15 มี.ค. 2020 เวลา 15:20 • สุขภาพ
“5เคล็ดลับแก้จิตตก”
🌺🌹เรื่องที่เราจะมาคุยกันในวันนี้ จะเป็นหัวข้อด้านการดูแลทางจิตใจ. ปัจจบันเราสังเกตุกันไหมค่ะว่าช่วงนี้เรามีข่าว ใหญ่ๆหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น มีข่าวยิง กันที่โคราช มีโรค ระบาด covid19 มีโรคฮิตติดปาก ใครเบื่อๆ เซ็ง ก็จะบอกว่าฉันเป็นโรค ซึมเศร้า สิ่งต่างๆเหล่านี้สร้างความวิตก กังวล กลัว เบื่อหน่าย ท้อแท้ ให้สังคมเราได้บ่อยๆ
เอะแล้วเราจะมีวิธีไหนที่จะช่วย ให้เราดีขึ้นกับสภาพสังคมเครียดๆแบบนี้บ้าง
วันนี้ก็เลยอยากมาคุยให้กันฟังว่า มีวิธีไหนไหมที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น หัวข้อวันนี้คือ
5 สิ่งแก้จิตตก 5สิ่งนี้มีอะไรบ้าง
👭👭👬เริ่มที่ ข้อที่ 1 คือ $การเชื่อมต่อ หรือการมีความสัมพันธ์กัน หรือภาษาอังกฤษ จะใช้คำว่าconnection
เราพบ หลักฐานที่ชัดเจนแล้ว ว่า การมีความสัมพันธ์ที่ดี และการที่เรารู้สึกมีคุณค่า เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์และเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น
ความสัมพันธ์ทางสังคมก็ยังมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมสุขภาพและยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันโรคทางสุขภาพจิตสำหรับทุกคนทุกวัยเลยนะคะ
งานวิจัยในในHarvard ศึกษาความสุขในชีวิตของคนเรา โดยใช้ระยะเวลานาน75ปี พบว่าคนที่เหลืออยู่ มีอยู่60คน อายุ90ปี ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่ให้เขามีความสุข ในชีวิตคือ ความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่ ชื่อ เสียง เงินทองแต่อย่างใด ยิ่งตรอกย้ำให้เราเห็นถึงประโยชน์ความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้น
เมื่อเราเห็นประโยชน์มหาศาลเหล่านี้ เราลองมาทำสิ่งที่แตกต่างจากทุกวันที่เราทำกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์กันดีๆ กัน ดีกว่า นะคะ ตัวอย่างเช่น
-พูดคุยกับใครบางคนแทนที่จะส่งอีเมล
-พูดคุยกับคนใหม่ใหม่
-ถามถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ของใครบางคนเป็นอย่างไรและสนใจฟังเขาจริงๆเมื่อเขาเล่าให้เราฟัง
-เดินทางกลับบ้านกับเพื่อนที่ทำงาน เพื่อได้พูดคุยสัมพันธ์กัน
ลองไปทำกันดูนะคะ
🏃‍♀️🏃‍♂️💃ข้อที่2 คือ $มีการเคลื่อนไหวให้กระฉับกระเฉง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า active
การเคลื่อนไหว ให้กระฉับกระเฉง หรือ active จะช่วยลดอัตราการซึมเศร้าและความวิตกกังวลในทุกกลุ่มอายุ
อีกทั้งยังช่วยชะลอโรคสมองเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้นได้
วันนี้คุณ active หรือ เคลื่อนไหวร่างกายแล้วหรือยัง: ตัวอย่างการเคลื่อนไหวร่างกายทำตัวเองให้รู้สึกกระฉับกระเฉง เช่น
ใช้บันไดไม่ใช่ลิฟต์
ไปเดินเล่นในเวลาอาหารกลางวัน
เดินไปทำงาน กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถ 'เชื่อมต่อ' กันได้อีก
ลงจากรถเมล์ก่อนหนึ่งป้ายและเดินต่อไปที่ทำงาน
จัดกิจกรรมกีฬาในที่ทำงาน
'ออกกำลังกายง่ายๆ' เช่นยืดกล้ามเนื้อก่อนออกไปทำงานตอนเช้า
เดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อติดต่องานแทนที่จะโทรหรือส่งอีเมล
🕵️‍♂️👩‍🌾ข้อที่ 3 $สังเกตุสิ่งรอบข้าง
การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการรับรู้ถึงสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะช่วยเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีและ จะช่วยลำดับความสำคัญของงานได้ดีขึ้น
การรับรู้ตัวเองและสิ่งแวดล้อม ยังช่วยเพิ่มความเข้าใจและ รู้จักตัวเอง ส่งผลให้สามารถทำตามค่านิยมและแรงจูงใจของตัวคุณเองได้
ลองหันมาใช้เวลาสักครู่เพื่อรับรู้ตัวเองและสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณ กันนะคะ
ตัวอย่าง
สังเกตว่าเพื่อนร่วมงานของคุณมีความรู้สึกหรือแสดงออกอย่างไร
ใช้เส้นทางอื่นในการเดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงาน
เดินเส้นทางใหม่ๆเวลาไปทานอาหารกลางวัน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณรับรู้สิ่งแวดล้อมและรับรู้ตัวเอง
👨‍💻🌍🌈ข้อที่4 $เรียนรู้
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและชีวิตที่กระตือรือร้นมากขึ้น
มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการที่ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการทำงานหรือกิจกรรมการศึกษาจะช่วยป้องกันหรือลดภาวะซึมเศร้าได้
การตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์อย่างมากกับระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้ต้องมีเป้าหมายด้วย
แล้วทำไมวันนี้เราไม่เรียนรู้สิ่งใหม่กันล่ะ ดูตัวอย่างการเรียนรู้กันะคะ
สมัครเข้าเรียนวิชา หรือ กิจกรรมสิ่งที่ชอบ
อ่านข่าวหรือหนังสือ
จัดตั้งชมรมหนังสือ
เล่นปริศนา คำไขว้หรือ Sudoku
ค้นหาสิ่งที่คุณสงสัยอยู่เสมอ
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่
❤️💕ข้อที่ 5 $การให้
มีการวิจัย ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ในเรื่อง “การมีส่วนร่วม หรือการให้ในสังคม ชุมชน กับ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่”
พบว่า คนที่มีความสนใจในการช่วยเหลือผู้อื่นมีแนวโน้มที่จะมีคะแนนความสุขสูงกว่า
มีการวิจัยเกี่ยวกับการกระทำเพื่อส่งเสริมความสุข แสดงให้เห็นว่าการกระทำที่มีความเมตตา 1ครั้ง ต่อสัปดาห์นาน หกสัปดาห์. สัมพันธ์กับการเพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้
วันนี้เราเมตตา อะไรใครแล้วหรือยัง ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของก็ได้นะคะ สิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่น คำพูดดีๆ ให้ทาง ยิ้ม ขอบคุณจากใจ ก็ถือเป็นความเมตตาแล้วค่ะ
โฆษณา