5 เม.ย. 2020 เวลา 23:00
#กรรมปรามาสพระอริยะผู้ทรงธรรม
“ ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๔๐ หลวงปู่ท่อนท่านให้มาเฝ้าวัดให้ท่าน พักอยู่กับหลวงปู่ท่อนที่วัดศรีอภัยวัน หลวงปู่ท่อนเล่าให้ฟัง ตอนท่านบวชได้ ๓-๔ พรรษา ท่านเคยประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอก ถ้ามองลักษณะภายนอก พระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ ท่านดูไม่น่าเลื่อมใส หลวงปู่ท่อนท่านจึงนึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ในใจ
หลังจากท่านประมาทในภูมิธรรมของพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้แล้ว ต่อมา ปรากฏว่าเวลาท่านภาวนา จิตของท่านจะลงไม่ถึงความสงบเหมือนแต่ก่อน ทั้งที่แต่ก่อนเวลาภาวนาจิตของท่านจะลงพรวดถึงฐานจิตของสมถะภาวนาได้โดยง่าย นับแต่วันที่ท่านประมาทในธรรมของพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้มา จิตของท่านก็กระด้างกระเดื่องในธรรมเพราะกรรมประมาทในธรรมของพระอริยะที่ตนไม่รู้ กรรมนี้จึงส่งผลให้ท่านจิตมัวใจหมองเพราะอกุศลกรรม
ท่านบอก บางครั้งเราต้องเอาสติเข่นบังคับจิตให้ลงสู่ความสงบ ไม่ต่างอะไรกับเราเอามือข่มลูกฟุตบอลเพื่อให้มันจมลงไปในน้ำ พอปล่อยมือออกแล้วลูกฟุตบอลนั้นก็จะเด้งขึ้นตามแรงกด ท่านอุปมาภายนอกเพื่อเทียบภายในให้ฟัง
ท่านบอก จิตเราตอนนั้นสงบลงไม่จริง จิตอยู่ได้แค่อุปจาระ จรเฉียดไปเฉียดมา อยู่อย่างนั้น ครั้นจะลงถึงสว่างสดใสในชั้นสมถะ ทำอย่างไรมันก็ไปไม่ถึงดั่งที่ตนเองเคยเป็นมา
ท่านบอกพอท่านภาวนาจิตสงบลงพอวับแวม จะปรากฏเป็นเงาดำทรงกลมขนาดประมาณเท่ากระด้งหรือถาดพาข้าวมาขวางกั้นจิต จิตของท่านจะเป็นลักษณะแบบนี้อยู่นานร่วมเดือน ท่านสงสัยในอาการที่จิตของตนเองเป็นแบบนี้ ท่านเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อแก้ไขจิตของตนเองได้ในขณะนั้น หลังจากหลวงปู่ท่อนท่านกลับจากเที่ยววิเวกแถวเขตอำเภอท่าลี่ ท่านจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ พระคุณเจ้าหลวงปู่คำดี ปภาโส ที่ วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย เพื่อให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีท่านช่วยแก้ไข
ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกหลวงปู่คำดีแค่อาการของจิตที่ตนเองกำลังเป็นอยู่ ท่านยังไม่ได้บอกหลวงปู่คำดีว่าท่านได้นึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านชี้ชัดให้ท่านฟังว่า
“ท่านท่อน ที่จิตของท่านเป็นแบบนี้ในเวลาภาวนา มันเกิดจากกรรมที่ท่านได้ไปประมาทท่านผู้รู้ธรรม กรรมนี้จึงส่งผลบาปรบกวนจิตของท่านในเวลาที่ท่านภาวนา ให้ท่านระลึกดูซิว่าท่านได้ไปประมาทธรรมท่านผู้หนึ่งผู้ใดไว้หรือไม่ ถ้าท่านหลงไปประมาทพลาดพลั้งท่านผู้รู้ธรรมแล้ว ก็ให้ท่านรีบไปขอขมาท่านเสีย อย่าทิ้งวันทิ้งคืนไว้นานมันไม่เป็นผลดีกับจิตท่าน จิตท่านมันจะวิบัติมากไปกว่านี้”
1
พอหลวงปู่คำดีท่านว่ามาแบบนี้ หลวงปู่ท่อนท่านบอกตอนนั้นเราใจเสียหมดเลย คิดแวบออกได้ทันทีว่าเราเคยประมาทภูมิข้างในของหลวงพ่อ…ว่าท่านไม่รู้จริง ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เพราะพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้ก็เพิ่งจะมรณะภาพไปได้ไม่นาน เราจึงกราบเรียนเรื่องนี้กับหลวงปู่คำดี เพื่อให้ท่านช่วยหาหนทางแก้ไขให้ตนเอง
หลวงปู่คำดีท่านบอกว่า “เมื่อท่านมรณะภาพไปแล้วก็ให้ท่านท่อนไปกราบขอขมาที่สถูปกองฟอนของท่าน ให้ท่านท่อนน้อมจิตน้อมใจกราบขมาขออภัยกับท่านพระเถระ ถ้าท่านทำแบบนี้แล้วกรรมของท่านก็จะพ้นไปได้เอง เพราะกรรมนี้ไม่ใช่เวรจองกรรม”
หลวงปู่ท่อนท่านจึงเดินทางไปกราบสถูปธาตุพระเถระผู้เฒ่าที่ท่านเคยประมาทล่วงเกิน ท่านน้อมกราบขอขมาลาโทษกรรมที่ตนเองได้เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระเถระผู้เฒ่า
หลวงปู่ท่อนท่านบอก “พอจิตใจเราเบาแล้ว เราก็นั่งภาวนาอยู่ข้างเชิงตะกอนที่เผาสรีระพระผู้เฒ่าเพื่อน้อมถวายท่าน เรานั่งภาวนาไม่นานจิตเราก็ลงพรวดสว่างไสวขึ้นมาทันที จิตแต่ก่อนเคยเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็กลับมาคืนมาเหมือนเดิม”
“พอจิตอิ่มในความสงบแล้ว เราถอยออกมาพิจารณาในอกุศลธรรม ปัญญาก็พิจารณาละบาปอกุศลในจิตออกทันที เวลาพิจารณาปัญญาไหลออกพรวดๆดั่งสายน้ำหลากลงจากภูเขา จิตปิดบาปอกุศล จิตใจมีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกรรมอย่างหนักแน่นไม่เสื่อมถอย ตั้งแต่นั้นมาจิตเราก็ไม่เคยเสื่อมอีกเลย จิตยืนได้ด้วยกำลังของตนเอง“
ธรรมเป็นอกาลิโกกำหนดคาดหมายไม่ได้ พอความสมบูรณ์ของบุญวาสนามาถึงพร้อมกับความเพียรแล้ว ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเองคาดหมายเวล่ำเวลาไม่ได้ “
หลวงปู่ท่อนท่านบอก
“กรรมประมาทในท่านผู้ทรงธรรมนี้เห็นผลในทันตา อย่างน้อยจิตใจมัวหมอง มีฤทธิ์ก็เสื่อมฤทธิ์ มีฌานก็เสื่อมฌาน มุ่งหวังความสงบได้ยาก ตายไปก็ตกอบายภูมิ ถ้ารู้ตนรู้ตัวว่าตนเองเป็นแบบนี้ก็ให้รีบแก้ในปัจจุบันทันทีอย่าทิ้งไว้นาน พอตายไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ มันสายไปแล้วต้องรับผลกรรมเพียงอย่างเดียว หนักหรือเบาขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมของตน”
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
โฆษณา