20 มี.ค. 2020 เวลา 16:24 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP4 : วิเคราะห์ Mazda 2 Sedan&Hatchback เเบบสรุปสั้นกระชับ เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ทำไมยอดขายร่วง
ถึงเวลาต้องปรับตัวเเล้วหรือยัง
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ข้อดี
+ดีไซน์ภายนอก-ภายในถูกใจวัยรุ่น
+วัสดุภายในพรีเมี่ยมไฮโซที่สุดในกลุ่ม
+ประหยัดน้ำมันตาม Eco Car Phase 2
+ช่วงล่างขับสนุกทั้งเกาะหนึบที่สุดในกลุ่ม
+การเก็บเสียงทำได้ดี
+ออพชั่นความสบายเยอะที่สุดในกลุ่ม
+ออพชั่น Safety มาค่อนข้างครบ
+มีเกียร์ Auto 6 speed เเละเครื่องดีเซล
ข้อเสีย
-พื้นที่ภายในเเย่มากที่สุดในกลุ่ม
-เบาะหลังเเย่มากๆๆๆที่สุดเเล้วในกลุ่ม นั่งเเทบไม่ได้
-ความอเนกประสงค์เเทบไม่มี
-รุ่นเบนซินเครื่องอืดอาดกว่าคู่เเข่งชัดเจน
-รุ่นดีเซลไม่ได้เเรงกว่าคู่เเข่งเเถมเเพงกว่า เเล้วขับไปไม่รู้จะมีปัญหาเมื่อไหร่
-ถุงลมเเค่ 2 ใบทุกรุ่น
-ราคาสูงกว่า Nissan Almera เเละไม่ได้ถูกกว่า Honda City มากขนาดนั้น
เเละนั่นละครับ คือ การวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย Mazda2 Sedan&Hatchback เเบบสั้นกระชับรวดเร็ว สำหรับท่านที่ต้องการความรวดเร็ว
คราวนี้สำหรับท่านที่ต้องการดูการวิเคราะห์เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียตามเเบบฉบับของ Carman เเล้วละก็ เลื่อนนิ้วลงไปอ่านด้านล่างเลยครับ
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราได้เจาะลึก Honda City Gen5 เเละ Nissan Almera ไปเเล้ว ซึ่งเป็น 2 คู่เเข่งที่สดใหม่เเละมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ใครยังไม่ได้อ่านคลิกได้ที่นี่เลยครับ
คราวนี้เรามาดู Eco Car ที่เคยมียอดขายเป็นอันดับ 1 เเต่ตอนนี้กลับร่วงหล่นตกมาเป็นอันดับ 3 กันบ้างดีกว่า
เดิมทีช่วงปี 2015 Mazda เรียกเสียงฮือฮาในวงการรถยนต์เมืองไทยได้พอสมควร ด้วยการเป็น Eco Car Phase 2 คันเเรก(ใครยังไม่ได้อ่านคลิกได้ที่นี่เลยครับhttps://www.blockdit.com/articles/5e6e20e2cf88e60997d83772) เเถมยังใส่เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรลงมาอีกด้วย เป็นครั้งเเรกในกลุ่ม Eco Car
มันมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ออพชั่นใหม่ ภายในที่พรีเมี่ยมไฮโซมากเกินกว่าความเป็น B-Segment เครื่องยนต์ Skyactivc ใหม่พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ไม่ใช่ CVT
เหมือนคู่เเข่ง ถูกใจขาซิ่งมาก เเถมจุดเด่นจุดหลัก คือ มีอัตราการสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในรถยนต์ในประเทศเลยก็ว่าได้ ขับสนุก
ขับมัน ขับนิ่ง จนทำให้ยอดขายขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน Eco Car(หากนับรวม 2 ตัวถังของ Mazda 2 นั้นเยอะกว่า Honda City ซะด้วย)
เเถมยังมีการปรับออพชั่นใหม่ให้ทันสมัยทุกต้นปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เเละได้ Minorchange(เเต่งหน้าทาปาก)ไปเมื่อปลายปีที่เเล้ว
อย่างไรก็ตาม กาลเวลาผ่านไป เเน่นอนครับ คู่เเข่งเริ่มจับทาง Mazda 2 ถูกที่เน้นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน เเม้ Suzuki Swift(เราจะนำมาเจาะลึกในอนาคต โปรดติดตามตอนต่อไป)จะทำไม่สำเร็จโดยเเพคเกจรถเเละเเบรนด์ที่เป็นรอง เเต่เเล้วคู่เเข่งที่เเบรนด์ใหญ่กว่าส่งของดีออกมานั้นก็คือ Nissan Almera เเละ Honda City เมื่อปลายปีที่เเล้ว
ซึ่งราคาหลัง Minorchange มีดังนี้ครับ
เครื่องยนต์เบนซิน
รุ่น 1.3 E AT 546,000
รุ่น 1.3 C AT 602,000
รุ่น 1.3 S AT 627,000
รุ่น 1.3 S Leather AT 648,000
รุ่น 1.3 SP AT 690,000
เครื่องยนต์ดีเซล
รุ่น 1.5 Turbo XD AT 782,000
รุ่น 1.5 Turbo XDL AT 799,000
*รุ่น Sedan เเละ Hatchback ราคาเท่ากัน
เเน่นอนครับเปิดมาราคาสูงขนาดนี้ ยี่ห้อที่ถึงกับยิ้มหวานเเละขำกลิ้งเลยก็คือ Nissan Almera เเละ Honda City ที่เพิ่งเปิดราคาไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน โดยเฉพาะ City ที่เพิ่งโดนก่นด่าเรื่องราคาไปไม่กี่วัน มาเจอตัวนี้
ปุ๊ป City กลายเป็นถูกไปเลย โดยที่ City RS เเพงกว่า Mazda 1.3 SP เเค่ราวๆ 40,000 บาท คนก็ไป City กันหมดสิครับถ้าเเบบนี้
งานนี้ทำเอา Mazda 2 ถึงกับช็อตไปเลย
จากเดิมที่ยอดขายเกิน 3000 คันเป็นขั้นต่ำ เเถมมี 4000-5000 คันในหลายเดือน มาหลังจากเปิดปีใหม่มาเดือนเเรกได้ 2700 เดือนที่ 2 ได้ 2000..... โดน Honda City ฉีกกระจายไปกว่าเท่าตัว เเถมยังโดน Nissan Almera เเซงด้วย ทั้งๆที่ 2 คันก่อนหน้าเขาขายเเค่ Sedan นะครับ Mazda2 ขายทั้ง 2 ตัวถัง คือ Sedan กับ Hatchback ขายได้น้อยกว่า
นับว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ของ Mazda2 เลยก็ว่าได้
เเต่เรามาเจาะลึกกันดีกว่านะครับว่าจริงๆเเล้วมันมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ทำไมยอดร่วง
ข้อดี
-การขับขี่ที่เทพที่สุดในกลุ่ม นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Mazda มาเเต่ไหนเเต่ไรเเล้วในเรื่องของการเอาใจคนขับซึ่ง Mazda ทำมาได้ดีตลอด เเต่พอใส่เทคโนโลยี Skyactivic ที่ประสานทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวทั้งเกียร์,เครื่องยนต์,ช่วงล่าง,ตัวถังเเละวิศวกรรมทุกส่วนเข้าไป มันทำให้ Mazda2 ขับสนุกมาก เข้าโค้งได้มัน ช่วงล่างเกาะเเละหนึบ คุณสามารถที่จะเข้าโค้งด้วยความเร็ว 100 km/h หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจมาก เอาใจผู้ขับขี่เป็นหลัก
-สาเหตุที่ทำให้ขับขี่ได้ดีมากเราต้องยกความดีความชอบให้เทคโนโลยี GVC Plus รุ่นล่าสุดด้วย มันเป็นระบบที่มีหน้าที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ดีขึ้น โดยเมื่อรถเริ่มเข้าโค้ง เครื่องยนต์จะลดเเรงบิดลงทำให้น้ำหนักของตัวรถถ่ายมายังล้อหน้าทำให้ยึดเกาะถนนมากขึ้น พอถึงช่วงขณะอยู่ในโค้งจะควบคุมการถ่ายน้ำหนักหน้า-หลังให้สมดุล เเล้วพอออกจากโค้ง จะปรับเเรงบิด
กลับทำให้น้ำหนักของตัวรถถ่ายไปยังล้อหลังนั่นเอง ทำให้ช่วยในการขับขี่อย่างสนุกสนานได้มากทีเดียว สายเข้าโค้ง เน้นช่วงล่าง handling หนึบๆ ชอบเเน่นอน
-เเม้ตัวรถจะมีอายุตัวถังเก่าเเต่ต้องยอมรับว่าดีไซน์ภายนอกเเละภายในยังดูค่อนข้างลงตัวเเละทันสมัยอยู่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่เเข่ง ทั้ง Honda เเละ Nissan ที่เพิ่งเปิดตัวไปมากนัก ดีไซน์ Mazda ยังออกเเนวสปอร์ตจ๋าอยู่
-วัสดุภายในนั้นต้องบอกว่าพรีเมี่ยมมากที่สุดในกลุ่มนี้เเล้ว เป็นจุดขายของ Mazda 2 รุ่นนี้ตั้งเเต่เเรก โดยเฉพาะคุณซื้อรุ่น 1.3 S Leather ขึ้นไป คุณก็จะได้เบาะหนังกลับ alcantara เหมือนกับ City รุ่น RS เเละเเผงคอลโซลหน้านั้นหุ้มหนังบุนุ่มเดินด้ายจริงทั้งเเผง รวมถึงเเผงประตูก็หุ้มหนังกลับเช่นกัน ทำให้บรรยากาศภายในดูพรีเมี่ยมใกล้เคียงกับรถ C-Segment รวมทั้งตำเเหน่งการวางหน้าจอเเละสวิตซ์ต่างๆที่เเอบจะคล้ายบรรดา BMW ทั้งหลาย ก็สร้างภาพลักษณ์ความเป็นไฮโซเหมือนรถยุโรปพรีเมี่ยมให้กับ Mazda2 ได้เป็นอย่างดี จุดนี้ให้เลย 10/10
-มีออพชั่นความปลอดภัยในภาพรวมที่ค่อนข้างดี เพราะในรุ่น 1.3 SP เเละ 1.5 XDL คุณจะได้ระบบเตือนมุมอับสายตา ABSM, ระบบเตือนวัตถุผ่านด้านหลัง RCTA, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศารวมทั้งเซนเซอร์กะระยะทั้งด้านหน้าเเละด้านหลัง ซึ่งถือว่าเยอะเป็นลำดับต้นๆเป็นรองเเค่ Almera
-มีออพชั่นความสะดวกสบายมากที่สุดในกลุ่ม ในขณะที่ City RS มีเเป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เเละระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Criuse Control มาให้ซึ่งถือว่าดีเเล้ว เเต่ Mazda2 มาเหนือกว่านั้นครับ คือ มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้า Auto เเละปัดน้ำฝน Auto ซึ่งมักพบใน C-Segment ราคา 9 เเสนอัพ เเละที่เด็ด คือ จอ Active Driving Display เป็นจอเเสดงข้อมูลการขับขี่เเบบลอยตัว มักจะพบในรถ D-Segment ราคา 1.5 ล้านอัพ หัวข้อนี้ถือว่า Mazda เด่น
-ได้เกียร์ Auto 6 speed เป็นเจ้าเดียวที่มีเกียร์เเบบที่ไม่ใช่ CVT เเน่นอนครับ อารมณ์ในการขับ เกียร์ Auto เเบบฟันเฟืองได้เปรียบกว่า CVT เพราะมีการไล่รอบเเละเปลี่ยนเกียร์เเบบจริงๆ ไม่เหมือน CVT ที่ลากไปเรื่อยๆธรรมดา สายกระทืบคคันเร่งถูกใจ
-มีเครื่องดีเซลให้เลือกเป็นพิเศษ ขณะที่คู่
เเข่งมีเเต่เครื่องเบนซิน เหมาะกับคนที่ชอบการลากรอบเเละบุคลิกเเรงบิดเเบบดีเซล
-ประหยัดน้ำมันเเบบที่ Eco Car Phase 2 ควรจะเป็น คือ มากกว่า 20 km/l ในการวิ่งทางไกล ประหยัดค่าน้ำมันได้มากทีเดียว
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-เครื่องยนต์เบนซินที่เเม้สเปคจะเป็นเครื่อง 1.3 ลิตร(93 เเรงม้า เเรงบิด 123 นิวตันเมตร)ซึ่งใหญ่กว่าคู่เเข่งหลายค่ายที่ใช้ 1.2 ลิตร เเถมได้เกียร์ auto 6 speed ช่วย เเต่พอเอาเข้าจริงๆเเล้วอืดอาดมากเลยนะครับ ดีเเค่ตอนออกตัวเเต่หลังจากนั้นเเรงหาย ซึ่ง CVT จะได้เปรียบตรงที่เเรงปลายจะดีกว่าเพราะเกียร์มันไม่ลากรอบ มันไปต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับคู่เเข่งเเล้วอัตราเร่งค่อนข้างรั้งท้ายกลุ่ม คือ 0-100 km/h มีเกือบเเตะๆ 15 วินาทีเลยทีเดียว ทั้งที่สเปคก็ดีกว่าคู่เเข่งหลายคันเเต่ดันทำอัตราเร่งเเย่กว่าซะงั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไม หรือเป็นเพราะน้ำหนักตัวถังมากกว่าคู่เเข่ง ก็อาจมีส่วน เพราะน้ำหนักเกิน 1.1 ตัน เเต่ในภาพรวมเมื่อเป็น Skyactivc เเล้วเเถมเกียร์ auto 6 ด้วย ควรจะทำได้ดีกว่านี้ ผู้ที่ต้องการพละกำลังสำรองไม่เหมาะครับ ถ้าไปเทียบกับ Almera เเละ City บอกเลยว่าคนละโลกครับ
-เครื่องยนต์ดีเซลนั้นเเม้สเปคจะบอกว่ามี 105 เเรงม้า เเรงบิด 250 นิวตันเมตร
เเรงบิดเยอะตามสไตล์เครื่องดีเซล เเต่พอเอาเข้าจริงๆเเล้วในการลองอัตราเร่งนั้น มันไม่ได้เเรงตามตัวเลขในโบรชัวร์ คือ คุณเชื่อหรือไม่ว่า 0-100 km/h นั้นทำได้ใกล้เคียง Almera ใหม่ทั้งที่รายนั้นสเปคเขาด้อยกว่านี้เยอะ(100 เเรงม้า เเรงบิด 153 นิวตันเมตร)เเม้น้ำหนักรถ Mazda2 หนักกว่า อาจจะเป็นข้อเเก้ตัวได้ เเต่ในการขับจริงมันเเค่มี
เเรงดึงเป็นช่วงๆ ไม่ได้เร่งดีขนาดนั้น อารมณ์เหมือนเครื่อง Mazda หลายรุ่นนั้นตัวเลขในโบรชัวร์จะไปไกลเกินอัตราเร่งในความเป็นจริง เเละเเน่นอนครับว่ามันเเรงสู้ City ไม่ได้เเน่นอน รายนั้นปล่อยเขาไปครับ
-ช่วงล่างในความเร็วต่ำไม่ได้นุ่มสบายเท่า City เพราะตามสไตล์มาสด้า คือ ติดฟิลลิ่งสปอร์ตจ๋า ทำให้อาจไม่ได้นุ่มนวลมาก ใครชอบความสบายไป City ครับ
-มีมิติภายนอกที่เล็กกว่าคู่เเข่งเกือบทุกคันในตลาด เเละเเน่นอนครับมันเล็กกว่า 2 คันก่อนหน้านี้มากเลยทีเดียว(หน่วยที่ใช้คือ มม.)
Mazda2 Sedan | City | Almera
ความยาว 4320 4553 4495
ความกว้าง 1695 1748 1740
ความสูง 1470 1467 1460
ฐานล้อ 2570 2589 2620
เเน่นอนครับ ลูกค้าที่ชอบความคุ้มค่าในเเง่ของตัวถังที่ดูใหญ่โตเมื่อเทียบกับราคา เห็นเเล้วไม่ปลื้มเเน่นอน พ่อตาเเม่ยายไม่ปลื้ม ยิ่งถ้านำมาจอดเทียบกัน Mazda2 ดูเล็กไปเลย
-จุดที่น่าจะเป็นจุดด้อยที่สุดของรถคันนี้ คือ พื้นที่ภายในครับ ถ้า Honda ใช้หลัก Man Maximum Machine Minimum เอ่อ.... ผมว่า Mazda คงใช้หลัก Machine Maximum Man Minimum อะครับ 5555 คือ ด้วยดีไซน์คง Mazda หลายๆรุ่นค่อนข้างสวยเเละมีสัดส่วนดูดี เเต่สังเกตอะไรอย่างไหมครับ ว่าด้านหน้าของตัวรถนั้น Mazda ออกมายื่นมาก ยื่นยาว ขณะที่ Honda มักจะหน้าสั้น เเน่นอนครับ มันส่งผลถึงเรื่องพื้นที่ภายในสิครับ เพราะการที่หน้ารถยื่นซึ่งก็คือส่วนของห้องเครื่องนั่นเองมันทำให้ส่วนของผู้โดยสารนั้นต้องบีบเล็กลงไปด้วย ทำให้พื้นที่ภายในอึดอัดมากที่สุดในกลุ่ม
-นอกจากพื้นที่ภายในจะเล็กเเล้ว เเต่จุดที่เเย่ไปกว่านั้น คือ เบาะหลังครับ บอกได้เลยว่า ย่ำเเย่มากที่สุดในกลุ่ม หรือจะถ้าจะพูดกันตามตรงคือเรียกได้ว่าเเย่ที่สุดในรถบ้านที่ขายในไทยในปัจจุบันเเล้วเเหละครับ คือ มันมีพื้นที่ legroom(ที่วางขา)เล็กมาก ถ้าหากผมปรับเบาะในตำเเหน่งที่ตัวเองนั่งด้านหน้าสบาย พอมานั่งหลังปุ๊ป เข่าจะชนเบาะอยู่เเล้วครับ มันอึดอัดมาก ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะไม่ต้องพูดถึงครับ หัวติดในรุ่น sedanเเม้ในรุ่น hatchback จะยังพอเหลือที่เหนือหัว 1-2 นิ้วในเเนวนอน เเต่เอาจริงๆมันเเทบไม่ช่วยเลยครับ ด้วยความที่พื้นที่วางขาเล็ก เบาะรองนั่งนั้นสั้นมาก สั้นชนิดที่ผมสามารถเอา 3 นิ้วในเเนวนอนไปสอดผ่านข้อพับกับปลายเบาะรองนั่งได้สบายๆ !!!! เเถมกระจกหลังยังไม่เป็นเส้นตรง เป็นเส้นเอียงขึ้นตามเส้นสายภายนอก ทำให้สร้างความอึดอัดเข้าไปอีก เบาะหลังนั้นคนที่จะนั่งได้สบายนั้น คือ คนที่ตัวผอม สูงประมาณสัก 160 ไม่เกินนี้ครับ เข้าใจครับว่าไม่เน้นเบาะหลังเเต่อย่างน้อยมันควรจะนั่งได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่นั่งเเบบคับเเคบเเบบนี้ เว้นเเต่ว่าคุณเคยนั่งเบาะหลังของรถกระบะเเบบมีเเคปเปิดได้มาก่อนละก็ คุณจะนั่งเบาะหลัง Mazda 2 ได้ครับ เเต่ถ้าเทียบกับคู่เเข่งทุกคันเเพ้เขาหมดครับ เทียบกับ City โอ้โหคนละโลกเลยครับ ถ้าใครให้พ่อตาเเม่ยายนั่งเบาะหลังคันนี้ อาจโดนตัดขาดเลยครับ555(ล้อเล่นนะครับ)มันไม่ใช่ที่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่จะนั่งได้สบายเลย
-ความอเนกประสงค์ภายในห้องโดยสารน้อยมาก คือ ไม่มีกล่องเก็บของคอลโซลกลางสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ไม่มีพนักเท้าเเขนเเบบพับเก็บได้สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่หนัก คือ เเผงประตูคู่หลังไม่มีเเม้เเต่ทีวางเเก้วน้ำครับ ถ้านึกภาพไปกัน 4 คน ซื้อกาเเฟ 4 เเก้ว จะให้คนนั่งหลังจะถือไปตลอดทางหรอครับ หรือจะต้องถึงขั้นขอวางที่เเผงประตูคู่หน้า มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งลำบากอะครับ ช่องเก็บของน้อยเเล้ว ผู้โดยสารตอนหลังก็ไม่มีช่องชาร์จไฟเหมือน Almera เเละ City ครับ เรียกได้ว่าความอเนกประสงค์เเทบจะไม่มีเลย
-พื้นที่เก็บของท้ายรถเล็กมากซึ่งเเทบจะเรียกได้ว่าท้ายรถ Mazda2 2 คันเท่ากับท้ายรถของ City หรือ Almera คันเดียว!!!
สาวๆนักช้อปทั้งหลายหรือใครก็ตามที่มีสัมภาระเยอะไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง
หรือไม่ก็เอาของวางไว้ที่เบาะหลังครับ555
-เเม้ระบบความปลอดภัยภาพรวมจะดี เเต่รุ่นท็อปถุงลมยังคงมีมาให้ 2 ใบ ในขณะที่ชาวบ้านเขามีกัน 6-7 ใบกันหลายยี่ห้อเเล้ว
-ราคาที่ค่อนข้างเเพงเกินไป เช่น รุ่น 1.3 SP AT 690,000 เเม้จะมีออพชั่นค่อนข้างครบ เเต่ในราคาถูกกว่านี้ คุณมีทางเลือก คือ Nissan Almera VL 639,000 ได้ระบบ Safety เยอะกว่ามากเป็นรองเเค่ออพชั่นช่วยความสบายเเละการตกเเต่งวัสดุภายใน
ช่วงล่างอาจไม่สนุกเท่า เเต่ได้เครื่องยนต์ที่ดีกว่าคนละเรื่อง ห้องโดยสารใหญ่กว่ามากหรือจะเพิ่มเงินอีกนิดไปเอา City RS คุณก็จะได้เครื่องยนต์ที่เเรงที่สุดในกลุ่ม เเรงสะใจมาก อาจด้อยกว่าเเค่ออพชั่นบางตัวเเละการตกเเต่งวัสดุภายในก็เป็นรองไม่ได้เยอะมาก เเถมได้ห้องโดยสารที่ใหญ่โตเท่า Civic FC นั่งนิ่มสบายผ่อยคลายฟินตลอดทาง เเถมได้ชื่อชั้นเรื่องของเเบรนด์ Honda ที่ดีกว่าทนกว่าเเละราคาขายต่อที่ดีกว่า หรือรุ่นดีเซลก็ราคาเเพงเวอร์เกิน รุ่น XDL ราคา 799,000
เเพงกว่า City RS 60,000 บาท ถือว่าเเพงเกินไปไกลมากทั้งที่ตัวรถเเทบจะไม่ได้มีจุดดึงดูดมากกว่า City RS เลย เพิ่มอีกนิดไปเล่น C-Segment ที่ราคา 8 เเสนกว่าบาทดีกว่าครับ
-defect เครื่องดีเซลที่น้ำดันที่ยังไม่ทราบว่าเเก้จบหรือยัง เคยเป็นประเด็นใหญ่ที่มาสด้าดันฟ้องลูกค้ากลับ เรื่องราวบานปลายใหญ่โต จนทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อรุ่นดีเซล
สรุป-ขับ 1 หรือ 2 คน ไปกลับที่ทำงาน เน้นภายในไฮโซ ขับสนุก พ่อตาเเม่ยายดิสไลค์ให้กับรุ่นนี้
ใครชอบภายในคล้ายรถยุโรป วัสดุพรีเมี่ยม
ออพชั่นเเน่น ภายในกระชับ ใช้งาน 1-2 คน
ขับมัน ขับสนุก Mazda2 ตอบโจทย์ครับ
ที่ผ่านมานั้น Mazda 2 อาศัยจุดขายในเรื่องของดีไซน์ วัสดุภายใน การขับสนุก ความประหยัดน้ำมัน ออพชั่นดี
เเต่มาวันนี้ต้องยอมรับเเล้วว่า Mazda2 เเทบจะไม่ได้มีจุดเด่นที่มากพอที่จะขายเยอะเหมือนช่วงก่อนๆอีกเเล้ว เพราะคู่เเข่งนั้นต่างพัฒนารถให้มีการประหยัดน้ำมันที่ดีเท่า วัสดุภายในใกล้เคียงมากขึ้น ช่วงล่างการขับใกล้เคียงมากขึ้น ดีไซน์ดีเหมือนกันเเล้ว....
จุดบอดหลักสำคัญ ของ Mazda2 คือ พื้นที่ภายในโดยเฉพาะเบาะหลังครับ ซึ่งเราเข้าใจว่า Mazda2 ไม่ได้เน้นตลาดกลุ่มเเมส กล่าวคือ เน้นเฉพาะกลุ่มที่ใช้รถ 1-2 คน หรือคนที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ชอบเเฟชั่น ไม่ได้เน้นกลุ่มกว้างสำหนับผู้คนทั่วไปเหมือน
ค่ายอื่นๆ มันก็เป็นเอกลักษณ์ของ Mazda ในส่วนนี้ เเต่ในโลกความเป็นจริงเเล้ว บางครั้งคนเราต้องยอมสลัดเอกลักษณ์ตัวเองออกไปบ้างเพื่ออนาคตของตัวเอง
การที่รถของ Mazda เเทบทุกรุ่นนั้นออกมามีภายในคับเเคบก็ทำให้กลุ่มลูกค้าเเคบลง เพราะในเมืองไทย กลุ่มครอบครัว กลุ่มที่บ้านมีผู้หลักผู้ใหญ่ มีลูก มีเพื่อนฝูงมีอยู่เป็นจำนวนมาก มากกว่าคนที่ใช้รถ 1-2 คน
มันทำให้ลูกค้าเเทบทุกคนที่อยู่ในกลุ่มใหญ่กาชื่อ Mazda ทิ้งไปก่อนอันดับเเรกเลย
มันคงถึงเวลาเเล้วที่ Mazda ต้องเปลี่ยน
เเปลงจุดนี้ ต่อให้รถคุณจะมีดีอะไรเเค่ไหน
เเต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าลูกค้านั่งไม่สบาย ไม่มีพื้นที่ใช้สอยที่ดี ก็เหมือนกับคนที่หัวล้านได้หวี คือ ในชีวิตจริงลูกค้าอาจไม่ได้เน้นสมรรถนะ วัสดุภายใน ออพชั่นพรีเมี่ยมอะไรมากขนาดนั้นอะนะครับ
เเม้ในโลกโซเชียล กองเชียร์ Mazda อาจจะเยอะเเต่ถ้าหาก Mazda ไม่เปลี่ยนเเนวทาง มันอาจทำให้ Mazda มีกลุ่มลูกค้าเเคบๆเเละก็มียอดขายที่หดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายหลัก Mazda ร้อยละ 60-70 มาจาก Mazda2 ถ้า Mazda2 ร่วงก็ทำให้
ภาพรวมเเบรนด์ยอดขายเเย่ลง
เราไม่จำเป็นต้องก็อปสไตล์ยี่ห้ออื่นหรอกครับ เเต่เเค่ดูเเนวทางหรือสูตรสำเร็จของเขาเเล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับเเบรนด์เรา
อย่าง Honda ถามว่าทำไมเขาประสบความสำเร็จ เป็นยักษ์ใหญ่ในไทยได้ เเม้ช่วงล่างเเละการขับขี่รวมถึงงานประกอบอาจจะไม่ได้ดีมาก ค่อนจะรั้งท้ายด้วยซ้ำ เเต่ในรุ่นหลังๆก็พยายามพัฒนาได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนดีในระดับที่ขับใช้งานทั่วไปได้ดีเเค่อาจจะไม่ดีเท่าคู่เเข่งเท่านั้นเอง เเต่จุดขายหลัก คือ ศูนย์บริการดี(หลายปีหลังอาจดร็อปไปเยอะ เเต่ก็ยังดีกว่าอีกหลายยี่ห้อ)เครื่องยนต์เเละเกียร์ซ่อมง่าย เเรงเเละประหยัดน้ำมัน พื้นที่ภายในกว้างสบาย ใช้งานง่าย
สูตรนี้ไม่ใช่เเค่ Honda เเม้เเต่พี่ชายสุดที่รักของ Honda อย่าง Izuzu ในตลาดกระบะ(ความจริงอาจเป็นมากกว่าพี่น้อง) ก็ใช้สูตรเเบบนี้ คือ การขับพอใช้งานทั่วไปได้อาจไม่ดีมาก เครื่องเเละเกียร์ซ่อมง่าย เเรงเเละประหยัด ภายในกว้าง ใช้งานง่าย ศูนย์บริการดี ซึ่งทั้ง 2 นี้ยี่ห้อพิสูจน์เเล้วว่าได้ผลดีมาตลอดหลายสิบปี ทำให้พวกเขาเป็นยักษ์เบอร์ 2 เเละ 3 ที่กอดคอกันมาตลอด
นี่ละครับ Mazda ลองนำมาปรับใช้ให้เข้ากับเเบรนด์ของตัวเองดูครับ เพื่ออนาคตที่สดใสครับ เพราะว่า............................................
บางครั้งรถที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่ดีที่สุดเเต่ต้องเป็นรถที่ถูกจริตกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ก็เหมือนกับคนรักอะครับ เขาอาจไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็คที่สุด เเต่ถ้าหัวใจเราบอกว่าใช่ มันก็เป็นคนนี้เเหละครับที่เรามีความรู้สึกดีๆด้วย
เรากับเขาก็เป็นเเฟนกันตามที่ใจเราบอกเลย
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Mazda2 Sedan&Hatchback
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
เเละอีกช่องทางการติดตามนึงสำหรับผู้อ่านย้อนหลัง คือทาง FB: Carman สามารถติดตามย้อนหลังจากเผยเเพร่ทาง Blockdit 2 วัน ไปกดไลค์กดติดตามกันได้นะครับ
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
วันนี้ลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา