเลยชิลๆ แข่งกันเองแบบเฟรนด์ลี่ ไม่ต้องว่ายแข่งกับของตัวผู้อื่นๆ
ถ้าน้ำอสุจิที่เหนียวในลิงไพรเมตและมนุษย์มีหน้าที่ ช่วยอุดไม่ให้อสุจิอื่นเข้าไปผสมกับไข่จริง
เราก็คาดว่า กลไก "การคัดเลือกตามธรรมชาติ” ก็ควรจะเลือกให้น้ำอสุจิของชิมแปนซีหนืดและแข็งที่สุด
ส่วนน้ำอสุจิของกอริลล่าใสและลื่นที่สุด
ส่วนน้ำอสุจิของมนุษย์ก็น่าจะอยู่ตรงกลางระหว่างชิมแปนซีและกอริลล่า
2
เมื่อนักวิทยาศาสตร์นำน้ำอสุจิหรือซีเมนส์ของชิมแปนซี มนุษย์ และกอริลล่ามาศึกษาเทียบกัน
สิ่งที่พบคือน้ำอสุจิของชิมแปนซีจะเหนียวที่สุดและเมื่อแห้ง จะแข็งมากที่สุด
น้ำอสุจิของกอริลล่าจะใสที่สุด และแทบจะไม่แข็งเลย
ส่วนน้ำอสุจิของมนุษย์อยู่ตรงกลาง
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่สมมติฐานที่เราเดาไว้
แต่เพื่อความเข้าใจมากขึ้น เราจะลงลึกในรายละเอียดกันอีกนิดเพื่อดูว่าความหนืดของน้ำอสุจิมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ดีไหมครับ
1
เวลาเราทำราดหน้า การจะทำให้น้ำราดเหนียว เราทำโดยการเติมแป้งมันลงไปในน้ำซุป
ถ้าเราเติมแป้งมันมากน้ำราดหน้าก็จะเหนียวหนืดมาก ถ้าเติมแป้งมันน้อยน้ำก็จะไม่เหนียวมาก
ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้จะบอกว่าน้ำอสุจิของมนุษย์ ชิมแปนซี และกอริลล่า เหนียวเพราะแป้งมัน
3
แต่น้ำอสุจิของมนุษย์ ชิมแปนซีและกอริลล่า จะเหนียวมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่ามีการเติมโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า semenogelin-2 มากน้อยแค่ไหน
3
โปรตีนตัวนี้สร้างมาจากยีนที่ชื่อว่า SEMG2
เนื่องจากมนุษย์ ชิมแปนซีและกอริลล่าเป็นญาติกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสามสปีชีส์จะมียีนนี้เหมือนกัน
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พบเมื่อนำยีน SEMG2 ของคน ชิมแปนซีและกอริลล่ามาเทียบกันคือ
ยีนตัวนี้ในชิมแปนซีจะทำงานสร้างโปรตีนได้มากที่สุด รองลงมาคือมนุษย์ และน้อยสุดคือกอริลล่า
แต่เรื่องยังไม่จบครับ การแข็งตัวของน้ำอสุจิ (ภาษาวิทยาศาสตร์เรียกว่า semen coagulation เพื่อท่านใดอยากจะนำไปเล่าต่อจะได้มีคำที่ฟังดูวิชาการเก็บไว้ใช้)
ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีกเล็กน้อย
1
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ศึกษาการแข็งตัวของน้ำอสุจิในรายละเอียด ก็พบว่าน้ำอสุจิของคนแต่ละส่วนจะแข็งตัวไม่เท่ากัน
ส่วนแรกๆของน้ำอสุจิที่ออกมาจะใสและไม่ค่อยแข็งตัว
แต่ส่วนที่ออกมาตอนท้ายๆ จะเหนียวและแข็งตัวง่ายกว่า
ซึ่งลักษณะดังกล่าวเหมือนจะช่วยให้การอุดปากมดลูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะ
1
ส่วนของน้ำอสุจิที่ไม่เหนียวจะทำให้อสุจิว่ายน้ำได้คล่องและเข้าไปก่อน
จากนั้นจึงปิดท้ายขบวนด้วยน้ำอสุจิที่เหนียวข้นและแข็งตัวได้เหมือนกาว
3
ลักษณะเช่นนี้ จึงช่วยสนับสนุนสมมติฐานที่ว่า อสุจิที่เหนียวเพราะต้องทำหน้าที่อุด อสุจิของตัวผู้อื่นที่อาจจะมาผสมพันธุ์ต่อจากเรา
2
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าน้ำอสุจิและอัณฑะจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากคำถามพื้นๆ ที่ใครๆก็เคยเห็น แต่อาจจะไม่เคยสงสัยหรือตั้งคำถาม
เพียงแค่คำถามสั้นๆ ว่า ทำไมอสุจิจึงเหนียวและแข็งได้ กลับมีเรื่องราวของมนุษย์ซ่อนอยู่มากมาย
ถ้าเช่นนั้นผมก็ขอจบเรื่อง ตรงนี้เลยนะครับ
อะไรนะครับ....
อ๋อ ผมยังไม่ได้เล่าเลยว่าทำไมขนาดของอวัยวะเพศของกอริลล่าตัวผู้จึงยาว 1 นิ้วกว่าๆ ชิมแปนซียาว 3 นิ้ว และของคนประมาณ 5 นิ้ว และผมยังไม่ได้อธิบายด้วยว่า ทำไมน้ำอสุจิจึงพุ่งออกมาแรงขนาดนั้น (ทั้งๆที่ระยะทางจากปลายอวัยวะเพศไปถึงปากมดลูกมันใกล้กันนิดเดียว)
ได้ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง แต่คงจะยังไม่ใช่ตอนนี้ เอาเป็นว่ากดติดตามกันไว้ก่อนดีไหมครับ
แล้วมีโอกาสผมจะกลับมาเล่าให้ฟังครับ เรื่องมันค่อนข้างยาวนิดนึง เพราะก่อนจะตอบคำถามนี้ได้
ผมต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า ทำไมบริเวณปลายสุดของอวัยวะเพศชาย ถึงมีหัวใหญ่ๆที่ดูคล้ายๆเห็ด
1
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าครับ
หรือถ้าไม่อยากพลาดที่อ่านเกี่ยวกับอวัยวะเพศชายก็เป็นเพื่อนกันใน Line ไว้เลย
จะได้ไม่พลาดบทความ podcast หรือคลิปวีดีโอ ที่ผมไปแอบโพสต์ซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ
คลิกเลยครับ https://lin.ee/3ZtoH06
1
(ปิดท้ายด้วยโฆษณา)
ถ้าชอบวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับร่างกายแบบนี้
แนะนำอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ Bestseller ของผมเองหลายเล่มเช่น
เรื่องเล่าจากร่างกาย เหตุผลของธรรมชาติ และ 500 ล้านปีของความรักเล่ม1-2
1
สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จากลิงก์ทั้ง 2 ด้านล่างครับ
อ่านบทความวิทยาศาสตร์และการแพทย์เพิ่มเติมได้ที่
หรือ
2
อ่านบทความแนวประวัติศาสตร์ได้ที่
1
คลิปวีดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
โฆษณา