20 มี.ค. 2020 เวลา 04:00 • กีฬา
เหตุใดแข้งศัตรูอย่าง 'ริเกลเม' จึงถูกชาวบราซิลเอาไปตั้งชื่อจนเกลื่อนประเทศ?
3
อาร์เจนตินา และ บราซิล ถือเป็นหนึ่งในคู่ปรับที่เกลียดกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ทุกครั้งที่ทั้งคู่โคจรมาพบกัน ไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ ล้วนใส่กันอย่างไฟแลบ จนมีใบเหลืองใบแดงมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ดี กลับมีนักเตะชาวอาร์เจนไตน์คนหนึ่งที่ชาวบราซิลเกลียดไม่ลง ยิ่งไปกว่านั้น ยังเอาชื่อของเขาไปตั้งชื่อลูกหลานจนเกลื่อนประเทศ
เขาคนนั้นมีชื่อว่า ฮวน โรมัน ริเกลเม อดีตจอมทัพ โบคา จูเนียร์ส และ บียาร์เรอัล เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ร่วมติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
คู่ปรับตลอดกาล
"คู่รักคู่แค้น" ถือเป็นหนึ่งในสเน่ห์ของเกมลูกหนัง เมื่อสิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ทั้งสองทีมเข้าฟาดฟันกันอย่างไม่คิดชีวิต และทำให้เกมมีสีสันกว่าปกติ
และสำหรับทีมชาติ อาร์เจนตินา กับ บราซิล ก็คือหนึ่งในคู่ปรับที่มีชื่อเสียงในโลกฟุตบอล จากการแย่งชิงกันเป็นเบอร์หนึ่งของทวีป ที่ไม่ว่าเจอกันครั้งไหน ล้วนใส่กันไม่ยั้งราวกับเป็นสงครามขนาดย่อมบนสนามหญ้า
Photo : twnews.co.uk
อันที่จริงจุดเริ่มต้นการเป็นคู่ปรับของพวกเขา อาจต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีฟุตบอลมาเกี่ยวข้อง นั่นคือช่วงเพิ่งประกาศตัวเป็นเอกราช (อาร์เจนตินา ประกาศเอกราชปี 1816 ขณะที่ บราซิล ประกาศเอกราชปี 1922) เมื่อทั้งสองประเทศต่างมีพื้นที่ทับซ้อน จนกลายเป็นสงครามแย่งชิงดินแดน
ในปี 1825 สงครามระหว่างบราซิล และอาร์เจนตินาครั้งแรกได้ปะทุขึ้นในชื่อ "สงครามซิสพลาทิน" หลังทั้งสองฝ่ายต่างแย่งชิงพื้นที่ปากแม่น้ำริโอ เดอ ลา พลาตา ฝั่งตะวันออก ที่แต่เดิมเป็นของจักรวรรดิบราซิล แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนพูดภาษาสเปน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ สหจังหวัด ริโอ เดอ ลา พลาตา หรืออาร์เจนตินาในปัจจุบัน ปลุกระดมให้คนในท้องถิ่น ต่อต้านต้านการกดขี่จากการปกครองของบราซิล และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ สหจังหวัด ริโอ เดอ ลา พลาตา ซึ่งเป็นผลให้บราซิล ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการต่ออาร์เจนตินา
1
หลังสู้รบกันอย่างยาวนานจนถึงปี 1828 ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เจรจาสงบศึกภายใต้ "สนธิสัญญามอนเตวิเดโอ" ก่อนจะปลดปล่อยจังหวัดซิสพลาทีน ให้เป็นอิสระ และกลายเป็นประเทศอุรุกวัยในปัจจุบัน
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข้ามาถึงศตวรรษที่ 20 ในขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังกลายเป็นมหาอำนาจของทวีป เมล็ดพันธ์แห่งความเกลียดชัง ก็ถูกส่งต่อให้แก่คนในประเทศผ่านชนชั้นปกครอง
ในช่วงทศวรรษที่ 1930's อาร์เจนตินาพยายามปลูกฝังแนวคิดต่อทหารเรือว่า บราซิล คือชนชาติที่ต่ำต้อยกว่า และปฏิบัติต่อคนที่พูดภาษาโปรตุเกส (ภาษาราชการของบราซิล) ในฐานะพลเมืองชั้นสอง
ในขณะที่บราซิล ผู้นำเผด็จการ เกตูลีโอ วาร์กัส ได้สั่งห้ามพูดถึงประวัติศาสตร์ที่พวกเขาพ่ายแพ้อาร์เจนตินาในสงครามซิสพาทีน และถูกลบออกจากหนังสือเรียน เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเพื่อนบ้าน
1
สิ่งนี้ได้ถูกส่งต่อผ่านฟุตบอล กีฬาที่ได้รับความนิยมของทวีป เมื่อทั้งคู่ต่างแย่งกันสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งบราซิลเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าในช่วงแรก ด้วยการคว้าแชมป์โลก 3 สมัยในปี 1958, 1962 และ 1970 พร้อมกับการแจ้งเกิดหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกที่ชื่อว่า "เปเล่"
1
แต่อาร์เจนตินา ก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในปี 1978 ที่แม้จะถูกเรียกกว่า "การแข่งขันที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์" แต่ในอีก 8 ปีต่อมา พวกเขาก็คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2
Photo : theanswerportland.com
นอกจากนั้น มันยังเป็นการให้กำเนิด "ดิเอโก มาราโดนา" นักเตะที่ชาวอาร์เจนไตน์ภาคภูมิใจ ที่กลายเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างแฟนบอลอาร์เจนตินาและบราซิล ว่าระหว่างเขากับ เปเล่ ใครเก่งกว่ากัน
1
ความขัดแย้งของพวกเขายังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ที่ทำให้การพบกันระหว่าง บราซิล และ อาร์เจนตินา กลายเป็นเกมที่ดุเดือดเลือดพล่าน ในขณะที่แฟนบอลก็มักเกิดการปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง ที่เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างเกลียดกันแบบไม่ยอมเผาผี
อย่างไรก็ดี กลับมีนักเตะชาวอาร์เจนตินาคนหนึ่ง ที่แฟนบอลบราซิลยกเว้น ที่ไม่ใช่แค่ไม่เกลียด แต่ยังชอบถึงขนาดเอาไปตั้งชื่อลูก ชื่อของเขาคือ ฮวน โรมัน ริเกลเม (Juan Roman Riquelme)
ริเกลเมแห่งบราซิล
ริเกลเม คือยอดนักเตะแห่งอาร์เจนตินา เขาเริ่มต้นสร้างชื่อตั้งแต่ค้าแข้งกับ โบคา จูเนียร์ส ในปี 1996 จากนั้นได้มีโอกาสได้ย้ายไปโชว์ฝีเท้าในยุโรปกับยอดทีมอย่าง บาร์เซโลนา และ บียาร์เรอัล ก่อนจะคัมแบ็คกลับมาเล่นให้โบคาอีกครั้งในปี 2007 และย้ายไปเล่นให้ อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส ช่วงสั้นๆ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2014
Photo : tn.com.ar
อย่างไรก็ดี หลังอดีตจอมทัพโบคา แขวนสตั๊ดไปถึง 6 ปี กลับมีชื่อของเขามากมายในดินแดนของศัตรูคู่อาฆาตอย่างบราซิล โดยเฉพาะในหมู่นักฟุตบอลนักฟุตบอลเยาวชน
1
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์ โคปา เซา เปาโล หนึ่งในทัวร์นาเมนต์เยาวชนชื่อดังของบราซิล ที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1969 เพราะจาก 127 ทีมทั่วประเทศที่เข้าร่วมเมื่อเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา มีนักเตะชาวบราซิลที่ชื่อ ริเกลเม ถึง 12 ราย ที่ลงทะเบียนในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว
และจากการเปิดเผยของสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ระบุว่ามีนักเตะจำนวนถึง 110 คนที่ลงทะเบียนในชื่อ Riquelme และอีก 41 คนที่ใช้ชื่อว่า Rikelme และอีกมากมายที่สะกดต่างออกไปอย่าง Riquelmo หรือ Rykelme และแน่นอนว่ามีที่มาจาก "ริเกลเม" ตำนานชาวอาร์เจนตินา
ครูเซโร หนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของแดนแซมบ้า ดูจะเป็นทีมที่มีนักเตะที่ใช้ชื่อนี้มากที่สุด โดยพวกเขามีนักเตะเยาวชนในทีมถึง 4 ราย ที่ตั้งตามจอมทัพชาวอาร์เจนไตน์ นั่นก็คือ Riquelme, Riquelmo, Rikelme และ Riquelmy
Photo : libero.pe
"มันก็ตลกดี บางครั้งคุณอาจจะเห็นคนในรุ่นเดียวกันตั้งชื่อตามผู้เล่นหรือดารา เรามีนักเตะ 6 คนที่ตั้งชื่อตาม Caua ดาราละครน้ำเน่าทางช่อง TV Globo" อเล็กซานเดร กราสเซลี โค้ชทีม U-17 ของ ครูเซโร กล่าวกับ Reuters
"นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ จากนักเตะอาร์เจนตินา และมันทำให้การสื่อสารยุ่งยาก เราพยายามหาวิธีจัดการ และตัดสินใจตั้งชื่อเล่นให้พวกเขา ไม่ให้มันเหมือนกัน"
อันที่จริงการตั้งชื่อตามนักเตะหรือคนดังไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับชาวบราซิล เพราะที่ผ่านมาต่างมีพ่อแม่ที่ตั้งชื่อลูกว่า "เอ็ดสันส์" ตาม เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต หรือที่รู้จักกันดีว่า "เปเล่" เช่นเดียวกับชื่อ "อาร์ตูร์ส" ที่มาจาก อาร์ตูร์ อันตูเนส โกอิมบรา หรือ "ซิโก้"
Photo : www.opopular.com.br
หรือแม้แต่ แกรี ลินีเกอร์ กองหน้าชาวอังกฤษ ก็เป็นหนึ่งในชื่อที่ได้รับความนิยมจากชาวแซมบ้า เมื่อผลสำรวจระบุว่ามีชาวบราซิลถึง 622 คน ที่ตั้งชื่อลูกว่า ลินีเกอร์ ตามอดีตดาวยิงของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2010
อย่างไรก็ดี สำหรับ ริเกลเม นั้นต่างออกไป เพราะเขาคือนักเตะของชาติที่ถือเป็นคู่ปรับตลอดกาลอย่างอาร์เจนตินา แต่ทำไมกลับได้รับความนิยมในบราซิล?
ดังระดับทวีป
1
ผลสำรวจระบุว่าชื่อ Riquleme มีอัตราถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 202 คนในช่วงทศวรรษที่ 1990's เป็น 14,037 คนในทศวรรษที่ 2000's หรือเพิ่มขึ้นถึง 6,894 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของชื่อผู้ชายในช่วงนั้น
ส่วนอันดับ 1 ก็ยังมาจาก ริเกลเม ที่เปลี่ยนตัวสะกดเป็น Rikelme โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นจาก 26 คนเป็น 2,641 คน ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 10,057 เปอร์เซ็นต์
Photo : www.fcbarcelonanoticias.com
เหตุผลสำคัญน่าจะมาจากผลงานของริเกลเม ที่โด่งดังระดับทวีปในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับ โบคา ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 3 สมัยในปี 2000, 2001 และ 2007
นอกจากนี้ ในแต่ละปีที่คว้าแชมป์ พวกเขายังปราบทีมจากบราซิลในรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ จึงไม่แปลกที่ชื่อของเขา จะถูกนำไปตั้งสำหรับเด็กที่เกิดในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000
ริเกลเม ซูซา ซิลวา คือหนึ่งในคนที่ได้ชื่อของเขาได้รับอิทธิพลมาจากแข้งชาวอาร์เจนไตน์ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นใน ศึก โคปา เซา เปาโล 2020 หลังยิง 6 ประตูจาก 5 เกม พร้อมช่วยให้ Atletico Goianiense ทำอันดับได้ดีที่สุดเท่าที่ร่วมการแข่งขันมา
Photo : sagresonline.com.br
"เพราะว่าลุงของผม เขาเป็นแฟน โบคา จูเนียร์ส ในช่วงเวลาที่ผมเกิด (ปี 2001)" ริเกลเม ซูซา ซิลวา กล่าวกับ Bleacher Report
"หลังจากนั้นคืนหนึ่ง พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังดูเกมของโบคา และถามพ่อของผมว่าจะเป็นอะไรมั้ยถ้าตั้งชื่อผมว่า ริเกลเม พ่อของผมโอเค แม้ว่าเขาอาจจะไม่รู้จักเขารู้เรื่องฟุตบอลมากนัก"
เช่นเดียว เฮลตัน อาร์รุดา อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิลและ ปอร์โต ก็ตั้งชื่อลูกชายว่า ริเกลเม ไม่ต่างกับ โรนัลโด แองเจลิม อดีตกองหลัง ฟลาเมงโก ที่ยิงประตูชัยช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เมื่อปี 2009 ก็ทำแบบเดียวกัน
"เขาเป็นยอดกองกลางคนหนึ่ง เป็นคนที่ผมรู้สึกสนุกเมื่อได้ดูเขาเล่น" แองเจลิมกล่าวกับ Bleacher Report
"แต่ที่จริงเพราะว่าอดีตภรรยาของผม เราพยายามเลือกชื่อนักฟุตบอลที่คล้ายกับลูกชายคนแรกของเรา โรนัลด์ เดอ บัวร์ และตอนที่เราได้ยินชื่อนี้ ลูกคนที่สองของเราก็กำลังจะมา เราจึงเอาชื่อเขาไปตั้งเป็นชื่อเธอ"
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาได้รับการยอมรับที่บราซิล
โจกา โบนิโต
"ถ้าเราเดินทางจากจุดเอไปจุดบี ทุกคนจะใช้ทางด่วนหกเลนเพื่อไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด" ฮอร์เก วัลดาโน อดีตนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาและ เรอัล มาดริด กล่าว
"ยกเว้นริเกลเม เขาจะเลือกถนนที่ลัดเลาะไปตามภูเขาที่ใช้เวลา 6 ชั่วโมง แต่นั่นก็ทำให้เขาได้ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม"
Photo : www.taringa.net
แม้ว่า ริเกลเม จะประสบความสำเร็จกับ โบคา จูเนียร์ส และเคยเล่นให้กับทีมดังในยุโรปอย่าง บาร์เซโลนา และ บียาร์เรอัล รวมถึงติดทีมชาติอาร์เจนตินาไปเล่นฟุตบอลโลกปี 2006 ในฐานะหมายเลข 10 แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้เล่นที่กวาดแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
นอกจากนี้ หากมองจากภายนอก เขายังดูเป็นนักเตะที่ค่อนข้างขี้อาย และไม่ค่อยมีเสน่ห์เมื่อเทียบกับตำนานชาวอาร์เจนตินาในอดีต ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความนิยมในบราซิล คือลีลาการเล่นในสนาม
ริเกลเม เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยทักษะและพรสวรรค์ เขาเปลี่ยนสนามให้เป็นฟลอร์หญ้า ใช้ความสามารถเฉพาะตัวที่มี ทำให้ฟุตบอลกลายเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นตา ราวกับพ่อมดกำลังร่ายมนต์ในสนาม
"(ริเกลเม) เลี้ยงบอลได้อย่างนุ่มนวลและเชื่องเท้าในสนาม ราวกับว่ามันเป็นสุนัขคู่ใจ" ทอสเทา นักเตะบราซิลชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1970 อธิบาย
เขามีเอกลักษณ์ของบราซิลที่ชื่อว่า "โจกา โบนิโต" (Joga Bonito) ด้วยการเล่นที่สวยงาม เพลินตาและเร้าใจ ไม่ว่าจะเป็นตอนครองบอล จ่ายบอล หรือหาจังหวะยิงประตู ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ
นอกจากนี้ เขายังมีความเป็นศิลปิน ซึ่งบราซิล "เคย" อุดมไปด้วยนักเตะสไตล์นี้ ถึงขนาดที่ เปเล่ ตำนานของบราซิล ยังให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 ว่า "ในอดีตบราซิลเคยมีนักเตะอย่างริเกลเม" จึงทำให้ ริเกลเม เข้าไปครองหัวใจแฟนบอลชาวแซมบ้าอย่างจัง
Photo : elconfidencial.com
"ถ้าบราซิลคือบ้านของศิลปินลูกหนัง ดูเหมือนจะเข้าใจได้ว่า ทำไมพวกเขาจึงแสดงความเคารพต่อผู้เล่นที่มีความเป็นศิลปินมากที่สุดที่อาร์เจนตินาเคยมีมา" เอเซเกล เฟอร์นันเดซ มัวร์ส คอลัมนิสต์ชาวอาร์เจนไตน์ ที่ติดตามริเกลเมมาตั้งแต่ปี 1996 กล่าวกับ Bleacher Report
"มาราโดนา และเมสซี มาจากอีกมิติหนึ่ง พวกเขาโด่งดังมากกว่าในระดับโลก แต่ริเกลเมคือปรากฎการณ์ที่แตกต่าง เขาเป็นที่นิยมจากคนที่เคยดูเขาเล่น ซึ่งรู้ว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่เพราะว่าเทคนิคและทักษะที่เยี่ยมยอดของเขา แต่เพราะบุคลิก และความสง่างามในฐานะศิลปินลูกหนัง"
"มันจึงเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดเขาจึงสามารถสร้างแรงกระเพื่อมในบราซิลได้ขนาดนี้ มันจึงไม่ใช่แค่ผลงานชั้นยอดที่น่าจดจำตอนที่เจอกับสโมสรบราซิลในเกมสำคัญเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการที่ไม่มีนักฟุตบอลแบบนี้มานานแล้ว"
"เขาสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆ เพื่อให้ได้บอล และเป็นผู้เล่นที่ไม่จำเป็นต้องวิ่งมาก บางทีนี่อาจจะเป็นคำอธิบายถึงความโหยหาต่อริเกลเมก็เป็นได้"
"เหมือนกับซีดาน เขามีชื่อที่สวยงามและเป็นศิลปินลูกหนัง ซีเนดีน และ โรมัน ก็เหมือนกัน"
มรดกที่เหลือไว้
แม้ว่า ริเกลเม จะเลิกเล่นไปตั้งแต่ปี 2014 แต่ชื่อของเขายังคงไม่ลบเลือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซิล ที่กลายเป็นหนึ่งในชื่อยอดนิยมของประเทศ และสิ่งนี้คือข้อพิสูจน์ถึงการยอมรับในตัวเขาทั้งที่เป็นดินแดนของคู่ปรับ
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้ ริเกลเม ก้าวมาถึงจุดนี้คือการยึดมั่นในสไตล์การเล่นของตัวเอง แม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ถูกใจผู้จัดการทีม ที่ทำให้ครั้งหนึ่งเขาต้องหมดอนาคตในการค้าแข้งที่ยุโรป แต่เขาไม่สน เพราะนี่คือตัวตนและเปลี่ยนแปลงไม่ได้
1
Photo : www.sportskeeda.com
"ผมสนุกกับฟุตบอลอย่างเต็มที่ ผมหวังให้ผู้คนสนุกกับมันเหมือนกับผม ผมพยายามทำให้มีแต่ช่วงเวลาดีๆ" ริเกลเมกล่าว
ชื่อของเขาจึงเป็นเหมือนมรดกชิ้นสุดท้ายที่เขาหลงเหลือไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีนักเตะที่มีลีลาการเล่นที่สวยงามและน่าตื่นตา ที่แม้แต่แฟนบอลของคู่แข่งยังให้การนับถือ
และบางทีปรากฎการณ์เกี่ยวกับชื่อของเขาที่เกิดขึ้นในบราซิลในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อาจจะเป็นหลักฐานของความคิดถึงต่อนักเตะแบบ "ริเกลเม" ก็เป็นได้
"ริเกลเมเล่นฟุตบอลที่น่าดึงดูด เหมือนกับชาวบราซิลคนหนึ่ง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ พรสวรรค์และความฉลาด" กราสเซลลีกล่าวกับ Reuters
"เขาอาจจะไม่เหมือนเมสซี หรือเนย์มาร์ แต่เขาก็คือสัญลักษณ์ในยุคหนึ่งเช่นกัน"
บทความโดย มฤคย์ ตันนิยม
โฆษณา